แนว ต่อสู้
ระบบ PS4, Xbox One, PC
เรตเกม PEGI: 16 เหมาะสำหรับผู้เล่นที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป
กลับมาอีกครั้ง สำหรับซีรีส์เกมไฟท์ติ้ง สงครามศาสตราวุธ ของค่าย บันไดนัมโค ที่หวังเรียกคะแนนนิยมในหมู่ผู้เล่นหน้าใหม่ๆ และรีบูทแฟรนไชส์ไปด้วยในตัว
เมื่อพูดถึงเกมแนวต่อสู้ ชื่อแฟรนไชส์ที่ฮิตติดปากใครหลายๆคน คงหนีไม่พ้น Street Fighter หรือไม่ก็ Tekken เรียกได้ว่าหากนำมาวางขายคู่กัน คงมีน้อยคนนักที่จะเอื้อมมือไปหยิบ Soulcalibur ผลงานเกมไฟท์ติ้งพิชิตดาบมาร ที่อยู่ใต้ร่มเงาบารมีซีรีส์หมัดเหล็กในค่ายเดียวกันมาโดยตลอด แต่ถึงกระนั้น ซีรีส์เกมต่อสู้ลูกเมียน้อยดังกล่าว ก็ยังมีกลุ่มฐานแฟนคลับที่คอยติดตามอย่างเหนียวแน่น มาตั้งแต่สมัยยุคเครื่อง ดรีมแคสต์ อันเป็นแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้ผู้สร้างยังมีกะจิตกะใจสานต่อทำมันเรื่อยมา จนกระทั่งถึงยุคคอนโซลปัจจุบัน กับผลงานเกมภาคใหม่ลำดับ 6 ที่อาจเป็นภาคสุดท้ายของแฟรนไชส์ หากยอดขายไม่ทะยานถึงเป้า
ด้านเนื้อหาในภาคล่าสุดนี้ เสมือนเป็นการเล่าย้อนรำลึกเหตุการณ์ในเกม โซลคาลิเบอร์ ภาคแรก อีกครั้ง ณ ช่วงยุคศตวรรษที่ 16 ในสมัยที่ดาบมารดูดกลืนวิญญาณ Soul Edge ได้ถือปรากฏกายขึ้นบนหน้าประวัติศาสตร์เป็นครั้งแรก ในฐานะอาวุธคู่กายของจอมโจรสลัด Cervantes ผู้ก่อความโกลาหลวุ่นวายไปทั่วผืนปฐพี รบกวนเหล่านักรบผู้กล้าต้องเหนื่อยเดินทางกันมาปราบ แม้พล็อตเรื่องจะฟังดูซ้ำคล้ายเดิม แต่ทางทีมผู้พัฒนา ก็ได้มีการขยายเบื้องหลังเจาะเรื่องราวเก่าๆเหล่านั้น ที่เราเคยได้ยินกันมาแล้วให้ลึกลงไปอีก
ทางฝั่งนักสู้ ตัวเกมในเวอร์ชันปัจจุบัน บรรจุตัวละครมาให้เราเลือกเล่นจำนวนกว่า 20 ตัว โดยตัวละครหลักๆขาประจำซีรีส์ส่วนใหญ่ล้วนมากันครบ สมทบกับเหล่านักสู้หน้าใหม่ๆที่เพิ่งเปิดตัวให้เห็นกันในภาคนี้อย่าง Groh หนุ่มนักสู้ผมขาวผู้ใช้ดาบคู่ Double Saber ต่อกันเป็นอาวุธ รวมถึง Azwel ตัวร้ายหลักประจำภาคนี้ ผู้ครอบครองเศษชิ้นส่วนของทั้งดาบ Soul Edge และ Soul Calibur จึงทำให้เขามีพลังอำนาจเหลือล้น สามารถเสกศาสตราวุธ ออกมาโจมตี และป้องกันได้ดั่งใจนึก