แนว ชูตติ้ง FPS
ระบบ PS4, Xbox One, PC
เรตเกม PEGI: 18 เหมาะสำหรับผู้เล่นที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป
ภาคใหม่ของเกมชูตติ้งชื่อดัง ที่ยังคงเกาะกระแสสงครามโลก และสร้างความฮือฮาด้วยภาพปก "นักรบหญิง" ยืนเด่นท่ามกลางชายฉกรรจ์ แต่นั่นดูเป็นเพียงเรื่องจิ๊บๆเท่านั้น เมื่อเทียบกับความวิปริตผิดแปลกที่มีอยู่มากมายภายในเกม
Battlefield V เป็นผลงานล่าสุดของสตูดิโอ DICE ที่ยังคงเลือกใช้เอนจิ้น Frostbite ในการนำเสนอถ่ายทอดเหตุการณ์ สงครามโลกครั้งที่สอง อันเป็นเวทีหลักประจำภาคนี้ โดยก่อนหน้าที่จะวางจำหน่ายนั้น ตัวเกมได้สร้างปัญหาปวดหัวให้กับทีมงานมากมาย ไม่ว่าประเด็นดราม่าชาวเน็ตที่คัดค้านเรื่องการนำทหารหญิงมาเข้าร่วมสงคราม เรื่องกระบวนการพัฒนาที่ล่าช้าจนต้องเลื่อนวางจำหน่ายออกไป จนกระทั่งมาถึงปัจจุบัน พวกเขาก็ไม่วายโดนสวดยับจากแฟนๆ ที่พร้อมใจออกมาบ่นอุบถึง ความไม่สมจริงของตัวเกม ที่หยิบนำเรื่องราวลับที่ไม่ถูกจดบันทึกอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์มาแอบอ้าง เพื่อให้ตนสามารถนั่งเทียนเขียนบอกเล่าฉากการสู้รบอันโอเวอร์เหนือเหตุผลยังไงก็ได้ตามใจชอบ โดยที่ไม่มีใครกล้าแย้ง
สำหรับโหมดแคมเปญสงครามโลกฉบับพิสดาร ภายใต้ชื่อ War Stories ของเกมนั้น จะถูกแบ่งย่อยเนื้อหาไปตามตัวละครหลักๆที่ต่างมีส่วนร่วมในศึกสงครามกับ พรรคนาซีเยอรมัน โดยวีรกรรมลับโลกไม่รู้บทแรก จะเป็นเรื่องราวของ Billy Bridger หนุ่มนักโทษหัวขโมยวัย 20 ปี ผู้ขาดความรู้ประสบการณ์ ไร้ความชำนาญในด้านการใช้อาวุธ ที่จับพลัดจับผลูเข้าร่วมกองทัพอังกฤษเพื่อแลกโอกาสแก้ตัว แต่กลับเป็นตัวทีเด็ดสร้างความปั่นป่วนให้กองทัพศัตรูได้แบบงงๆ แถมช่วงท้ายโชคยังเข้าข้างที่จู่ๆก็มีฐานทัพร้างที่อุดมไปด้วยนานาอาวุธพร้อมสรรพ ผุดปรากฏขึ้นมาใจกลางทะเลทราย จนเป็นเหตุให้ตัวเขากับหัวหน้าหน่วยจอมบงการ สามารถต่อสู้ยืนหยัดต้านทาน กองกำลังทหาร รถถัง และฝูงบินของศัตรู กันตามลำพังได้อย่างสบาย
หากคิดว่าแค่นี้เวอร์แล้ว แสดงว่าคุณยังไม่สัมผัสเนื้อหาแคมเปญบทที่สอง กับเรื่องราวของ Solveig Fia Bjornstad สาวน้อยบอบบางหน้าใสวัย 18 ปี แห่งกองกำลังต่อต้านนอร์เวย์ ที่หวังปลดแอกดินแดนบ้านเกิดของตนจากการเข้ายึดครองของพวกนาซี ซึ่งถึงแม้ว่าเธอจะโดดเดี่ยวตัวลำพังไร้ญาติสนิทมิตรทหารคอยช่วยเหลือ แต่ด้วยแรงรัก และความกตัญญูที่มีต่อมารดา นั่นก็เพียงพอที่จะเป็นพลังผลักดันสำคัญที่ทำให้เธอสามารถบุกทะลวงฐานที่มั่นของศัตรู ฟันฝ่ากองกำลังผู้รุกราน และขัดขืนสู้แรงชายฉกรรจ์รูปร่างสูงใหญ่ได้แบบไม่ยำเกรง
