วันนี้ (25 ก.ย.) อินเทล จัดงานแถลงข่าว "ฉลองครบรอบ 50 ปี Intel" เผยข้ออมูลความสำเร็จตลอด 50 ปี และทิศทางธุรกิจในอนาคตโดยเฉพาะตลาดอีสปอร์ตที่กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด
มร. ซานโตช วิศวะนาธาน กรรมการผู้จัดการ ธุรกิจ Global Markets & Partners, Sales & Marketing Group ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น อินเทล คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า เนื่องจากประเทศไทยมีศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมเกมมิ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งในเกมประเภทอีสปอร์ต และพีซีเกมมิ่ง อินเทลจึงวางแผนสนับสนุนด้านการลงทุนเพื่อจัดการแข่งขันเกมในลีกต่าง ๆ พร้อมกับวางแผนสร้างระบบนิเวศคู่ค้า (ecosystem partnerships) เพื่อสร้างความร่วมมือกับบริษัทพาร์ทเนอร์ และเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง เพื่อมอบประสบการณ์การเล่นเกมที่ล้ำหน้าอีกระดับให้แก่เกมเมอร์
การสนับสนุนที่กำลังจะเกิดขึ้น อินเทลได้ร่วมเป็นผู้สนับสนุนหลักในการจัดงาน Thailand Game Show 2018 มหกรรมเกมที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งอินเทลได้เริ่มสนับสนุนมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2551 และเพื่อสนับสนุนระบบนิเวศของอุตสาหกรรมเกม อินเทลได้ร่วมมือกับ FPS Thailand และ Bitrep เปิดตัวการแข่งขัน PUBG ในซีรีย์ใหม่ที่มีชื่อว่า Game of Wars เป็นการนำ Influencers และสตรีมเมอร์ชื่อดังของเมืองไทยมาประชันฝีมือกันผ่าน YouTube Gaming , Facebook และ Twitch ชิงเงินรางวัลกว่า 3 ล้านบาท โดยการแข่งขันจะจัดขึ้นในช่วงเดือนกันยายน - ธันวาคมนี้
นอกจากนี้อินเทลยังสนับสนุนในด้านฮาร์ดแวร์ ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีใหม่ ๆ อาทิ โปรเซสเซอร์ Intel Core X-series , พีซีที่มาพร้อมเทคโนโลยี Intel Optane และล่าสุด มินิพีซี Hades Canyon NUC ที่ช่วยเสริมประสบการณ์การเล่นเกมที่เสมือนจริงมากยิ่งขึ้น
ปัจจุบันอีสปอร์ตเติบโตขึ้นจนกลายเป็นมากกว่าการเล่นเกมทั่วไป โดยจากข้อมูลพบว่าจำนวนผู้รับชมอีสปอร์ตทั่วโลกมีมากกว่าจำนวนผู้ชมการแข่งขันกีฬา NHL , MLB และ NBA สำหรับประเทศไทยคาดการณ์ว่าจำนวนผู้ชมอีสปอร์ตจะมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 30% ในปี พ.ศ. 2564 โดยจากเกมเมอร์จำนวน 27.47 ล้านคน เป็นเกมเมอร์บนพีซีมากถึง 16.3 ล้านคน และประเทศไทยมีรายได้จากอุตสาหกรรมเกมติดอันดับ 1 ใน 20 ประเทศที่มีรายได้จากเกมมากที่สุดในโลก
"อินเทลกำลังอยู่ระหว่างการทรานสฟอร์มเมชั่นจากธุรกิจที่เกี่ยวกับพีซี (PC-Centric) เพื่อเป็นกลุ่มธุรกิจที่เน้นการนำเอาข้อมูลมาประยุกต์ใช้ (Data-Centric) อินเทลได้มองข้ามไปอีกขั้นเพื่อนำเอาข้อมูลที่มีอยู่มาปลดล็อคและพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่จะช่วยให้รถยนต์ไร้คนขับเกิดขึ้นได้จริง การเข้าไปอยู่ในโลกเสมือนจริง การสื่อสารกันผ่านเครือข่ายมือถือความเร็วความสูง และการใช้งานคอมพิวเตอร์อัจฉริยะในแบบที่ไม่มีใครเคยคิดมาก่อน" มร. ซานโตช วิศวะนาธาน กล่าวเสริม
*ทีมงานผู้จัดการเกม เรียนเชิญผู้อ่านทุกท่านร่วมเป็นแฟนเพจ ManagerGame ทางเฟซบุ๊กเพื่อเพิ่มช่องทางการรับข่าวสารวงการเกมครับ*
