แนว พัซเซิลสยองขวัญ
ระบบ PS4, Xbox One, PC
เรตเกม PEGI: 18 เหมาะสำหรับผู้เล่นที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป
ต่อให้คุณเป็นแฟนคลับซีรีส์อายุ 30 อัพ หรือติ่งน้อยหน้าใหม่ ก็ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง กับการหวนคืนจอของตำนานเกมยิงผี ที่ไม่อิงทุกสิ่งตามต้นฉบับ
เกม Resident Evil 2 เวอร์ชันปี 2019 ที่เพิ่งปล่อยวางจำหน่ายนี้ เป็นผลงานการจับเอาตำนานเกมเก่าแก่คลาสสิคสมัยเครื่องเล่น เพลย์สเตชัน มารีเมคทำใหม่ให้แฟนๆได้หายคิดถึง แต่ทว่าการกลับมาในครั้งนี้ มันไม่ได้มีเพียงแค่เรื่องของ ภาพกราฟิก ที่แลดูเปลี่ยนไป แต่ยังนับรวมถึงองค์ประกอบทุกอย่างตั้งแต่หัวจรดเท้า ที่ทำให้มันกลายเป็นคนละเกม แตกต่างจากประสบการณ์เดิมที่พวกเราเคยสัมผัสเมื่อ 21 ปีก่อน
หากให้อธิบายความรู้สึก มันคงคล้ายๆกับ ภาพยนตร์เวอร์ชันรีเมค ที่ถูกถ่ายทำสร้างใหม่ด้วยฝีมือผู้กำกับคนละคน ถึงแม้โครงบทพล็อตเรื่อง กับเหล่าตัวละคร จะยังคงเมนหลักเอาไว้เหมือนเดิม แต่อารมณ์บรรยากาศ ลำดับเหตุการณ์ และวิธีบอกเล่านำเสนอ จะต่างออกไปโดยสิ้นเชิง ซึ่งเกมนี้ก็เป็นแบบนั้นเช่นเดียวกัน เพราะทั้งเส้นทางการเดิน, แผนผังอาคาร, จุดที่ศัตรูโผล่, ตำแหน่งไอเทม ไปจนถึงพัซเซิลปริศนา ล้วนถูกยกเครื่องใหม่หมด อย่างเช่น ฉากเดินสำรวจร้านค้าในปั๊มน้ำมัน เกริ่นก่อนเข้าเกมที่ไม่มีในต้นฉบับ หรือปริศนารูปปั้นในโรงพัก ที่ต้องเดินหาเหรียญถึงสามอัน ทั้งๆที่เมื่อก่อนใส่แค่เหรียญเดียว แบบนี้เป็นต้น ซึ่งเรื่องประหลาด เซอร์ไพรส์ อะไรมากมายเหล่านี้ จะมีให้ผู้เล่นได้พบเจอตั้งแต่ฉากเปิดยันฉากจบเกม เลยทีเดียว
แน่นอนว่า เนื้อหาเรื่องราวภายในเกม ยังคงเกี่ยวพันกับเหตุการณ์เชื้อไวรัสแพร่ระบาดในเมือง Raccoon City ที่ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่กลายสภาพเป็นผีดิบ ซอมบี้ ซึ่งเราในฐานะผู้รอดชีวิตต้องพยายามหาทางหลบหนีออกมาจากนครมรณะแห่งนี้ โดยตัวเกมจะเปิดโอกาสให้เราได้ตัดสินใจเลือกเล่นสวมบทบาทเป็นใครก่อนก็ได้ ระหว่าง Leon S. Kennedy นายตำรวจมือสะอาดหน้าละอ่อน ที่เพิ่งเข้ามาประจำการวันแรก แต่กลับต้องพบเจอกับฝันร้าย เมื่อปาร์ตี้รับน้องใหม่ของบรรดารุ่นพี่ กลายสภาพเป็นงานเลี้ยงสุดสยองที่เขาต้องจดจำฝังใจไปอีกนาน