ส่วนตัวละครใหม่อีกหนึ่งตัวที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้กับ Geralt of Rivia ฮีโร่ผมหงอกจากซีรีส์เกมอาร์พีจี The Witcher ที่โผล่มาร่วมแจมในฐานะตัวละครแขกรับเชิญข้ามค่าย ผู้มาพร้อมสกิลตวัดดาบฟาดฟัน ผสานการร่ายเวทย์มนต์โจมตี ถือเป็นอีกหนึ่งตัวละครที่ดูครบเครื่องเลยทีเดียว
เกมเพลย์ในการต่อสู้นั้น ยังคงยึดตามเอกลักษณ์ดั้งเดิมของซีรีส์ ที่เน้นการโจมตีฟันแนวราบอันไวว่อง สลับกับการฟันแนวตั้งที่ดูรุนแรงกว่า แต่เชื่องช้าแถมหลบง่าย โดยผู้เล่นต้องอาศัยการช่วงชิงจังหวะ ป้องกัน หลบหลีก สวนกลับ และคอยเดาทางฝ่ายตรงข้ามอยู่เสมอ มิเช่นนั้นแล้ว อาจโดนจัดคอมโบชุดใหญ่เจ็บหนักจนเกราะแตกเอาได้ โดยที่ระบบกลไกเก่าๆยังคงมีอยู่ครบครัน เพียงแค่ปรับเปลี่ยนใหม่ให้ดูใช้งานง่ายมากยิ่งขึ้นด้วยการกดเพียงปุ่มเดียว ตามวัตถุประสงค์หลักของทีมพัฒนา ที่หวังเจาะตลาดกลุ่มผู้เล่นหน้าใหม่ๆ นั่นเอง
แต่กระบวนการเอาใจกลุ่มแฟนคลับขาจร มันไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่นั้น เพราะในภาคนี้ทาง บันไดนัมโค ยังได้มีการนำเสนอระบบใหม่ที่เรียกว่า Reversal Edge ซึ่งในระหว่างแมตช์การแข่งขันอันดุเดือด หากผู้เล่นกดปุ่ม R1 โจมตีใส่คู่ต่อสู้ ก็จะเป็นการตัดเข้าสู่ฉาก สโลว์โมชั่น มีเวลาเหลือเฟือให้สองฝ่ายเลือกกดหนึ่งปุ่มแอ็คชั่นเพื่อตัดสินว่าใครจะแพ้ ชนะ หรือเสมอ ในการปะทะครั้งนั้น โดยแต่ละปุ่มจะมีการแพ้ทางกันคล้ายๆการเล่นเป่ายิ้งฉุบ ซึ่งเหตุผลของการนำเสนอสอดใส่ระบบนี้เข้ามา ก็เพื่อให้ผู้เล่นหน้าใหม่ได้มีเวลาพักหายใจหายคอ หรือเบรคจังหวะคอมโบของพวกเซียนๆ ซึ่งเท่าที่เราลองสัมผัสมา การมีอยู่ของท่าโจมตีแบบบังคับมัดมือชก ที่บล็อคไม่ได้ กดสแปมใช้ได้ตลอดเวลา โดยไม่ต้องอาศัยเกจพลัง หรือเงื่อนไขข้อผูกมัดใดๆนี้ มันก็แอบสร้าง ความรำคาญ ให้เราอยู่เหมือนกัน
