แนว กีฬา
ระบบ PS4, Xbox One, PC
เรตเกม PEGI: 3 เหมาะสำหรับผู้เล่นที่มีอายุ 3 ปีขึ้นไป
ฤดูกาลใหม่เริ่มต้นขึ้นแล้ว สำหรับยอดเกมกีฬามหานิยมอย่าง "ฟีฟ่า" ที่ในภาคนี้อัดแน่นลูกเล่นใหม่ๆเข้ามามากมาย และยังคงคอนเซปต์ เกมเพลย์สุดลื่นไหล ถึงแม้อาจดูไวผิดธรรมชาติไปหน่อยก็ตาม
คงไม่ต้องบอก หลายคนก็รู้กันเป็นอย่างดีว่า สิ่งที่เป็นไฮไลท์เชิดหน้าชูตาประจำฟีฟ่าภาคใหม่นี้ มันคือลิขสิทธิ์รายการถ้วยใบใหญ่ Uefa Champions League ที่ทาง EA สามารถฉกช่วงชิงมันมาจากอ้อมอกของ วินนิ่ง ได้สำเร็จ และดูเหมือนพวกเขาจะภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก ถึงขนาดหยิบยกนำมาใช้เป็นฉาก Intro เปิดเข้าเกม พร้อมกับทำโหมดทัวร์นาเมนท์พิเศษแยกต่างหาก สำหรับแฟนบอลที่ต้องการพาทีมโปรดฝ่าฟันอุปสรรค ไล่ตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่ม จนทะลุผ่านเข้าไปถึงนัดชิงชนะเลิศที่ กรุงมาดริด ประเทศสเปน โดยสามารถแบ่งสายทีมตามการจับฉลากของจริง หรือจะสวมบทเป็นพระเจ้า เลือกคัดสรรจัดทีมลงในแต่ละกรุ๊ปได้ตามใจ
กราฟิก ในเกมฟีฟ่าภาคนี้ ต้องยอมรับว่าทำออกมาได้ดีจริงๆ ตั้งแต่ความสวยงามของสเตเดี้ยม บรรยากาศตอนลงสู่สนาม ไปจนถึงใบหน้านักเตะ (เฉพาะแข้งดังๆ) ที่ถูกสแกนมาอย่างสมจริงสมจัง เก็บรายละเอียดครบครัน ทั้งทรงผม และรอยสัก อีกทั้งแอนิเมชั่นการเคลื่อนไหวของผู้เล่นในสนามเอง ก็ได้รับการปรับปรุงให้ดูเหมือนคนจริงๆมากยิ่งขึ้น แต่ยังไงเสียมุมมองภาพรวมของ เกมเพลย์ ก็ยังห่างไกลไม่อาจเทียบเคียงซีรีส์คู่แข่ง เนื่องด้วยมันยังคงมี ลูกยิง ลูกจ่าย หรือการเลี้ยงบอล ที่ดูผิดลักษณะฝืนธรรมชาติ ให้เห็นอยู่บ้าง
ถึงเกมเพลย์จะเป็นจุดอ่อนสู้ใครเขาไม่ได้ แต่ในภาคนี้ทาง อีเอ ก็ได้พยายามสอดแทรกลูกเล่นใหม่ๆมาช่วยเพิ่มเติมสีสัน ที่เห็นชัดเจนเลยคือเรื่องของ ฟิสิกส์ลูกบอล ที่มีการเปลี่ยนทิศทาง เด้งตกใกล้ หรือกระดอนไกลห่างตัว แตกต่างไปตามผิวหน้าสัมผัส, จังหวะเบียดปะทะแบบ 50/50 ที่ค่าพลังของนักเตะเป็นตัวชี้วัดว่าใครจะได้ครองบอล, กองหลังที่มีความสูงใหญ่ สามารถอาศัยมวลร่างกายเบียดแย่งบอลจากกองหน้าสายวิ่งได้สบาย รวมถึงระบบใหม่อย่าง Active Touch ที่ทำให้การจับบอลแรกของเราได้เปรียบ จะแตะหนึ่งจังหวะแล้วตะบันยิง หรือไขว้ขาดูดบอลลงแบบ เนย์มาร์ ก็ทำได้
