แนว ซิมูเลเตอร์แข่งรถ
ระบบ PS4
เรตเกม PEGI: 3 เหมาะสำหรับผู้เล่นทุกเพศทุกวัย
การมาเยือนเครื่องเพลย์สเตชัน 4 ครั้งแรกของตำนานซีรีส์เกมแข่งรถซิมูเลเตอร์คู่บุญ ที่ในภาคนี้ขอฉีกกรอบเดิมๆหันมาเสี่ยงนำเสนอ "ความสดใหม่" ที่อาจเป็นจุดเปลี่ยนพลิกผันของแฟรนไชส์
นับตั้งแต่มี "นิสสัน จีที อคาเดมี" โครงการปั้นเซียนเกมสู่นักขับอาชีพ ถือผุดกำเนิดขึ้นมา รู้สึกว่าในช่วงระยะหลังๆมานี้ ทาง “คาซึโนริ ยามาอุจิ” โปรดิวเซอร์เกม GT ผู้ควบตำแหน่งนักแข่งอาชีพ ดูเหมือนจะพยายามจูงจมูกชักนำผู้เล่นให้ปลีกตัวออกห่างจากหน้าจอทีวี หลุดจากกรอบธรรมเนียมนั่งเล่นออฟไลน์คนเดียวกับคอมฯแบบเดิมๆ แล้วหันมาแข่งขันกันในชีวิตจริงแบบพบปะเห็นหน้า เพื่อเจริญตามรอยเท้าที่เขาเดินให้ดูเป็นตัวอย่าง ซึ่งจากแนวคิดดังกล่าวมันก็ได้ส่งอิทธิพลมาถึง Gran Turismo Sport ภาคล่าสุดของตำนานเกมแข่งรถชื่อดังบนเครื่องเพลย์สเตชัน 4 ที่หันมาเน้นแข่งขันออนไลน์ชิงถ้วยกันอย่างจริงจัง
อย่างที่เกริ่นไปว่าภาคนี้จะเน้นออนไลน์เป็นหลัก ฉะนั้นแล้วโหมด Campaign จึงถูกดร็อปความสำคัญลดบทบาทลงมาเป็นเพียงแค่โหมดฝึกสอน ให้อารมณ์คล้ายๆกับการนั่งสอบใบขับขี่ในภาคก่อนๆ โดยเริ่มสอนตั้งแต่ขั้นพื้นฐานเร่งตัวออกสตาร์ท กะจังหวะเหยียบเบรค รักษาความเร็วเข้าโค้งให้ถูกไลน์ แล้วค่อยๆไต่ระดับความยากขึ้นไป จนถึงขั้นจำลองฉากสถานการณ์การแข่งขันจริง ให้เราขับจากตำแหน่งรั้งท้ายแล้วไล่เบียดแซงคู่แข่งทีละคันเพื่อคว้าอันดับหนึ่ง ซึ่งหากเราเคลียร์ผ่านสเตจฝึกสอนเหล่านี้ไปเรื่อยๆจนครบตามเกณฑ์ที่ตัวเกมกำหนด เราก็จะได้สิทธิ์ในการสุ่มปลดล็อครถยนต์เป็นของรางวัลตอบแทน ส่วนเรื่องจะได้คันใหม่เอี่ยมอ่อง หรือคันเก่าซ้ำกับของเดิมในโรงรถนั้น ก็คงสุดแท้แล้วแต่ดวงของแต่ละคน
สำหรับระบบเซฟข้อมูลในเกม GT ภาคนี้ จะค่อนข้างแปลกสักหน่อย เพราะทุกสิ่งอย่างที่เราทำจะถูกอัปโหลดขึ้นเซิร์ฟเวอร์หลักของเกมโดยตรง ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต และออนไลน์ไว้อยู่ตลอดเวลา ถึงจะสามารถเข้าเล่นในโหมดต่างๆของเกมได้ ยกเว้นเพียงแค่ Arcade โหมดแข่งขันวัดฝีมือกับ AI ซึ่งเป็นโหมดเดียวภายในเกมที่เราสามารถนั่งเล่นแบบออฟไลน์ตามปกติได้ อีกทั้งในโหมดนี้ ยังบรรจุประสบการณ์ขับรถในโลกเสมือนจริงที่เรียกว่า VR Tour ให้เราได้สวมแว่นเพลย์สเตชัน วีอาร์ มองสำรวจทุกแง่มุมรายละเอียดบนตัวรถที่เราเลือก และนำมันไปขับแข่งขันวัดดวลตัวต่อตัวกับรถ AI คันเดียวในสนาม
