xs
xsm
sm
md
lg

Review: Call of Duty WWII สงครามบัญญัติวีรบุรุษ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


แนว FPS
ระบบ PS4, Xbox One, PC
เรตเกม PEGI: 18 เหมาะสำหรับผู้เล่นที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป

เมื่อหนทางไปต่อข้างหน้าเริ่มตัน และแผนที่วางไว้เริ่มใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไป จึงเป็นการดีกว่าหากเราจะยอมถอยเพื่อหันหลังกลับมามองยังจุดสตาร์ทเริ่มต้น เช่นเดียวกับแส์เกมยิงทหารชื่อดัง ที่ล่าสุดได้หวนคืนถิ่นสู่สมรภูมิยุคสงครามโลก ที่เคยจุดประกายสร้างชื่อให้กับแฟรนไชส์

จากความสำเร็จของเกมยิงคู่แข่ง "แบทเทิลฟิลด์วัน" ที่ค่อนข้างสวนทางขัดแย้งกับยอดขาย "อินฟินิต วอร์แฟร์" ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกที่บริษัทแอคติวิชัน จะตัดสินใจเบนเข็มหักหางเสือเรือกลางคัน เพื่อยุติคอนเซปต์เกมยิงไซไฟสงครามโลกอนาคตที่ดำเนินมาหลายปี แล้วเปลี่ยนหันมาจับสงครามอิงตามประวัติศาสตร์จริงพุ่งรบด้วยปืนสมัยโบราณเก่าแก่ตามกระแสเขาบ้าง ถึงแม้จะค่อนข้างเสี่ยงต่อการถูกจับไปเปรียบเทียบกับเกมดังฝั่งตรงข้าม ที่ได้สร้างมาตรฐานเอาไว้สูงลิบ ก็ตาม

เนื้อหาของเกมจะเริ่มเล่ากล่าวถึงเหตุการณ์ในปีค.ศ. 1944 อันเป็นช่วงเวลาจุดพีคแห่งสงครามโลกครั้งที่สอง เมื่อกองกำลังฝ่ายสัมพันธมิตรนำโดยสหรัฐอเมริกา ได้ยกพลบุกขึ้นหาดนอร์มังดีของฝรั่งเศสที่ถูกนาซียึดครอง แล้วค่อยขยับคืบคลานต่อสู้กินพื้นที่ปลดแอกดินแดนเรื่อยไปจนเข้าประชิดเยอรมัน โดยภาคนี้ดูจะเน้นหนักให้สำคัญเป็นพิเศษกับเรื่องราววีรกรรมอันหาญกล้าของเหล่าทหารทัพหน้า ผู้เสียสละพลีกายถวายชีพยอมเป็นปลายหอกทิ่มแทงเปิดแผลข้าศึก เพื่อให้พวกพ้องที่เหลือได้เดินตามจนนำมาซึ่งชัยชนะ

เวลาส่วนใหญ่ในโหมดแคมเปญ เราจะได้สวมบทบาทเป็นตัวละคร "โรนัลด์ แดเนียลส์" หนุ่มพลทหารฝึกหัดจากรัฐเท็กซัส ผู้มีภูมิประวัติแบคกราวน์สุดเศร้า และเคยได้รับบทเรียนราคาแพงอันแสนเจ็บปวดจากความอ่อนแอไร้เดียงสาในวัยเด็ก แต่ทว่าปมหลังเหล่านั้นเอง มันกลับเป็นแรงขับพลังผลักดันชั้นดี ที่ทำให้เขาสามารถก้าวข้ามผ่านเหนือกว่าคำว่า "ทหาร" ปฏิบัติตามคำสั่ง กลายเป็นฮีโร่แห่งสงคราม ผู้สอนให้เรารู้จักคำว่า "วีรบุรุษ" นั้น มันไม่ได้วัดกันด้วยเรื่องของเหรียญรางวัลประดับอกเสมอไป