ส่วนเรื่องของจังหวะการจบสกอร์ จากอดีตที่ผ่านๆมา เชื่อว่าหลายคนคงรู้สึกหงุดหงิดกับลูกหลุดเดี่ยวเข้าไปยิงติดเซฟ หรือซัดไกลเต็มเหนี่ยวแล้วบอลพุ่งลอยเข้าหาซอง เหมือนเตี๊ยมกันมากับผู้รักษาประตู มาคราวนี้ ทีมผู้พัฒนา จึงเสนอทางออกด้วยระบบ Timed Finishing หรือการกดยิงสองจังหวะ ซึ่งการกดยิงครั้งแรกจะเหมือนการง้างเท้ายิงปกติ ในขณะที่การกดยิงครั้งที่สอง จำเป็นต้องกดในจังหวะที่แท่งขีดสีขาวเลื่อนมาบรรจบพบกันตรงกลางพอดิบพอดี เพื่อให้ลูกยิงของเรามีความแรง และทิศทางที่แม่นยำเพอร์เฟกต์เกินกว่าที่ผู้รักษาประตูคนใดจะต้านทานไหว แต่ทว่าทักษะการยิงขั้นสูงนี้ มันก็มาพร้อมกับความเสี่ยง เพราะหากเรากะจังหวะกดยิงครั้งที่สองผิดพลาดคลาดเคลื่อนไปเพียงเล็กน้อย บอลก็จะพุ่งหลุดไถลออกนอกกรอบไปไกล ซึ่งการควบคุมสติกะจังหวะกดให้พอดีนั้น ถือเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก โดยเฉพาะในระหว่างเกมการแข่งขันอันดุเดือด
ทางฝั่งเกมรับแผงหลังที่เคยประสบปัญหาในภาคก่อน มาคราวนี้ก็ได้รับการปรับจูนแก้ไขใหม่ให้กระชับพื้นที่ และประกบตัวแน่นขึ้น ซึ่งต้องขอบคุณ ฟิสิกส์ ความแข็งแกร่งของนักเตะที่ส่งผลค่อนข้างมากในสนาม จึงทำให้การกระชากลากเลื้อยผ่านกองหลังของผู้เล่นที่ชอบกดแช่ปุ่มวิ่ง R2 เป็นไปได้ยาก โดยเฉพาะเวลาแข่งเจอคอม ที่เราแอบรู้สึกว่า AI กองหลังฝ่ายตรงข้าม เหมือนมีแม่เหล็กดูดติดกองหน้าของเรายังไงยังงั้น ในขณะที่ สปีดในการออกตัว และการส่งบอลจากเท้าสู่เท้า ก็ยังคงความลื่นไหลตามสไตล์ FIFA แถมค่อนข้างรวดเร็วฉับไวเกินไปด้วยซ้ำ ซึ่งความรู้สึกของการต่อบอล ที่ให้อารมณ์เหมือนตอนกดปุ่ม Forward กรอวิดีโอไปข้างหน้าด้วยสปีดความเร็ว x2 เห็นเพียงแค่ลูกกลมๆสีขาวชิ่งไปมานี้ อาจชวนให้ใครหลายๆคนนึกไปถึง เกมกีฬาเล่นบนโต๊ะชนิดหนึ่งที่พวกเรารู้จักกันดี
มาถึงโหมดสำคัญอย่าง The Journey: Champions ที่ดำเนินต่อเนื่องเรื่อยมาเป็นภาคที่สามแล้ว กับเรื่องราวของ "อเล็กซ์ ฮันเตอร์" (Alex Hunter) ตำนานนักเตะผิวสีเบอร์ 29 ที่ชีวิตของเขาได้เดินทางมาถึงช่วงบทสรุปจุดสูงสุดของอาชีพค้าแข้ง กับการได้ย้ายมาสวมใส่เสื้อราชันชุดขาว Real Madrid สมตามความปรารถนาที่เฝ้ารอมานาน แต่ทว่าการได้มาอยู่ในสโมสรอันดับหนึ่งของโลกเต็มไปด้วยเหล่าแข้งสตาร์ดาราคับคั่ง มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เมื่อเขาต้องแบกรับภาระความกดดัน จากทั้งสื่อ-แฟนบอลที่รอดูผลงาน, เหล่าสต๊าฟโค้ชที่ต้องการความขยันทุ่มเท อีกทั้งยังต้องแข่งขันกับเพื่อนร่วมทีมเพื่อยึดตำแหน่งตัวจริง รวมไปถึงความคาดหวังอันสูงส่งของ ประธานสโมสร ผู้ต้องการคว้าแชมป์ถ้วยใบใหญ่ครองจ้าวยุโรปติดต่อกันเป็นสมัยที่ 14