ในทางกลับ หากเลือก Claire Redfield เราก็จะได้พบกับเรื่องราวการตามหาพี่ชายของแม่สาวผมแดง ที่ดูไปก็คล้ายๆกับของ ลีออน เพียงจะแตกต่างนิดหน่อย ตรงอาวุธที่ใช้ และเส้นทางการเดินช่วงกลางเรื่องที่แยกสายออกไป รวมถึงตัวละครที่พบเจอระหว่างทางก็ต่างด้วยเช่นกัน จะพบปะหญิงแกร่ง เอด้า หรือเจอะเจอสาวน้อย เชอร์รี่ ก็ล้วนขึ้นอยู่กับการตัดสินใจเลือกตัวละครของเราเอง
ถ้าให้บอกทุกสิ่งอย่างที่เปลี่ยนไป เราคงสาธยายได้ไม่หมด เพราะมันมีหลายเรื่องเหลือเกิน จึงขอเน้นแค่จุดเปลี่ยนที่สำคัญๆอย่างเรื่อง มุมกล้อง ที่หันมาใช้มุมมองข้ามไหล่บุคคลที่สามแบบเดียวกับภาค 4 ที่ทำให้เราสามารถมองเห็นทางข้างหน้า และเล็งยิงจุดต่างๆบนตัวซอมบี้ได้อย่างถนัดถนี่ อย่างไรก็ดี เพื่อเป็นการรักษาสมดุลให้ผู้เล่นยังคงรู้สึกท้าทาย ทางทีมผู้พัฒนา จึงกำหนดให้เป้าเล็งของเราถ่างง่าย ต่อให้ยิงหัวนัดเดียวก็ไม่ตาย แถมศัตรูยังมีลีลาส่ายโยกไม่หยุดนิ่ง ซึ่งมาลองคิดดู เปรียบเทียบกับเมื่อก่อนที่เพียงแค่เล็งปืนให้ถูกทิศก็ยิงโดนทุกเม็ดแล้ว เราว่าเวอร์ชันใหม่นี้แอบยากกว่าเสียด้วยซ้ำ
หลายคนอาจกังวลว่า ด้วยทัศนวิสัยที่กว้างไกลขึ้นจากมุมมองที่เปลี่ยนไป จะทำให้บรรยากาศความหลอนในเกมถูกลดทอนไปหรือเปล่า? บอกได้เลยว่าไม่ เพราะสิ่งที่พวกเขาใส่เข้ามาทดแทน นั่นคือ ความมืดมิดดำสนิท ของบรรดาหลอดไฟตามโถงทางเดินที่พร้อมใจกันดับ จนตัวเราแทบมองไม่เห็นอะไรเลยที่อยู่พ้นขอบเขตระยะแสงส่องของไฟฉาย และง่ายต่อการหลอกให้ผู้เล่นสะดุ้งตกใจด้วยเทคนิคตุ้งแช่นานาชนิด ซึ่งด้วยความมืดมิดนี้เอง จึงทำให้ไอเทมทุกชิ้น หรือจุดสำคัญทั้งหลายภายในฉาก ต้องมีการแสดงไอคอนไฮไลท์กำกับทุกครั้งไป
นอกเหนือจากมุมกล้องที่เปลี่ยนไป ตัวเกมยังมี ฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่มาช่วยอำนวยความสะดวกให้การเล่นดูลื่นไหล อาทิ ปุ่มชอร์ตคัต ในการสับเปลี่ยนอาวุธอย่างรวดเร็วทันใจ ไม่ต้องกดเข้ากดออกเมนู Inventory บ่อยๆ และการบริหารจัดสรรพื้นที่ว่างในช่องเก็บของก็ทำได้ง่ายดูสบายตาขึ้น ไปจนถึงระบบใหม่อย่าง ออโต้เซฟ ที่ช่วยให้เรารู้สึกอุ่นใจกล้าเล่นกล้าลองอะไรใหม่ๆ ซึ่งหากใครที่โหยหาความท้าทายแบบเก่าๆ ก็อาจต้องพิจารณาขยับขึ้นไปเล่นในระดับความยาก Hardcore เพื่อกดดันตัวเอง ด้วยจำนวนหมึกเซฟที่มีอยู่จำกัด