สำหรับโหมดเนื้อเรื่องหลักของเกม จะมีอยู่ด้วยกัน 2 โหมด อันดับแรกคือ Soul Chronicle โหมดสตอรี่ของเหล่าตัวละครนักสู้ออริจินอลภายในเกม ที่เป็นการบอกเล่าอธิบายประวัติความเป็นมา เหตุผลแรงจูงใจในการต่อสู้ และความสัมพันธ์ของแต่ละตัวละครที่มีต่อดาบ Soul Edge โดยเรื่องราวเฉพาะของกว่า 20 ตัวละคร ทั้งหมดจะถูกนำเสนอผ่านฉากคัตซีนภาพวาดการ์ตูนแน่นิ่ง 2D พร้อมข้อความวิ่งประกอบ ตัดสลับกับฉากการต่อสู้ในสังเวียนบ้างเป็นครั้งคราว ซึ่งตัวเกมจะไม่บังคับให้เราต้องนั่งเล่นเคลียร์จนจบทีละตัว เพราะหากยามใดที่เกิดรู้สึกเบื่อๆ ผู้เล่นก็สามารถกดออกเปลี่ยนไปดูเรื่องราวของตัวละครอื่นๆที่หน้าเมนูไทม์ไลน์ได้ตลอดเวลา
ขณะเดียวกัน ในส่วนของ Libra of Soul ก็ถือเป็นอีกหนึ่งโหมดสตอรี่เช่นเดียวกัน เพียงแต่หันมานำเสนอเรื่องราวของตัวละครนักสู้ Custom ที่ผู้เล่นสร้างขึ้นมาเอง ซึ่งแน่นอนว่า ย่อมต้องมีความเกี่ยวข้องกับดาบมารสะท้านภพ และมีสิทธิ์โคจรไปพบเจอเหล่าตัวละครหลักในระหว่างการเดินทาง สำหรับการเล่นในโหมดนี้ ตัวเกมจะมีแผนที่เดินเรือมาให้เราจิ้มเลือกมิชชั่นต่อไป ที่ดูแล้วเหมือนเป็นการบังคับเลือกซะมากกว่า ไม่ได้อิสระอย่างที่หลายคนคิด และเมื่อกดจิ้มเข้าไป เราก็จะพบกับฉากคัตซีน 2D ไม่ไหวติง พร้อมข้อความ ที่ยังคอยตามหลอกหลอนไม่เลิก ก่อนปิดท้ายด้วยฉากการต่อสู้ตามสเต็ปเดิม
สิ่งที่พอทำให้ผู้เล่นรู้สึกยังอยากเดินบนเส้นทางนักปั้นดินสู่ดาวอันแสนน่าเบื่อนี้ คงเป็นองค์ประกอบ อาร์พีจี ที่ทีมงานแอบแฝงสอดแทรกไว้ภายในโหมด Libra of Soul ที่ให้ผู้เล่นสามารถต่อสู้สั่งสมเก็บเกี่ยวค่าประสบการณ์มาเพื่อเลเวลอัพ และติดตั้งของสวมใส่ใหม่ๆให้กับตัวละครได้ อีกทั้งยังมีเกณฑ์วัดตาชั่ง คุณธรรม ที่จะขยับเอนเอียงหนักไปทางฝั่งใดฝั่งหนึ่งทันที เมื่อคุณตัดสินใจเลือกพาตัวละครถลำลึกเข้าสู่ด้านแสงสว่าง หรือความมืด แต่ก็อีกนั่นแหละ การที่พวกเขาไม่ใส่ใจในเรื่องการนำเสนอ ไม่ยอมทุ่มทุนสร้างมูวี่ CG เปิดตัวงามๆ หรือทำฉากคัตซีนบอกเล่าเรื่องราวให้มันดูน่าติดตาม ทุกอย่างเลยออกมาดู เสียของ ทั้งๆที่อุตส่าห์ได้ขุมพลังเอนจิ้น Unreal Engine 4 มาเป็นเพชรอยู่ในมือแท้ๆ แต่พวกเขาดันกลับเลือกทิ้งขว้าง ไม่ใช้ประโยชน์จากมันอย่างเต็มที่
