Review: God of War อภินิหารสันขวาน สะท้านโอดิน

แนว แอ็คชั่นอาร์พีจี
ระบบ PS4
เรตเกม PEGI: 18 เหมาะสำหรับผู้เล่นที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป

แม้สงครามทวงแค้นล้างบางเหล่าทวยเทพในบ้านเกิดจะอวสานสิ้นสุดลง แต่ตัวตนในอดีตก็ยังตามหลอกหลอนนักรบสปาร์ตันของเรามาถึงดินแดนอันไกลโพ้น ในผลงานภาคใหม่ที่ไม่ใช่ "ก็อดออฟวอร์" ในแบบที่คุณคุ้นเคย

ก่อนเจาะลึกลงรายละเอียดถึงสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไป เรามาเกริ่นนำคร่าวๆกันสักเล็กน้อย สำหรับตัวเกม "ก็อดออฟวอร์" ภาคใหม่ไร้เลขกำกับนี้ จะเป็นเรื่องราวต่อเนื่องจากบทสรุปในภาคสาม โดยทิ้งช่วงห่างกันยาวนานหลายปี เมื่อ "เครโทส" อดีตเทพเจ้าสงคราม ในช่วงวัยไม้ใกล้ฝั่งสังขารเริ่มโรยรา หนวดเคราเฟิ้มขึ้นยาวปกคลุมรกรุงรัง ได้มาพบกับช่วงเวลาอันแสนสงบสุขในบ้านใหม่หลังที่สองบนแผ่นดิน มิดการ์ด อันเป็นสถานที่ในตำนานเทพปกรณัม นอร์ส ของชนเผ่าไวกิ้ง ที่ซึ่งเจ้าตัวได้หลบมาอาศัยใช้ชีวิตแบบปุถุชนคนธรรมดาอยู่ร่วมกับบุตรชาย "อาเตรียส" ตามลำพังในกระท่อมน้อยกลางป่าใหญ่

ถึงแม้ชีวิตอันแสนเรียบง่ายของพ่อลูกคู่นี้ดูไปก็ไม่น่าจะมีปัญหา แต่ทว่าเรื่องกลุ้มใจก็มาเยือนพวกเขาจนได้ ภายหลังจากที่ศรีภรรยาสิ้นลมจากพวกเขาไปไม่นาน เมื่อเหล่าทวยเทพเจ้าถิ่นภายใต้บัญชาของ โอดิน เริ่มมีการขยับเคลื่อนไหวถูกรับสั่งให้มาตามหาทวงสิ่งที่ "เครโทส" พ่อลูกอ่อนของเราพยายามปกปิดซุกซ่อน จึงเกิดการกระทบกระทั่งกลายเป็นมหาสงครามฟัดเทพครั้งใหม่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และชวนให้เรานึกสงสัยในที่มาที่ไปของลูกน้อยกลอยใจผู้ติดสอยห้อยตาม รวมไปถึงมารดาปริศนาผู้ให้กำเนิดเขา ที่ช่างคาใจเราเสียเหลือเกิน

นอกจากพล็อตเรื่องที่ถูกเปลี่ยนใหม่หมดยกแผง รูปแบบการเล่นเอง ในภาคนี้ก็ยังดูแปลกตาไป เพราะไม่ใช่เกมฟันระห่ำในแบบที่เราคุ้นเคยอีกแล้ว ด้วยความที่ทีมผู้พัฒนาตัดสินใจเปลี่ยนหันมาเลือกใช้มุมกล้องบุคคลที่สามมองผ่านหลังตัวละคร ในลักษณะแบบเดียวกับเกม Resident Evil 4 เพียงแต่จะไม่ได้แนบสนิทติดหลังชิดใกล้ตัวละครมากอะไรขนาดนั้น เพราะมุมกล้องในเกมจะมีการขยับถอยห่างออกมาจนเหลือที่ว่างมากพอให้ผู้เล่นได้เห็นท่วงท่าแอ็คชั่นเท่ๆของเฮียโล้น รวมถึงสามารถซึมซับภาพบรรยากาศความงดงามอลังการของฉากหลัง ที่ทางทีมงานอุตส่าห์เหนื่อยลงทุนสร้างกันอย่างพิถีพิถันมาตลอด 5 ปีเต็ม นั่นเอง