สำหรับฉากเมนหลักที่เราต้องเวียนวนเดินผ่านอยู่บ่อยครั้ง คงหนีไม่พ้น ฉากสถานีตำรวจ R.P.D. ฉะนั้น มันจึงไม่แปลกที่ทีมพัฒนา จะมุ่งเน้นใส่ใจกับมันมากเป็นพิเศษ ด้วยการจัดเต็มเทคนิคแสงเงาซะมันเลื่อม รีดศักยภาพ RE Engine ออกมาโชว์กันอย่างเต็มเหนี่ยว และเพื่อให้สอดคล้องกับการที่พวกเขาอุตส่าห์ทุ่มทุน รีโนเวท ทุบผนังเจาะเพดานเพิ่มเติมพื้นที่ใหม่ๆมาให้เราได้สำรวจ แน่นอน มันต้องมาพร้อมกับปริศนาใหม่ชวนปวดหัวที่เพิ่มจำนวนขึ้นเป็นเงาตามตัว เรียกได้ว่า ล้มเซไปทางไหนก็เจอแต่ปริศนาที่ไม่สามารถแก้ได้ในทันควัน ซึ่งตรงจุดนี้ หากใครที่ชื่นชอบการขุดคุ้ย งมหาคำใบ้ ไขปริศนาหนักๆที่ต้องอาศัยความจำเป็นหลัก แบบภาค 7 แล้วละก็ รับรองงานนี้ไม่มีผิดหวัง
เช่นเดียวกับต้นฉบับ เนื้อหาของเกมอาจไม่ได้ยาวมากนัก หากเราเลือกเล่นจบแค่ตัวเดียวแบบเดียว คงใช้เวลาเต็มที่ไม่เกิน 5 ชั่วโมง แต่นั่นหาใช่ความสนุกของเกมไม่ เพราะจุดประสงค์ที่แท้จริงคือการเล่นเคลียร์เก็บฉากจบให้ครบทุกรูปแบบ ซึ่งเพียงแค่ฉากจบแบบ A และ B ของสองตัวละครหลัก ก็ปาเข้าไปอย่างต่ำ 4 รอบแล้ว แถมยังมีโหมดเสริมตัวละครลับอย่าง Hunk หรือโหมดสุดท้าทายของนายเต้าหู้ ที่จะถูกปลดล็อคมาให้เล่นกันต่อ นอกจากนี้ ทางแคปคอม ยังมีแผนปล่อย DLC โหลดฟรี ที่เป็นเรื่องราวเสริมไซด์สตอรี่ของเหล่าตัวละครผู้โชคร้าย เข้ามาร่วมสมทบในอนาคต เมื่อลองคิดทบทวนดูอีกที หากจะหาเกมรีเมคใดในโลกที่คุ้มค่ากว่านี้ คงไม่มีอีกแล้ว
Resident Evil 2 อาจเป็นเกมไตเติ้ลแรกในประวัติศาสตร์เลยก็ว่าได้ ที่ไม่ได้ผ่านกระบวนการรีเมคตามธรรมเนียมปฏิบัติเหมือนใครเขา แถมสิ่งต่างๆมากมายที่เปลี่ยนไป มันก็ไม่ได้ลบเลือนภาพความทรงจำคลาสสิคเก่าๆให้จางหาย หนำซ้ำยังเติมความสดใหม่ให้กับตำนานเกมเซอร์ไววอลวิ่งหนีผี ที่บอกได้เลยว่า หากคุณพลาดอาจต้องเสียใจ และเสียดายไปตลอดชีวิต
เกมการเล่น | 9 |
กราฟิก | 9 |
เสียง | 9 |
ความคิดสร้างสรรค์ | 10 |
ภาพรวม | 9 |
ข้อดี : ทุกสิ่งเปลี่ยนไปราวกับเป็นภาคใหม่, มีเซอร์ไพรส์ซุกซ่อนไว้มากมาย, บรรยากาศความกดดันที่คงเดิมเหมือนต้นฉบับ, โมเดลตัวละคร-กราฟิกฉากดีงาม, หลากฟีเจอร์ที่ช่วยให้ตัวเกมเล่นสนุกขึ้น และอุดมไปด้วยโหมดเสริมคุ้มค่าเกินราคา
ข้อเสีย : ฉากมืดๆบางทีก็เป็นอุปสรรคเวลาเล่น กับการเน้นปริศนามากเกินไปจนเรื่องราวหลักไม่เดิน
สนับสนุนบทความรีวิวโดยบริษัท ไซคอม อะมิวส์เมนท์ จำกัด ผู้ได้รับลิขสิทธิ์ในการเป็นตัวแทนจำหน่ายเกมของค่าย แคปคอม(CAPCOM) อย่างเป็นทางการเพียงผู้เดียวในประเทศไทย
*ทีมงานผู้จัดการเกม เรียนเชิญผู้อ่านทุกท่านร่วมเป็นแฟนเพจ ManagerGame ทางเฟซบุ๊กเพื่อเพิ่มช่องทางการรับรู้ข่าวสารวงการเกมครับ*