แต่ละมิชชั่นในโหมดแคมเปญ ก็ค่อนข้างหลากหลาย เพราะไม่ได้ให้เราวิ่งหน้าตั้งฝ่าดงกระสุนข้าศึกอย่างเดียว แต่ยังสอดแทรกภารกิจลอบเร้นหลบพุ่มซุ่มเงียบ เน้นใช้ปืนเก็บเสียงอย่าให้ศัตรูรู้ตัว หรือในบางฉากเราอาจได้เป็นสายลับไส้ศึกใส่เครื่องแบบแฝงตัวอยู่ในพวกนาซี หรือบางครั้งก็ตัดสลับไปขับขี่ยวดยานพาหนะ บังคับรถถังบ้าง ขับเครื่องบินบ้าง ตามสไตล์คอลออฟดิวตี้ เรียกได้ว่าเอาผู้เล่นอยู่หมัดให้เราได้นั่งลุ้นติดจอไปตลอดระยะเวลา 6 ชั่วโมง

ด้วยวัตถุประสงค์ความตั้งใจของ Sledgehammer Games ทีมงานผู้พัฒนาภาคนี้ ที่ต้องการย้อนเวลากลับคืนสู่ยุครุ่งเรืองสมัยอดีตของแฟรนไชส์คอลออฟดิวตี้ จึงส่งผลให้ระบบเกมเพลย์ถูกย้อนวัยกลับคืนสู่ยุคหินไปด้วย เช่นระบบเกจหลอดเลือดของตัวละคร ที่ต้องเก็บกล่องปฐมพยาบาลคอยเติมอยู่เสมอ ไม่ได้โดนยิงหนักแค่แวะพักหลบเข้าที่กำบังแล้วหายเป็นปลิดทิ้งเหมือนเกมยิงสมัยใหม่ (แต่โหมดออนไลน์ยังฮีลให้อัตโนมัติเหมือนเดิม) ขณะเดียวกันทางฝั่ง AI เพื่อนร่วมทีมที่ติดสอยห้อยตามกันมาเป็นโขยง ก็ช่วยเหลืออะไรเราไม่ได้มาก นอกจากคอยสนับสนุนซัพพอร์ตในเรื่องของกระสุน, ระเบิด, กล่องพยาบาล และชี้เป้าศัตรูให้เท่านั้น เพราะกิจวัตรประจำของพวกมันในสนามรบ คือการก้มหัวมุดหลบ แล้วรอจังหวะโผล่ขึ้นมาหายใจยิงขู่ สลับกับส่งเสียงร้องตะโกนบ่นด่าสั่งตัวเอก "แดเนียลส์" ของเราให้ไปตรงนั้น ยิงโน่นสิ ทำลายนี่หน่อย ราวกับว่าทั้งสมรภูมิ มีเราอยู่คนเดียวที่กำลังต่อสู้เผชิญหน้ากับกองทัพนาซี

นับเป็นธรรมเนียมปกติของแฟรนไชส์ "คอลออฟดิวตี้" ที่เวลาออกภาคใหม่ เป็นต้องทาบทามดารานักแสดงฮอลลีวูดมาร่วมสร้างบรรยากาศถ่ายทอดอารมณ์ให้ดูสมจริง ซึ่งภาคนี้เองก็ได้ "จอช เดอเมล" (ดาราดังจากหนังจักรกล Transformer) มารับบทจ่าหัวรั้น "เพียร์สัน" ที่คอยเคี่ยวเข็ญบีบคั้นกดดันผู้เล่นตลอดการเดินทางในโหมดแคมเปญ ส่วนดาราดังอีกคนอย่าง "วิง ราเมส" (พี่มืดจากหนังสายลับ Mission: Impossible) ก็โผล่มาร่วมแจมด้วยเช่นเดียวกัน เพียงแต่เขาจะอยู่ในโหมด Nazi Zombies หรือก็คือโหมดซอมบี้ ที่ในภาคนี้ ผู้เล่นทั้ง 4 คน ยังคงต้องช่วยกันฝ่าฟันระลอกกองทัพผีดิบ เพื่อสะสมแต้มไปซื้ออาวุธปืน และเปิดแม็พปลดล็อคทางไปต่อ เหมือนเช่นเคย ซึ่งทุกครั้งหลังเล่นจบตัวละครจะได้รับค่าประสบการณ์ ของแต่งปืน หรือมีไอเทมตัวช่วยพิเศษให้ใช้ในรอบถัดไป ประมาณว่ายิ่งเล่นบ่อย ตัวเราก็จะยิ่งแกร่งอยู่รอดได้นานขึ้น นั่นเอง

