แนว แอ็คชั่นอาร์พีจี
ระบบ PS4, PC, Vita
เรตเกม PEGI: 7 เหมาะสำหรับผู้เล่นที่มีอายุ 7 ปีขึ้นไป
อีกหนึ่งตำนานเกมเก่ากรุจากยุคซูเปอร์แฟมิคอม ที่ถูกมอบชีวิตใหม่ด้วยสไตล์ภาพกราฟิกแบบโพลิกอน 3D ซึ่งดูย้อนแย้งกับเกมเพลย์ที่ยังคงเป็น 2D เหมือนต้นฉบับ
เกม "Secret of Mana" บนแพลตฟอร์มเพลย์สเตชัน 4 นี้ ถือเป็นการนำเกมแอ็คชั่นอาร์พีจีสุดโด่งดังในชื่อเดียวกันของเครื่อง SNES กลับมารีเมคยกเครื่องกราฟิกใหม่หมด ทั้งตัวละคร รวมถึงฉากหลังสภาพแวดล้อม ที่ถูกเปลี่ยนจากภาพการ์ตูน 16 บิตมาใช้โมเดลสามมิติ อีกทั้งยังมีการอัดใส่เสียงพากย์ลงไปในทุกประโยคคำพูดของตัวละครแบบฟูลวอยซ์ แต่ในส่วนของเกมเพลย์เดินตีทีละช่อง และมุมกล้องมองเยื้องลงมาจากด้านบนนั้น ยังคงเดิมทุกประการเหมือนครั้งแรกที่เคยสัมผัสกันเมื่อ 25 ปีก่อน
อีกหนึ่งสิ่งที่เหมือนเดิม นั่นคือเนื้อหาของเกม ที่ยังคงบอกเล่าติดตามการผจญภัยท่องโลกกว้างของเด็กหนุ่มผมแดง "แรนดี้" ที่ชะตาฟ้าลิขิตให้เขาต้องมาสวมบทผู้กล้าจำเป็น หลังเผลอไปดึงดาบศักดิ์สิทธิ์ในตำนานออกจากแท่นหินเข้าโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ จึงเป็นเหตุให้เขาพร้อมด้วยคณะเพื่อนร่วมเดินทางต่างพื้นเพอีกสองคนอย่าง "พริมม์" และ "โปปอย" ต้องมาแบกรับภาระหนักในการปกป้องโลกจากเหล่าอสูรมอนสเตอร์ และจักรวรรดิผู้ชั่วร้าย
ด้วยวัตถุประสงค์จุดมุ่งหวังของทีมงาน สแควร์ซอฟต์ ที่ ณ เวลานั้น ต้องการสร้างสรรค์นำเสนอผลงานเกมแอ็คชั่นอาร์พีจีออกมาสู้กับซีรีส์ "เซลด้า" ของฝั่งนินเทนโด จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ระบบการเล่นของทั้งคู่จะค่อนข้างมีความคล้ายคลึงกัน ด้วยเกมเพลย์ในรูปแบบแอ็คชั่นเรียลไทม์ ที่ผู้เล่นสามารถบังคับตัวละครเดินสำรวจฉาก หลบหลีก และโจมตีโต้ตอบกับศัตรูได้ทันที ไม่ต้องเสียเวลารอเทิร์น เพียงแต่ในเกม Secret of Mana นั้น จะมีเกจค่าพลังความแรงในการโจมตีอยู่ด้านล่างหลอด HP ที่จะลดลงเป็นศูนย์ทุกครั้งที่เราโจมตี และจะค่อยๆเด้งฟื้นกลับมาเต็ม100% เองโดยอัตโนมัติ ซึ่งระบบนี้ช่วยให้การต่อสู้ในเกมแลดูมีมิติขึ้นมา เพราะเราสามารถเลือกได้ว่าจะรอจังหวะให้เกจเต็มเพื่อโจมตีดาเมจเน้นๆหมายปลิดชีพ หรือกดฟาดรัวไปมั่วๆก่อน เพื่อหวังเพียงแค่ขัดขาศัตรูเอาตัวรอดออกจากสถานการณ์โดนรุม