ขณะที่เนื้อหาบทที่สาม ผู้เล่นจะได้สวมวิญญาณเป็น Deme Cisse นายทหารผิวสี ผู้หิวกระหายในชื่อเสียงมุ่งหวังคว้าเหรียญกล้าหาญ ต้องการพาพรรคพวกอันน้อยนิดไปเสี่ยงตายในสงคราม เพราะไม่อยากจับเสียมขุดดินปลอดภัยอยู่ภายในค่าย ซึ่งแม้ว่าความสุขของการกราดยิงแบบไม่ต้องแคร์สิ่งใด มันจะแสนสั้นจบไว และไม่ค่อยมีเหตุผลไปหน่อยก็ตาม แต่การนึกอุตริบุกตะลุยฝ่าดงนาซี ของกองพลผิวหมึกจำนวนหยิบมือนี้ ก็นับเป็นประสบการณ์ที่ใกล้เคียงกับคำว่า แบทเทิลฟิลด์ มากที่สุดแล้ว
ซึ่งจากที่ได้สัมผัส เราก็เข้าใจถึงความปรารถนาดีของทีมงาน DICE ที่หวังเดินตามรอยกระแส โอเพ่นเวิลด์ เหมือนซีรีส์เกมดังอื่นๆ ด้วยการมอบแผนที่ขนาดใหญ่มาให้ผู้เล่นได้มีอิสระเดินสำรวจเลือกทำภารกิจ และมันคงดูขัดหูขัดตา หากว่าตัวเอกของเรามีพรรคพวกเป็นกองร้อยติดสอยห้อยตามมาเป็นขบวน ดังนั้นพวกเขาจึงจำใจต้องหันมาใช้การบุกฉายเดี่ยว ลอบเร้นฝ่ากองทัพศัตรูลำพังตัวคนเดียวแบบเกม Far Cry และนั่นถือเป็นความผิดพลาดใหญ่หลวง เนื่องจากเกมแม่แบบที่เขาควรยึดตาม มันน่าจะเป็นซีรีส์ Bad Company หรือ Ghost Recon เสียมากกว่า ซึ่งถ้าหากพวกเขาเลือกตัดสินใจนำเสนอมันในลักษณะหน่วยย่อย มี AI เพื่อนร่วมทีม 3-5 คนตะลุยร่วมรบไปกับตัวละคร ทุกอย่างในเกมคงออกมาสมดุลเพอร์เฟกต์ เล่นสนุก และไม่ดูโอเวอร์น่าเหลือเชื่อจนเกินไป เหมือนอย่างที่เป็น
กลับกันในส่วนของโหมด ออนไลน์มัลติเพลย์เยอร์ นั้น ยังคงรักษามาตรฐานของซีรีส์เอาไว้ได้ดี ด้วยเซิร์ฟเวอร์ที่ครอบคลุมโลกทั้งใบ การจับคู่เจอห้องอันว่องไวไม่ต้องรอนาน รวมถึงประสบการณ์ความลื่นไหลในการเล่น ที่ปราศจากปัญหาอาการแลคใดๆ ในแบบที่คู่แข่งอย่าง "คอลออฟดิวตี้" ไม่อาจเทียบชั้นติด โดยขนเอาโหมดเด่นๆดังๆมารวมไว้ทั้งหมด อาทิ Conquest, Domination, Frontlines, Team deathmatch และ Breakthrough ผ่าน 8 แม็พแผนที่ที่มีความหลากหลาย และผู้เล่นแต่ละสายต้องอาศัยทีมเวิร์คทำงานประสาน คอยเติมกระสุน กล่องปฐมพยาบาล และชุบชีวิตเพื่อนที่ตาย เพื่อคว้าชัยไปด้วยกัน ซึ่งทุกครั้งหลังจบแมตช์ ตัวเราจะได้รับค่าประสบการณ์ และเงินจำนวนหนึ่ง เพื่อเก็บสะสมไปซื้อปลดล็อค อาวุธชุดเซต และสกินตัวละครใหม่ๆ ที่หน้าร้านค้า ในลักษณะอยากได้อะไรก็กดจิ้มซื้อสิ่งนั้นได้เลยทันที ไม่ต้องวัดดวงเปิดสุ่มของจากกล่อง Loot Box แบบเดิมๆ ที่ส่อเข้าข่ายการพนันอีกต่อไป