รูปแบบการเล่นของเกมจะค่อนข้างตรงไปตรงมา คือเราในฐานะนักขับต้องเข้าร่วมแข่งขันชิงชัยตามโหมดต่างๆ เพื่อเก็บสะสมเงินเครดิตมาซื้อหาปลดล็อครถยนต์คันใหม่ๆ แถมยังมีการอัปเลเวลนักขับ มีการสะสมแต้ม Mileage Points แลกของรางวัลพิเศษ ไปจนถึงการแข่งสะสมเกจไมล์เพื่อสุ่มรับรถฟรีในแต่ละวัน หรือพูดอีกนัยหนึ่งก็คือ ยิ่งเราเล่นมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งปลดล็อคคอนเทนต์ต่างๆภายในเกมมากขึ้นตามนั้น นั่นเอง
หากให้พูดจุดเด่นสำคัญอันดับแรกยามนึกถึงแฟรนไชส์แกรนทัวริสโม คงหนีไม่พ้นเรื่องของ "ความสมจริงสมจัง" ทั้งในด้านเกมเพลย์การขับขี่ และกราฟิกบรรยากาศที่สวยงามราวกับภาพถ่าย ซึ่งภาคนี้ก็ไม่ทำให้แฟนๆต้องผิดหวัง ไม่ว่าจะเป็นโมเดลรถยนต์ เงาสะท้อนบนตัวรถ แสงอาทิตย์ที่แยงตา ยันเสียงเครื่องยนต์ที่มีความยูนิคเฉพาะคัน ไปจนถึงเอฟเฟกต์ที่ถูกปรับปรุงใหม่ให้ดูน่าตื่นตาตื่นใจขึ้นอย่าง "สะเก็ดไฟ" ที่จะปรากฏให้เห็นเด่นชัดยามท้องรถของเราเสียดสีกับพื้นถนน กับตอนขับเอาตัวถังไปครูดกับรถคันข้างๆหรือรั้วข้างทาง อย่างไรก็ตาม นับเป็นเรื่องน่าเสียดายที่ภาคนี้ ยังคงไม่มีระบบหมุนเปลี่ยนเวลากลางวัน-กลางคืนแบบไดนามิค รวมถึงฟิสิกส์การชนก็ยังคงให้ความรู้สึกเหมือนกล่องกระดาษ และไม่แสดงสภาพความเสียหายใดๆต่อตัวรถเหมือนเดิม
ทางด้าน ลิขสิทธิ์ยี่ห้อรถยนต์ ที่ขนมาให้เลือกขับในเกม ก็มีทั้งจากค่ายสัญชาติอเมริกัน, ยุโรป และจากฝั่งเอเชีย โดยความพิเศษจะอยู่ตรงที่ภาคนี้ ตัวเกมได้ลิขสิทธิ์รถยนต์จากค่ายดังแดนเยอรมันอย่าง "ปอร์เช่" (Porsche) มาครอบครองเป็นที่เรียบร้อย หลังจากที่ต้องทนใช้อาศัยชื่อสำนักแต่ง RUF แบบอ้อมๆอยู่นานหลายสิบปี โดยรถยนต์ทุกคันที่ได้รับมา หรือซื้อเอาจากโชว์รูม เราสามารถนำไปปรับแต่งสี ประดับติดสติ๊กเกอร์ลวดลายดีเทลได้ตามใจชอบ แล้วนำไปวางจัดแสดงลงบนฉากหลังแบ็คกราวน์สถานที่จริงที่มีให้เลือกมากมาย เพื่อแชะภาพถ่ายรูปเก็บเอาไว้ดูชื่นชมเป็นคุณค่าทางจิตใจ อย่างไรก็ดี ถึงแม้ยี่ห้อค่ายดังในเกมจะมีให้เลือกเยอะ แต่น่าเศร้าที่ทีมพัฒนากลับคัดเอามาลงเฉพาะรถยนต์รุ่นใหม่ๆเท่านั้น จึงส่งผลให้คอลเลคชันรถยนต์ทั้งหมดทั้งมวลในเกมมีอยู่แค่ 160 คัน ซึ่งถือว่าน้อยนิดเมื่อเทียบกับคลังรถจำนวนมากมายนับพันคันใน GT6 และดูไม่ค่อยสมสัดส่วนเท่าไหร่นักกับขนาดไฟล์เกมที่ค่อนข้างใหญ่เกือบร้อยกิ๊กกะไบต์ ที่บีบให้เราต้องลบเกมโปรดออกจากฮาร์ดดิสก์เครื่อง PS4 ไปตั้งหลายเกม