ในฐานะขุนพลหน้าใหม่แห่ง "กาลาติกอส" ผู้เล่นจะได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากบรรดาแข้งซูเปอร์สตาร์ดาวดังรุ่นพี่ ผู้ทำหน้าที่เป็นเหมือนครูฝึก Mentor คอยบอกสอนทริค แนะนำเทคนิค และพัฒนาขีดพลังความสามารถด้านต่างๆให้กับเรา ซึ่งนักเตะพี่รหัสเหล่านี้ จะเข้ามามีส่วนร่วมช่วยเราทั้งการฝึกในสนามซ้อม และตอนลงแข่งขันในสนามจริง โดยเมนูก่อนแข่งในภาคนี้จะเพิ่มออพชั่นตัวเลือกพิเศษให้เราตัดสินใจได้ว่า จะเลือกบังคับตัวละครนักเตะในสนามเฉพาะคณะกลุ่มปาร์ตี้ Mentor ที่เราสนิทด้วย ยกตัวอย่างเช่น ขอเลือกบังคับเพียงแค่ ฮันเตอร์, โมดริช, มาร์เซลโล, ครูส, วาราน และ อิสโก้ ส่วนนักเตะอีก 5 ตำแหน่งที่เหลือในทีมก็ยกให้ AI เป็นคนจัดการควบคุมแทน ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งความท้าทายแปลกใหม่ สำหรับใครก็ตามที่ไม่กลัวความสับสนโกลาหลวุ่นวาย
อีกหนึ่งไฮไลท์ความพิเศษของโหมด The Journey ในภาคนี้ นั่นคือมันจะมีตัวละครหลักมาให้เราสวมบทบาทถึง 3 ตัวด้วยกัน โดยนอกเหนือจาก "อเล็กซ์ ฮันเตอร์" แล้ว เรายังสามารถเปลี่ยนบรรยากาศไปซึมซับสัมผัสเรื่องราวของอีกสองตัวละครเมื่อใดก็ได้ที่เราต้องการ ในลักษณะช่วงเวลาไทม์ไลน์คู่ขนานที่ดำเนินไปพร้อมๆกัน เช่นเล่นๆอยู่ในถิ่นสเปน ก็สามารถจิ้มเปลี่ยนตัวละครย้ายข้ามฝั่งไปยังเกาะอังกฤษเพื่อช่วยเหลือ "แดนนี่ วิลเลียมส์" (Danny Williams) เพื่อนซี้ตัวปัญหา ในการนำพาพลพรรคปีศาจแดง Manchester United กลับคืนสู่ความยิ่งใหญ่ รวมถึงกอบกู้ชีวิตค้าแข้งของเขา หรือหากยามใดที่เราเริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายกลิ่นเหงื่อผู้ชาย ก็สามารถเปลี่ยนสลับไปเล่นตัวละคร "คิม ฮันเตอร์" (Kim Hunter) น้องสาวต่างแม่ของ อเล็กซ์ ที่ต้องการพาทีมชาติสหรัฐฯของเธอ ทะลุผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายศึกบอลโลกหญิง FIFA Women's World Cup 2019 ที่ฝรั่งเศส
