แนว อาร์พีจี
ระบบ PS4, Xbox One, Switch, PC
เรตเกม PEGI: 12 เหมาะสำหรับผู้เล่นที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไป
การกลับมาของตำนานอาร์พีจีสุดเก่าแก่ ที่ถูกชุบชีวิตใหม่อีกครั้งด้วยความสมบูรณ์ครบครัน ทั้งด้านเนื้อหา และภาษา เหมาะสำหรับใครก็ตามที่เกิดไม่ทันยุคเอ็กบ็อกซ์360
Tales of Vesperia เรียกได้ว่าเป็นเกมเก่าคลาสสิค ที่เคยลงให้กับเครื่อง เอ็กบ็อกซ์360 และเพลย์สเตชัน 3 มาแล้วเมื่อครั้งในอดีต ซึ่งตัวเกมเวอร์ชัน Definitive Edition นี้ พูดง่ายๆคือเป็นการนำอาร์พีจีต้นฉบับดังกล่าว มาผ่านกระบวนการ รีมาสเตอร์ ขายใหม่ลงแทบทุกแพลตฟอร์มในปัจจุบัน ด้วยภาพกราฟิกที่ถูกอัปสเกลให้เข้ากับทีวีจอใหญ่ อีกทั้งยังเป็นครั้งแรกที่เหล่าสาวก โซนี่ จะได้สัมผัสมันในรูปแบบภาษาอังกฤษ หลังจากอดทนรอกันมานานร่วม 10 ปี
สำหรับเนื้อหาเรื่องราว จะยังคงเหมือนเดิมไม่มีอะไรแปรเปลี่ยน ซึ่งกล่าวถึงดินแดนแฟนตาซี Terca Lumireis ที่หวังพึ่งพาเทคโนโลยีโบราณ Blastia ในการดำรงชีวิตประจำวัน โดยมันเป็นทั้งแหล่งพลังงาน สามารถประยุกต์นำมาใช้ในการต่อสู้ รวมถึงเป็นขุมพลังให้แก่ กำแพงบาเรียร์ศักดิ์สิทธิ์ ที่คอยปกป้องคุ้มครองเมือง และรักษามวลมนุษยชาติให้อยู่รอดปลอดภัยจากพวกอสูรมอนสเตอร์
อย่างไรก็ตาม วิถีชีวิตอันสุขสงบหลบซ่อนอยู่หลังกำแพงต้องดำเนินมาถึงจุดพลิกผัน เมื่อเกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้นกับผลึก Blastia Core ที่จู่ๆถูกขโมยไปอย่างลึกลับปริศนา จนก่อความโกลาหลวุ่นวายให้กับชีวิตของผู้คนในเมือง ซึ่งนั่นรวมไปถึง Yuri Lowell หนุ่มตัวละครเอกนิสัยเฉยชา ผู้มีสกิลการต่อสู้ไม่ธรรมดา ที่ต้องพาตัวเองเข้าไปพัวพันกับสารพันปัญหา และนำทีมผองฮีโร่ร่วมชะตา ออกกอบกู้วิกฤตในครั้งนี้
ด้านระบบการต่อสู้ Tales of Vesperia นับเป็นเกมซีรีส์เทลส์ออฟภาคแรกๆที่หยิบเอาสไตล์บังคับควบคุมตัวละครอิสระแบบเกมแอ็คชั่น 3D มาผสมผสานเข้ากับแอ็คชั่นระนาบเดียวแบบเกมไฟท์ติ้ง 2D อันเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของซีรีส์ จึงช่วยเพิ่มมิติให้กับเกมเพลย์ในภาคนี้ ที่ไม่ได้มีเพียงแค่เดินหน้า ถอยหลังอีกต่อไป โดยระหว่างการต่อสู้ ผู้เล่นสามารถเลือกกดปุ่มโจมตีพื้นฐาน สลับกับสกิลท่าพิเศษ Artes ต่อเนื่องทำเป็นคอมโบ แถมยังมีเกจ Overlimits ด้านซ้ายมือ ที่ค่อยๆสะสมเพื่อใช้ในการปลดปล่อยระเบิดพลัง ซึ่งนอกเหนือจาก สกิลท่าโจมตีใหม่ๆ ที่ได้จากการเลเวลอัพตัวละครแล้ว ภายในเกมมันยังมี สกิลแปลกๆอื่นๆมากมาย ที่เราสามารถเรียนรู้ได้จากอุปกรณ์สวมใส่ อีกด้วย