มาถึงโหมดสุดท้ายที่เป็นไฮไลท์สำคัญอย่าง ออนไลน์มัลติเพลย์เยอร์ ความเปลี่ยนแปลงแรกที่สังเกตเห็นได้ทันที คือ ภาคนี้มีการลงทุนจำลองสร้างค่ายทหารขนาดย่อมขึ้นมา เพื่อใช้เป็นสถานที่นัดรวมตัวพบปะสังสรรค์กันของผู้เล่นแบบเดียวกับเกมยิง "เดสตินี่" ซึ่งภายในแคมป์รับรองระหว่างรอแมตช์การแข่งขันเริ่มแห่งนี้ จะมีกิจกรรมมากมายให้เราได้ทำฆ่าเวลา อาทิ ซ้อมยิงเป้า, ตรวจเช็ครับภารกิจประจำวัน, ทำความคุ้นชินกับระบบ Scorestreak, เล่นเกมเก่าคลาสสิคของแอคติวิชัน, ตกแต่งลวดลายปืน (ยังไม่พร้อมให้บริการ), เอาเงินซื้อหรือดูคนอื่นสุ่มเปิดของในกล่อง Supply Drops ไปจนถึงเปิดศึกท้าแข่งดวลตัวต่อตัวกับผู้เล่นคนอื่น แต่ไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลกลใดกัน ทำไมผ่านมานานเกือบเดือน ถึงไม่เคยมีใครสักคนโผล่มาให้เราเห็นหน้าในค่ายทหารอันว่างเปล่าเงียบเหงาไร้เงาผู้คนแห่งนี้เลย

เอาน่ะ "ของใหม่" ยังไงก็ต้องมีติดๆขัดๆกันบ้างอย่าไปสนใจ เพราะหัวใจหลักจริงๆแล้วมันอยู่ที่เกมเพลย์ต่างหาก ซึ่งถึงแม้หน้าตาปืนโบราณคร่ำครึ และกลิ่นอายสงครามโลกจะชวนให้เรานึกถึงเกม BF1 แต่มันก็ยังคงเสน่ห์ความเป็นคอลออฟดิวตี้เหมือนกับภาคก่อนๆหน้านี้ ที่เน้นยิงสนุกสะใจรวดเร็วฉับไวในแม็พกะทัดรัดเจอกันง่าย อาศัยพึ่งพาสกิลทักษะส่วนตัวของผู้เล่นเป็นหลักมากกว่าทีมเวิร์ค ขณะเดียวกัน ทางฝั่งโหมดการเล่นนั้นก็ขนใส่มาครบครัน ทั้งทีมเดธแมตช์, ยึดจุด, ชิงธง, วางบอมบ์, ตัวใครตัวมัน, เก็บป้ายชื่อ หรือพาลูกบอลไปปาใส่โกลฝั่งตรงข้าม เพียงแต่ในภาคนี้จะมีการเพิ่มเติมโหมดการเล่นรูปแบบพิเศษเข้ามาใหม่ที่ชื่อว่า "War" ที่ไม่ได้ให้ผู้เล่นทั้งสองทีมเข่นฆ่ากันเฉยๆ แต่จะมอบหมายภารกิจให้ทำ ยกตัวอย่างเช่น ภารกิจยึดหาดนอร์มังดี ที่ผู้เล่นฝ่ายอักษะต้องบังคับป้อมปืนกลกราดยิงผู้เล่นฝ่ายสัมพันธมิตรที่บุกเข้ามา หรือในบางภารกิจที่ให้เราซ่อมแซมสะพานเพื่อให้รถถังข้ามฝั่งไปได้ ในขณะที่อีกฝ่ายพร้อมมอบกระสุนต้อนรับอย่างอบอุ่น ซึ่งถือเป็นโหมดที่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นได้ชิงไหวชิงพริบ วางแผนเลือกคลาส และสลับเปลี่ยนใช้อาวุธแก้ทางกันอยู่ตลอดเวลา