แม้จะมีเรื่องให้หน้าชื่นตาบานอยู่บ้าง อย่างไรก็ตาม ตัวเกมยังประสบปัญหาจากกระบวนการพัฒนาที่ไม่เสร็จสมบูรณ์ ทั้งในส่วนของโหมดแคมเปญ ที่ยังขาดในส่วนเนื้อเรื่องบทที่ 4 ของนายทหารฝ่ายเยอรมัน ซึ่งคาดว่าน่าจะแล้วเสร็จปลดล็อคพร้อมเสิร์ฟให้เล่นกัน วันที่ 4 ธันวาคมนี้ ในขณะที่ Firestorm โหมดสงครามออนไลน์ แบทเทิลรอยัล ที่แฟนๆหลายคนต่างเฝ้าคอยกันอย่างใจจดใจจ่อนั้น ก็ยังคงต้องอดทนรอนานจนถึงเดือนมีนาคมปี 2019 เลยทีเดียว
Battlefield V นับเป็นโปรเจกต์ที่เปี่ยมไปด้วยความตั้งใจเจตนาดี แต่เชิงปฏิบัติกลับพังล้มไม่เป็นท่าของทีมงาน DICE สตูดิโอ ผู้ใฝ่ฝันหวังเจาะตลาดเกมเมอร์ทุกกลุ่มเพศวัยพร้อมกันในคราวเดียว ไม่ว่าจะเป็น กระแสโอเพ่นเวิลด์ก็อยากตาม สงครามแบทเทิลรอยัลก็มีให้ อยากเล่นตัวละครผู้หญิงก็จัดไป ผู้เล่นสายแคชชวลอยากยิงง่ายๆก็เอาใจ หรือใครแค่ต้องการซึมซับประวัติศาสตร์ก็พยายามอิงให้ กระทั่งในที่สุดพอจับทุกอย่างมาผสมรวมเข้าด้วยกันแล้ว ผลลัพธ์ที่ได้ออกมาจึงดูเละตุ้มเป๊ะเหมือนสารเคมีที่ไม่เข้ากันอย่างแรง และทำให้การพัฒนาของพวกเขายุ่งยากล่าช้าตามที่เห็น
เกมการเล่น | 7 |
กราฟิก | 9 |
เสียง | 9 |
ความคิดสร้างสรรค์ | 6 |
ภาพรวม | 7.8 |
ข้อดี : กราฟิกงามรันบน PC ยิ่งสวย, ปืนแรงถีบน้อยคุมกระสุนได้ง่าย, เกมเพลย์รวดเร็วฉับไวตามรอย คอลออฟดิวตี้ และประสบการณ์ออนไลน์ที่ยังคงมาตรฐานแฟรนไชส์
ข้อเสีย : พล็อตเรื่องโอเวอร์เกินจริงไม่สมเหตุผล, โหมดแคมเปญแสนสั้น, อยากลอบเร้นทั้งที่องค์ประกอบไม่เอื้อ, อะไรต่างๆยังไม่พร้อมเหมือนเกมสร้างไม่เสร็จ, บัคบานเบอะ และการตามใจผู้เล่นทุกฝ่ายจนไม่เหลือตัวตน
Shin
สนับสนุนบทความรีวิวโดยบริษัท โซนี่ อินเตอร์แอคทีฟ เอนเตอร์เทนเมนต์ ฮ่องกง สาขาสิงคโปร์ (หรือ SIES) และบริษัท Next Generation InnovationNGIN
*ทีมงานผู้จัดการเกม เรียนเชิญผู้อ่านทุกท่านร่วมเป็นแฟนเพจ ManagerGame ทางเฟซบุ๊กเพื่อเพิ่มช่องทางการรับรู้ข่าวสารวงการเกมครับ*