หากเราเลือกที่จะนั่งเล่นคนเดียว ตัวละครที่เหลือในปาร์ตี้ จะถูกบังคับควบคุมโดยสมองกล AI ซึ่งพฤติกรรมของมันในฉากการต่อสู้ เราสามารถเซตตั้งค่าได้แบบเดียวกับเกม Final Fantasy XII อาทิ พลังชีวิตเหลือกี่เปอร์เซนต์ถึงฮีล ควรใช้ไอเทมจังหวะไหน โฟกัสโจมตีศัตรูประเภทใด กำหนดตำแหน่งการยืน หรือเลือกเพลย์เซฟเน้นป้องกัน อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าเราจะกำหนดเซตทุกอย่างเอาไว้รอบคอบสักแค่ไหน สุดท้ายมันก็ยังคงมีช่องโหว่ให้ปวดหัว จากการคิดเองไม่เป็นของเหล่าบรรดา AI เพื่อนร่วมก๊วน ที่มักยืนตีแลกหมัดกับมอนสเตอร์กันซึ่งๆหน้า ไร้เทคนิคหลบหลีกลูกล่อลูกชน ไม่สนใจค่าพลัง HP จนเป็นเหตุให้ไอเทมในคลังถูกเผาผลาญไปอย่างสิ้นเปลือง
ถึงแม้ว่าในระหว่างการต่อสู้ ผู้เล่นจะมีอิสระสามารถกดสลับเปลี่ยนไปบังคับตัวละครใดๆก็ได้ในปาร์ตี้ ไม่ต้องมาคอยหัวเสียกับบอท AI ที่ไม่ค่อยได้ดั่งใจ แต่นั่นจะไปสนุกอะไร ในเมื่อตัวเกมมันมีฟีเจอร์ Multiplayer อันเปิดโอกาสให้เราสามารถชักชวนเหล่าบรรดาเพื่อนสนิทมิตรสหาย มานั่งแจมโซฟาร่วมเล่นไปด้วยกันสูงสุดถึง 4 คน ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งเสน่ห์สีสัน ที่ทำให้เกมอาร์พีจีตีมอนฯแสนธรรมดา ดูน่าเล่นขึ้นมากเลยทีเดียว
จากการที่ตัวเกมฉบับรีมาสเตอร์นี้ ยึดเนื้อหาตามเวอร์ชัน PS3 เป็นหลัก ดังนั้น เราจึงจะได้เห็นตัวละครอย่าง Flyn Scifo อัศวินเพื่อนสนิทสมัยวัยเด็ก กับ Patty Fleur สาวนัอยโจรสลัด ปรากฏโผล่มาให้ได้บังคับกัน ในขณะที่คอนเทนต์อื่นๆนอกเหนือจากนั้น ส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นพวกชุดคอสตูมตัวละคร หรือสกิลท่วงท่าใหม่เล็กๆน้อยๆ ที่ดูแล้วไม่ค่อยมีสาระสำคัญอะไรสักเท่าไหร่
ด้วยความที่พวกเขาหยิบนำเอาของเก่าของเดิมมาปรุงแต่งเพิ่มเติมนิดๆหน่อยๆ แล้วดันเลือกตั้งราคาขายในระดับพอฟัดพอเหวี่ยงกับเกมออกใหม่ จึงอาจทำให้ Tales of Vesperia Definitive Edition ในสายตาของใครหลายๆคน ดูไม่ค่อยคุ้มค่า คุ้มเวลาสักเท่าไหร่ แต่ถ้าหากคุณเป็นแฟนเกมหน้าใหม่ การคัมแบ็คหวนกลับมาในครั้งนี้ ก็นับว่าเป็นโอกาสเหมาะเจาะที่คุณจะได้สัมผัสหนึ่งในตำนานเทลส์ออฟภาคที่ดีที่สุดของแฟรนไชส์
เกมการเล่น | 8 |
กราฟิก | 8 |
เสียง | 8 |
ความคิดสร้างสรรค์ | 7 |
ภาพรวม | 8 |
ข้อดี : เรื่องราวเข้มข้นน่าติดตาม, ใส่เสียงพากย์มาให้แทบทุกฉาก, ภาพสวยไม่ขี้เหร่แม้จะผ่านมา 10 ปี, ช่วยกันเล่นได้ 4 คน และน่าลองสำหรับใครที่ไม่เคยสัมผัสมันมาก่อน
ข้อเสีย : เกมเพลย์บังคับควบคุมที่โบราณงุ่มง่าม, AI ยังคงโง่เขลาเบาปัญญา, ไม่ค่อยมีอะไรแปลกใหม่, ไร้ระบบออโต้เซฟ และราคาแพงไปหน่อยเมื่อเทียบกับเนื้อหาที่เพิ่มเข้ามา
Shin
สนับสนุนบทความรีวิวโดยบริษัท Bandai Namco Entertainment
*ทีมงานผู้จัดการเกม เรียนเชิญผู้อ่านทุกท่านร่วมเป็นแฟนเพจ ManagerGame ทางเฟซบุ๊กเพื่อเพิ่มช่องทางการรับรู้ข่าวสารวงการเกมครับ*