สำหรับใครที่มองหาการเล่นแบบดั้งเดิม โหมดอาชีพ Career ที่ให้เราสัมผัสชีวิตนักเตะ หรือสวมบทบาทเป็นผู้จัดการทีมนั้น ก็ยังคงมีอยู่ พร้อมด้วยลิขสิทธิ์ถ้วยใบใหญ่ที่ถูกใส่เพิ่มเข้ามา ไม่ว่าจะเป็น Uefa Champions League, Europa League และ Super Cup ในขณะที่ FIFA Ultimate Team โหมดเติมเงินเปิดแพคสุ่มการ์ดนักเตะ ที่ปัจจุบันกำลังโดนกระแสจู่โจมต่อต้านจากภาครัฐ ที่ไม่ต้องการยุยงส่งเสริมเรื่องการพนัน ในภาคนี้พวกเขาก็ยังคงด้านทนดูดทรัพย์ผู้เล่นต่อไปแบบไม่แคร์สื่อ โดยสิ่งแปลกใหม่ที่สังเกตเห็นได้ชัด นั่นคือ มันมีการนำเสนอโหมด Division Rivals ที่ให้เราได้จับคู่แข่งขันออนไลน์กับผู้เล่นที่มีระดับสกิลไล่เลี่ยกัน เพื่อไต่ลำดับทีละขั้นไปสู่ดิวิชันที่สูงกว่า พร้อมกับคว้ารางวัลประจำสัปดาห์ ซึ่งถือเป็นเรื่องดีสำหรับผู้เล่นหน้าใหม่ๆ ที่พอจะมีโอกาสลืมตาอ้าปากกับเขาได้บ้าง
ว่ากันตามตรง หากตัดลิขสิทธิ์ Uefa Champions League อันเป็นของเล่นใหม่ที่หนูน้อย EA กำลังเห่อมันอย่างมากออกไป ทุกอย่างที่เราเห็น มันก็คือเกมเดิมเมื่อปีกลาย ถึงแม้พวกเขาจะพยายามแต่งเติมนำเสนอสิ่งใหม่ๆ แต่มันก็เป็นเพียงแค่รายละเอียดปลีกย่อยเล็กๆน้อยๆ ไม่ค่อยส่งผลกระทบอะไรมากมายนักกับ เกมเพลย์ในสนาม ที่ลองผิดลองถูกกันมาไม่รู้ตั้งกี่ภาค ก็ยังไม่โดนใจคอบอลสักที หากเทียบในโลกลูกหนังแล้วคงไม่ต่างจาก นักเตะจอมใช้โอกาสสิ้นเปลือง ที่เหมือนในตัวเขายังขาดหัวใจสำคัญอะไรบางอย่าง ที่จะมาช่วยแปรเปลี่ยนความตั้งใจมุ่งมั่นเหล่านั้น ให้กลายเป็นประตู
เกมการเล่น | 8 |
กราฟิก | 9 |
เสียง | 9 |
ความคิดสร้างสรรค์ | 8 |
ภาพรวม | 8.5 |
ข้อดี : ลิขสิทธิ์ถ้วยยุโรป, บรรยากาศเสมือนเรานั่งอยู่ในสนาม, ฟิสิกส์นักเตะ-ลูกบอลทำออกมาได้ดี, ใบหน้าแข้งสตาร์ที่แลดูสมจริงสมจัง, เกมรับแน่นกระชับขึ้น และสารพันกฎกติกาในโหมด Kick-Off สนุกกับเพื่อนได้ไม่มีเบื่อ
ข้อเสีย : แอนิเมชั่นการเคลื่อนไหวยังมีเพี้ยนๆอยู่บ้าง, การวางตำแหน่งตัวจริงที่ชวนหงุดหงิดของผู้จัดการทีม, เน้นโหมด Journey มากเกินไปจนโหมดอื่นๆด้อยพัฒนา, ลูกเล่นใหม่เยอะแต่เอาเข้าจริงไม่ค่อยเวิร์ค และจังหวะต่อบอลที่รวดเร็วผิดมนุษย์มนา
Shin
สนับสนุนบทความรีวิวโดยบริษัท Electronic Arts EA
*ทีมงานผู้จัดการเกม เรียนเชิญผู้อ่านทุกท่านร่วมเป็นแฟนเพจ ManagerGame ทางเฟซบุ๊กเพื่อเพิ่มช่องทางการรับรู้ข่าวสารวงการเกมครับ*