สำหรับคนที่เป็นแฟนขาประจำ คงทราบดีว่าระบบการเล่นออนไลน์ที่แฟรนไชส์ "คอลออฟดิวตี้" ใช้อยู่จะเป็นรูปแบบผสมไฮบริด ระหว่าง Dedicated Server กับระบบสมัยเก่าที่สุ่มให้ผู้เล่นคนใดคนหนึ่งเป็น Host โดยระบบแรกนั้น ถูกยอมรับว่าเป็นรูปแบบที่เสถียร และเท่าเทียมที่สุดในปัจจุบัน แต่ด้วยเคราะห์ซ้ำกรรมซัดของคนไทย ที่ในแถบละแวกย่าน SEA นี้ไม่มีเซิร์ฟเวอร์ของเกมตั้งอยู่เลย จึงทำให้เกิดอาการแลค ปิงส้ม จังหวะบวกแลกกันยังไงก็เสียเปรียบผู้เล่นปิงเขียวชาวต่างชาติวันยังค่ำ ส่วนระบบหลังเรามักจะพบเห็นได้บ่อยในโหมดซอมบี้ ที่ผู้เล่นลูกห้องตาดำๆทั้ง 3 หน่อ ต้องคอยสวดภาวนาอย่าให้หัวห้องผู้เป็น Host เกิดอาการหงุดหงิดหัวร้อนขึ้นมา โดยเฉพาะยามนอนจมกองเลือดแล้วไม่มีใครไปช่วยเขา มิเช่นนั้นเราอาจต้องเสียเที่ยวเหนื่อยเล่นฟรีไปในรอบนั้น

หากพูดถึงประสบการณ์โดยรวม Call of Duty WWII จัดว่าเป็นหนึ่งในภาคที่เล่นสนุก และดีงามกว่าภาคที่แล้วอยู่มากโข แต่ไม่รู้ว่าด้วยอิทธิพลของเกมคู่แข่ง อันนำไปสู่การเปลี่ยนแผนแบบฉุกละหุกกะทันหันไม่ทันตั้งตัว จนทำให้ทางทีมงานมีเวลาพัฒนาน้อยนิดไปหรือเปล่า? ที่ทำให้ตัวเกมประสบอุปสรรคมากมายตั้งแต่เริ่มเปิดตัว ทั้งปัญหาการเชื่อมต่อ ฟีเจอร์อะไรต่างๆก็ยังไม่พร้อม คอนเทนต์ที่มีให้ปลดก็ไม่ค่อยหลากหลาย เปิดเจอแต่บูสต์ Exp, ลวดลายประดับด้ามปืนพกที่เวลาอยู่ในสนามรบโดนมือเราบดบังไปเสียหมด กับท่ายืนแสดงอารมณ์หลังจบเกมที่ซ้ำกันซะเยอะ แถมบางท่าต่างกันแค่องศาการบิดตัว นี่ยังไม่นับแคมป์ฮับศูนย์รวมผู้เล่นที่วังเวงว่างเปล่า จนเรารู้สึกว่าสู้เอาเวลาตรงนี้ ไปพัฒนาปรับปรุงโหมดออนไลน์ให้เสถียร หรือขยายเพิ่มเติมเปิดเซิร์ฟเวอร์ให้มันครอบคลุมทุกพื้นที่ยังดีเสียกว่า

เกมการเล่น8
กราฟิก8
เสียง8
ความคิดสร้างสรรค์9
ภาพรวม8.3


ข้อดี : ยิงมันฉับไวตามสไตล์คอลออฟดิวตี้, โหมดซอมบี้ที่สนุก, โหมดใหม่อย่าง War ที่มาช่วยแต่งแต้มเติมสีสัน, สไนใช้ง่าย, ใส่ของแต่งแล้วเทพได้ทุกปืน, แผนที่มัลติเพลย์เยอร์ออกแบบได้ดี และลูกเล่นที่มีเฉพาะในแต่ละคลาส
ข้อเสีย : โหมดแคมเปญสั้นไปหน่อย, AI เพื่อนร่วมรบที่มาเป็นภาระ, อาการแลค-การเชื่อมต่อที่ยังคงเป็นปัญหา, ค่ายทหารศูนย์รวมผู้เล่นอันเวิ้งว้าง และหลายฟีเจอร์ในเกมที่ยังไม่พร้อมให้บริการ

Shin
สนับสนุนบทความรีวิวโดยบริษัท โซนี่ อินเตอร์แอคทีฟ เอนเตอร์เทนเมนต์ ฮ่องกง สาขาสิงคโปร์ (หรือ SIES) และบริษัท Next Generation InnovationNGIN










*ทีมงานผู้จัดการเกม เรียนเชิญผู้อ่านทุกท่านร่วมเป็นแฟนเพจ ManagerGame ทางเฟซบุ๊กเพื่อเพิ่มช่องทางการรับรู้ข่าวสารวงการเกมครับ*







































กำลังโหลดความคิดเห็น