หากให้จำกัดความอธิบายว่าระบบเกมเพลย์แอ็คชั่นมุมมองบุคคลที่สามของ "ก็อดออฟวอร์" ภาคใหม่นี้มันเป็นเช่นไร? เราก็ขอสรุปง่ายๆสั้นๆได้เลยว่ามันคือเกม Dark Souls ในแบบฉบับท้าทวยเทพ จากการหยิบจับนำองค์ประกอบจุดเด่นทั้งหลายแหล่ของเกม "แอ็คชั่นอาร์พีจี" เข้ามาผสมอัดแน่นจนล้นปรี่ โดยที่ศัตรูทุกตัวในเกมจะมีตัวเลขเลเวลบ่งบอกระดับความแข็งแกร่งแสดงเอาไว้บนเหนือหัว อยู่ข้างๆติดกับหลอดเลือดค่าพลัง HP ของมัน หากว่าตัวละครของเรามีเลเวลเท่าเทียมหรือสูงกว่า เราก็จะเห็นเลือดศัตรูเป็นสีเขียวฆ่าง่ายตายอย่างไว แต่ถ้าเราดื้อดึงทนฝืนเล่นต่อไปเรื่อยๆโดยไม่สนใจอัปเกรดของ จนเลเวลตัวละครหยุดแช่แน่นิ่งอยู่ที่เดิม เราก็จะเริ่มเห็นการแปรเปลี่ยนสีเลือดของศัตรู จากเขียวไปเหลือง เหลืองไปส้ม ส้มไปม่วง ซึ่งเป็นสถานะอันตรายสูงสุดที่การพลาดหนึ่งครั้งอาจถึงตายได้เลยทีเดียว

แม้คอนเซปต์หลักของเกม จะเป็นเรื่องราวการเดินทางผจญภัยของสองพ่อลูก ที่ร่วมตะลอนบุกฟ้าลุยดินไปไหนไปกันแบบแพคคู่ แต่เวลาเล่นจริงๆแล้ว ผู้เล่นก็ยังคงบังคับได้แค่ตัวละคร "เครโทส" เพียงตัวเดียวเหมือนเช่นภาคก่อนๆ ซึ่งในส่วนของบุตรชาย "อาเตรียส" นั้น จะถูกมอบหมายหน้าที่ให้ AI เป็นตัวควบคุม ที่จะคอยคิดตัดสินใจซัพพอร์ตสอดประสานกับผู้เล่นโดยอัตโนมัติ อย่างมาช่วยเป็นตัวหลอกล่อ เข้ามาร่วมแจมกระหน่ำซ้ำเติมในระหว่างที่เรากำลังทำคอมโบ คอยส่งเสียงเตือนท่าโจมตีต่างๆของศัตรู หรือสามารถกดปุ่มสี่เหลี่ยมเพื่อสั่งให้เขายิงธนูไปยังเป้าหมายที่เราต้องการ และก็เหมือนกับลูกน้อยเพิ่งหัดเดิน ช่วงแรกๆเขาอาจช่วยเหลืออะไรไม่ได้มาก ต้องคอยประคับประคองอยู่ตลอดเวลา แต่พอผ่านไปสักระยะหลังปลดล็อคสกิลใหม่ๆ เจ้าหนูเลโกลัสตัวจ้อยรายนี้ จะกลายมาเป็นคู่ขาพึ่งพายามยากที่เรามิอาจขาดได้

อย่างที่หลายคนทราบกันดี อาวุธหลักของ "เครโทส" ประจำภาคนี้นั้น จะถูกเปลี่ยนใหม่ไปใช้ขวาน Leviathan Axe แทนดาบโซ่ที่หายไป ซึ่งขวานเล่มนี้ไม่ใช่ขวานผ่าฟืนธรรมดาทั่วไป เพราะมันเป็นอาวุธระดับเทพที่ถูกสร้างขึ้นมาเป็นพิเศษ ถึงแม้ความสามารถของมันจะมีแค่ขว้างไกลแล้วเรียกกลับมาได้ดั่งใจราวกับค้อน โยลเนียร์ ของเทพเจ้าสายฟ้า กับอิทธิฤทธิ์แช่แข็งทุกสิ่งอย่างที่มันสัมผัส แต่เพียงเท่านี้ก็สามารถสร้างความสดใหม่แตกต่างให้กับเกมเพลย์ต่อสู้ตั้งมากมาย แถมยังถูกนำไปประยุกต์ใช้แก้ปริศนาพัซเซิลในเกมได้ไม่ซ้ำกันหลากหลายรูปแบบเสียเหลือเกิน

นอกเหนือจากการเก็บสะสมค่า Exp มาปลดล็อคสกิลใหม่ๆให้กับตัวละครแล้ว เรื่องของ ไอเทมของสวมใส่ ก็ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่มีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะว่าภาคนี้นับเป็นครั้งแรกของ ก็อดออฟวอร์ ที่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นได้สามารถปรับแต่งเปลี่ยนชุดเกราะเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของตัวละครได้อย่างอิสระ ไล่ตั้งแต่ส่วนเกราะอก สนับแขน ไปจนถึงกางเกง ซึ่งของสวมใส่แต่ละชิ้นจะมีการแบ่งชั้นตามระดับคลาส ยิ่งของใส่ระดับสูงก็จะพ่วงสกิลเสริมติดมาให้ รวมไปถึงมีช่องให้เราสามารถนำหินผลึกมาใส่เพิ่มเติมอบิลิตี้ได้ตามใจ