แน่นอนว่า เมื่อมันเป็นเกมแอ็คชั่นอาร์พีจีจากค่ายผู้ให้กำเนิดซีรีส์ไฟนอลแฟนตาซี ระบบต่างๆภายในย่อมต้องมีกลิ่นอายจากเกมดังรุ่นพี่แฝงติดมาบ้าง โดยที่ตัวละครในเกมนี้จะสามารถพัฒนาเพิ่มระดับเลเวลได้ และทุกครั้งที่ตัวละครเลเวลอัปค่าพลัง HP ก็จะฟื้นคืนกลับมาเต็มหลอดให้เหมือนดั่งเดิม หรือถ้าเรามีตังค์เหลือใช้ ภายในเมืองก็จะมีร้านค้าให้ได้ซื้อไอเทมอาวุธชุดเกราะ รวมถึงโรงเตี๊ยม ที่เราสามารถเช่าห้องนอนค้างพักแรมเพื่อฟื้นพลังพร้อมรบในวันถัดไป และใช้เป็นจุดเซฟเกมไปด้วยในตัว อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้เล่นที่เกียจคร้านรู้สึกว่ามันเสียเวลา ตัวเกมในเวอร์ชันรีเมคใหม่นี้ ทางทีมพัฒนาก็ใจดีเพิ่มฟีเจอร์ "ออโต้เซฟ" มาให้ที่จะคอยเก็บบันทึกข้อมูลทุกครั้งยามตัดเข้าสู่ฉากใหม่ แต่เท่าที่ลองมา อยากแนะนำให้ขยันหมั่นเซฟเองจะดีกว่า อย่าไปหวังพึ่งอะไรกับระบบใหม่นี้มากนัก หากไม่อยากพาตัวเองไปเจอวิกฤตกลืนไม่เข้าคายไม่ออก โหลดข้อมูลออโต้เซฟขึ้นมา แล้วเห็นตัวละครในสภาพร่อแร่เหลือเลือดจึ๋งเดียว กับคู่หูเพื่อนร่วมเดินทางที่ม่องเท่งกลายเป็นวิญญาณตัวสีเทาเดินตามติดช่วยอะไรเราไม่ได้ ซึ่งเป็นผลพวงมาจากระบบออโต้เซฟ ที่อัปเดตแบบปัจจุบันทันด่วนเอาไว้ก่อนที่ตัวละครเราตาย นั่นเอง
ส่วนปัญหาน่าหงุดหงิดชวนปวดจิตที่เคยมีในต้นฉบับ SNES อย่างเรื่องของ AI เพื่อนร่วมปาร์ตี้ ที่มักจะยืนเหม่อเซ่อซ่าปล่อยให้ศัตรูโจมตีเสียเลือดฟรีๆ และรีบชิงตายก่อนเราอยู่เสมอ แม้ว่าจะอุตส่าห์เซตกำหนดตั้งค่าเอาไว้ดิบดีแบบเกม FFXII แล้วก็ตาม มาในผลงานเกมรีเมคใหม่นี้ ปัญหาจุกจิกกวนใจต่างๆเหล่านั้น ก็ยังคงไม่ได้รับการปรับปรุงแก้ไขจากทีมงานแต่อย่างใด และตกเป็นภาระของผู้เล่นอย่างเราๆที่ต้องไปพาคนสนิท หรือหาสมาชิกในครอบครัว ให้มาช่วยนั่งเล่นเป็นเพื่อนเคลียร์เกมเก่านี้ในรูปแบบ Co-op ไปด้วยกันอีกครั้ง
จากรูปภาพประกอบ หลายคนคงสังเกตเห็นแล้วว่า เกม "Secret of Mana" ฉบับทำใหม่นี้ มันมีซับไตเติ้ลภาษาไทยแถมใส่มาให้ด้วย ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ซีรีส์ และนับเป็นเกมอาร์พีจีตัวแรกของโลกเลยก็ว่าได้ ที่รองรับคำไทยอย่างเป็นทางการ หลังจากที่เกมภาษาไทยก่อนหน้านี้ มีแค่แนวต่อสู้อย่าง Marvel vs. Capcom: Infinite หรือรายล่าสุดกับเกมแอ็คชั่นผจญภัย Shadow of Colussus ที่มักบู๊เข้าใส่ไม่ค่อยพูดพร่ำทำเพลง แต่พอมาเป็นแนว อาร์พีจี อย่างเกมนี้ ที่ตัวละครน้ำลายฟูมปากพูดกันทั้งเรื่อง คำแปลภาษาไทยจึงถูกนำมาใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ เรียกได้ว่าเข้าใจง่าย ไม่มีงง ไม่มีหลง เล่นไปไม่มีติดขัดจนต้องอาศัยบทสรุปอย่างแน่นอน ซึ่งเท่าที่ดูถือว่าการแปลภาษาค่อนข้างสมบูรณ์ 99.99 เปอร์เซนต์ ถึงแม้จะมีคำอังกฤษ Yes, No, OK ปะปนหลงติดมาบ้าง แต่ก็พออภัยให้ได้ ไม่ใช่ประเด็นใหญ่โตอะไร