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้โหมดเนื้อเรื่องแบบเล่นคนดียว จะดูเหมือนไม้ประดับที่ถูกเสริมแซมเข้ามา ไม่ค่อยใส่ใจลงทุนสร้างสักเท่าไหร่ แต่ตรงข้ามในโหมดออนไลน์นั้น กลับฉายแววโดดเด่นด้วยออพชั่นตัวเลือกปรับแต่งตามใจผู้เล่น ว่าจะเลือกจับคู่ต่อสู้เจอใคร โซนไหน หรือค่าปิงเท่าไหร่ ดังนั้นจึงไม่ประสบพบเจอปัญหาอาการแลคดีเลย์ระหว่างเล่น แต่อย่างใด จะแข่งเก็บสะสมแต้มไต่อันดับแรงค์ หรือตั้งห้องดวลกันแบบแคชชวล ก็ไร้ปัญหา แถมเสน่ห์อีกอย่างของเกมคือ เราสามารถนำตัวละคร Custom ที่เราสร้างมาใช้แข่งขันในโหมดออนไลน์ได้ ซึ่งแต่ละวัน คุณจะได้พบกับเซอร์ไพรส์ชวนน่าประหลาดใจถึง ไอเดียความคิดสร้างสรรค์ ที่กลั่นกรองออกมาจากมันสมองของเหล่าผู้เข้าแข่งขัน ที่รังสรรค์ตัวละครนักสู้จากเกม หรือการ์ตูนดังทั่วทั้งจักรวาล มาเปิดศึกประชันกัน จนสังเวียนต่อสู้ของเกมในปัจจุบันได้ถูกแปรเปลี่ยนเป็นเวทีประกวดคอสเพลย์ไปเรียบร้อย
กล่าวโดยสรุป จากความไม่มั่นใจของทีมผู้สร้างที่สะท้อนผ่านผลงาน ราวกับพวกเขารู้ตัวทำใจไว้ก่อนล่วงหน้าแล้วว่า มันคงไม่ปังเปรี้ยงปร้างอย่างที่หวัง จึงไม่ค่อยอยากเสี่ยงลงทุนไปกับมันมากนัก ผลผลิตที่ได้ออกมาจึงแลดูเซฟๆกั๊กๆไปไม่สุดสักทางตามที่เห็น หากให้บอกเล่าสรรพคุณของ Soulcalibur VI มันคงเหมาะกับคนที่ต้องการเล่นออนไลน์ อวดตัวละครของแต่งกายกับเพื่อนฝูงเท่านั้น แต่สำหรับใครที่หวังอยากสัมผัสความตื่นตาตื่นใจยิ่งใหญ่อลังการ หรือประสบการณ์เล่นคนเดียวแบบยาวๆแล้วละก็ เกมนี้อาจไม่ใช่คำตอบที่ดีนัก
เกมการเล่น | 8 |
กราฟิก | 8 |
เสียง | 8 |
การนำเสนอ | 6 |
ภาพรวม | 7.5 |
ข้อดี : กราฟิกสวยด้วยอันเรียลเอนจิ้น, โหมดออนไลน์ไหลลื่น, ปรับแต่งตัวละครได้อิสระตามจินตนาการ และความพยายามเข้าถึงกลุ่มผู้เล่นหน้าใหม่ๆ
ข้อเสีย : ระบบ Reversal Edge เหมือนแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ, การนำเสนอที่ไม่ค่อยทุ่มทุนสร้าง, ฟีเจอร์อะไรต่างๆดูเชยล้าสมัย และใครที่ต้องการเสพเนื้อหาดราม่าจริงจังอาจต้องผิดหวัง
Shin
สนับสนุนบทความรีวิวโดยบริษัท โซนี่ อินเตอร์แอคทีฟ เอนเตอร์เทนเมนต์ ฮ่องกง สาขาสิงคโปร์ (หรือ SIES) และบริษัท Next Generation InnovationNGIN
*ทีมงานผู้จัดการเกม เรียนเชิญผู้อ่านทุกท่านร่วมเป็นแฟนเพจ ManagerGame ทางเฟซบุ๊กเพื่อเพิ่มช่องทางการรับรู้ข่าวสารวงการเกมครับ*