สำหรับใครที่ติดตามตำนานไวกิ้ง หรือเป็นคอหนังซูเปอร์ฮีโร่เรื่อง ธอร์ ของค่ายมาร์เวลอยู่แล้ว คงรู้ดีว่าจักรวาลเทพนอร์สนั้น ไม่ได้ถูกจำกัดตีกรอบอยู่แค่เฉพาะดินแดน มิดการ์ด เพียงแห่งเดียว แต่ประกอบไปด้วย โลก (Realm) ต่างๆมากมายหลายใบที่ถูกเชื่อมต่อถึงกันด้วยสะพานไบฟรอสต์ ซึ่งความที่ไม่เคยคิดเล็กคิดน้อยของทีมพัฒนา Sony Santa Monica พวกเขาจึงได้หยิบนำความยิ่งใหญ่อลังการเหล่านั้นมาถ่ายทอดลงไปในผลงานล่าสุดด้วย โดยนอกจากทัศนียภาพอันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวแล้ว ในโลกแต่ละใบที่เราเหยียบเท้าก้าวย่างผ่านเข้าไปยังแอบแฝงความมโหฬารกว้างใหญ่แบบเกม "โอเพ่นเวิลด์" ให้เราได้สำรวจเดินท่องล่องเรือทำเควสต์หลักเควสต์รองเก็บของลับกันอย่างอิ่มหนำสำราญ จนบางทีแอบรู้สึกเกียจคร้านอยู่บ้างเหมือนกัน ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้ต้องขอบคุณเทคนิคการโหลดฉากอยู่เบื้องหลังอันแยบยลของทีมงาน ที่ทำให้ทริปการเดินทางมาราธอนข้ามโลกของเราไม่เคยชะงักหยุดพักรอโหลดเลยแม้แต่วินาทีเดียว

จากความเปลี่ยนแปลงมากมายที่เกิดขึ้นกับผลงานภาคใหม่ แน่นอนว่าอาจทำให้แฟนๆซีรีส์นี้บางส่วนรู้สึกตะขิดตะขวงใจในตอนแรกที่ได้ลองสัมผัส ซึ่งก็นับรวมถึงตัวผู้รีวิวด้วย ที่เกิดอาการแบะปากหัวร้อนอยากได้แอ็คชั่นบู๊ดิบเถื่อนบ้าดีเดือดแบบเดิมหวนคืนมา จนลืมสังเกตถึงอารมณ์ดาร์คปนขมนิดๆจากเกมเพลย์รูปแบบใหม่ที่เน้นใช้สมองและจินตนาการค่อนข้างสูง ซึ่งค่อยๆก่อตัวซึมซับเข้าสู่จิตใจ เป็นเหตุให้รอยฉีกเล็กๆตรงมุมปากเริ่มขยายกว้างขึ้นเรื่อยๆกระทั่งหุบไว้ไม่อยู่ ดังนั้นเราจึงเชื่อว่าต่อให้ทั้งชีวิตของคุณไม่เคยจับเกมแนวอื่นเลย หรือเกิดมารู้จักแต่ God of War มันก็คงไม่ใช่เรื่องหนักหนาในการปรับตัวเปิดประตูหัวใจอ้าแขนยอมรับสิ่งใหม่ๆที่พวกเขาเหล่าทีมงานทุ่มวิญญาณนำเสนอ

เกมการเล่น	10
กราฟิก	10
เสียง	10
ความคิดสร้างสรรค์	10
ภาพรวม	10

ข้อดี : เกมเพลย์เน้นใช้หัวมากกว่าการรัวปุ่ม, ทุกสิ่งอย่างล้วนดูแปลกตา, โลกต่างๆอันแสนกว้างใหญ่, ปรับแต่งตัวละครได้ลึก, เสน่ห์ของเกมอาร์พีจี, ไม่มีฉากโหลดมาคอยกวนใจ, เรื่องราวความผูกพันระหว่างสองพ่อลูกที่ถูกสอดแทรกอยู่ตลอดการเดินทาง และเป็นเกม PS4 ที่รีดเค้นศักยภาพเครื่องได้ถึงขีดสุด
ข้อเสีย : มุมกล้องกับระบบใหม่ต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะชิน

Shin
สนับสนุนบทความรีวิวโดยบริษัท โซนี่ อินเตอร์แอคทีฟ เอนเตอร์เทนเมนต์ ฮ่องกง สาขาสิงคโปร์ (หรือ SIES) และบริษัท Next Generation InnovationNGIN