สำหรับเหล่าเกมเมอร์ในวัย 30 อัป ที่เป็นพยานรู้เห็นการเปลี่ยนถ่ายยุคสมัยของวิดีโอเกม คงรู้ดีว่าการที่เกมภาพการ์ตูน 2D จู่ๆจะมาเปลี่ยนใช้กราฟิกแบบ 3D แล้วทำให้แฟนเก่าๆรู้สึกรับได้นั้น มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะเท่าที่ผ่านมาก็มีหลายซีรีส์ที่คิดลองทำแล้วล้มระเนระนาดเจ็บหนักกลับไปไม่เป็นท่า ซึ่งบทเรียนต่างๆเหล่านั้น มันก็ได้ย้อนกลับมาสอนเตือนสติ สแควร์เอนิกซ์ อีกครั้ง จากกระแสตอบรับของเกมที่ค่อนเทไปในทางลบ โดยนอกเหนือจากเรื่องระบบเกมเพลย์ที่คงความเก่าแก่บุโรทั่งไร้การปรุงแต่งใดๆที่หลายคนติติงกันแล้ว มันก็ยังมีเรื่องของภาพกราฟิก "สามมิติ" ของเกมนี่แหละ ที่ดูแล้วไม่รู้สึกว้าวประทับใจ หรือชวนให้หวือหวาตื่นตาเมื่อเทียบกับเกมยุคปัจจุบัน อีกทั้งยังหลอกตาทำให้ทุกอย่างทั้งตัวละคร และฉากหลังแลดูกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกันหมด จนลำบากผู้เล่นในการมองแยกแยะว่า สิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า มันคือ ต้นหญ้า หรือ ศัตรู กันแน่?
กล่าวสรุปรวบยอด การกลับมาของ "Secret of Mana" นับเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่า สแควร์เอนิกซ์ พวกเขามีปัญหาในการจัดเรียงลำดับความสำคัญ แถมไม่สดับรับฟังเสียงเรียกร้องของแฟนๆ สิ่งที่ควรปรับกลับไม่แก้ ดันไปทำในเรื่องที่ตนคิดว่าง่าย และประหยัดเวลากว่าอย่าง "ภาพกราฟิก" จนทุกอย่างเกิดพลิกผันกลับตาลปัตร กลายเป็นการตัดสินใจผิดพลาดครั้งใหญ่ที่ไปทำลายเสน่ห์ของเกมต้นฉบับลงเสียหมด และส่งผลให้แอ็คชั่นอาร์พีจีระดับตำนานอย่างเกมนี้ ถูกลบเลือนหายไปกับหมู่บรรดาเกมดาวน์โหลดฟอร์มเล็กทั้งหลายบนเพลย์สเตชัน สโตร์
เกมการเล่น | 7 |
กราฟิก | 8 |
เสียง | 8 |
ความคิดสร้างสรรค์ | 7 |
ภาพรวม | 7.5 |
ข้อดี : รองรับภาษาไทย, ราคาไม่แพง, เสียงพากย์จัดเต็มแบบฟูลวอยซ์ และการเล่นแบบ Co-op ที่ยังสนุกเหมือนเดิม
ข้อเสีย : เกมเพลย์ดูเชยล้าสมัย, AI เพื่อนร่วมทางยังคงเป็นภาระ, สภาพแวดล้อม 3D ที่ดูกลืนกันไปหมด, ระบบออโต้เซฟไม่ได้ช่วยอะไร, กลิ่นอายความคลาสสิคที่จางหาย และกราฟิกธรรมดาไปหน่อยในฐานะเกม PS4
Shin
สนับสนุนบทความรีวิวโดยบริษัท โซนี่ อินเตอร์แอคทีฟ เอนเตอร์เทนเมนต์ ฮ่องกง สาขาสิงคโปร์ (หรือ SIES) และบริษัท Next Generation InnovationNGIN
*ทีมงานผู้จัดการเกม เรียนเชิญผู้อ่านทุกท่านร่วมเป็นแฟนเพจ ManagerGame ทางเฟซบุ๊กเพื่อเพิ่มช่องทางการรับรู้ข่าวสารวงการเกมครับ*