ในส่วนของโหมดการเล่นออนไลน์ Sport อันเป็นหัวใจหลักของเกม แน่นอนว่าบรรยากาศการแข่งขันย่อมต้องดูซีเรียสขึงขังจริงจังเป็นธรรมดา สืบเนื่องจากการที่ทางทีมผู้พัฒนา ได้มีการจับมือเป็นพันธมิตรร่วมกับ สหพันธ์ยานยนต์นานาชาติ (FIA) เพื่อนำเสนอทัวร์นาเมนท์เกมการแข่งขันที่ให้อารมณ์แบบเดียวกับการแข่งขันกีฬามอเตอร์สปอร์ตในชีวิตจริง ซึ่งการแข่งขันในรอบแรกที่เพิ่งเสร็จสิ้นไปเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายนที่ผ่านมา จะถูกแบ่งออกเป็นสองสาย คือการแข่งในฐานะตัวแทนของค่ายผู้ผลิต ที่เราต้องเลือกเซ็นสัญญากับบริษัทรถยนต์ค่ายใดค่ายหนึ่งเพื่อรับรถของพวกเขามาขับ กับอีกรูปแบบหนึ่งคือการแข่งในนามของประเทศตามที่เราได้ระบุไว้ในบัญชี PSN โดยระบบจะมีการจับคู่ผู้เล่นตามแรงค์อันดับค่าฝีมือนักขับ Driver Rating (DR) และค่าสปิริตน้ำใจนักกีฬาขับขี่แบบมีมารยาท Sportsmanship Rating (SR) ที่สามารถขยับเปลี่ยนแปลงขึ้นลงได้เรียลไทม์ตลอดเวลาตามผลงานในสนาม ซึ่งนั่นหมายความว่า ยิ่งถ้าเราขับเซียนเข้าเส้นชัยอยู่อันดับหัวแถวสม่ำเสมอ เราก็จะยิ่งเจอผู้เล่นฝีมือเก่งๆขึ้นไปเรื่อยๆ หรือหากเราเป็นพวกขับชนชอบหรอยสอยท้ายคู่แข่งคันอื่นอยู่ประจำ ในสนามต่อไปเราก็มีสิทธิ์จับเจอคู่แข่งตีนผีสายเกรียนที่ชื่นชอบการเบียดชนเหมือนๆกันกับเรา
อ่านมาถึงตรงนี้ เชื่อว่าคงมีคนสงสัย แล้วเราจะทำอะไรในช่วงวันว่างๆระหว่างรอ ก่อนที่ทัวร์นาเมนท์การแข่งขันอย่างเป็นทางการจะเริ่มขึ้น คำตอบก็คือ ภายในเกมมันจะมี Daily Race หรือการแข่งขันประจำวัน ที่ให้เราได้แข่งกับผู้เล่นออนไลน์คนอื่นๆเพื่อฝึกฝนขัดเกลาฝีมือ ทำความคุ้นชินกับรถ และสนามรูปแบบต่างๆ โดยการแข่งแต่ละครั้งจะจัดเป็นรอบเวลาเหมือนรอบฉายหนังในโรงภาพยนตร์ และเป็นเหตุผลที่ทำให้ทางค่ายนาฬิกา TAG Heuer เข้ามามีบทบาทสำคัญในการกำหนดเวลามาตรฐานเพื่อให้เวลาของผู้เล่นตรงกันทั่วโลก เพียงแต่สนามที่นำมาให้เลือกแข่งนั้นค่อนข้างจำกัด เพราะหมุนเวียนใช้กันอยู่แค่ 3 สนามตลอดทั้งสัปดาห์ กว่าตัวเกมจะอัปเดตการแข่งขันเซตใหม่อีก 3 สนาม ก็คงต้องรอนานจนถึงวันอังคารหน้า ซึ่งจุดนี้เรียกได้ว่าเป็นข้อบกพร่องใหญ่หลวงที่แฟนๆหลายคนบ่นกันมากที่สุดในเกม
แม้การเปลี่ยนถ่ายสายเลือดมาสู่เครื่องคอนโซลยุคปัจจุบัน จะเป็นการยกระดับเซตมาตรฐานใหม่ให้กับแฟรนไชส์แข่งรถสุดสมจริงที่มีประวัติอันยาวนาน แต่นั่นก็ช่วยอะไรไม่ได้มาก หากมองดูภาพลักษณ์โดยรวมของ Gran Turismo Sport ที่เป็นเกมแข่งรถคอนเซปต์งงๆเบลอๆเหมือนไปไม่สุดสักทาง จะจับโหมดแคมเปญเนื้อหาก็ดูง่อยเปลี้ยเพลียแรง จะเล่นออนไลน์ก็จำกัดจำเขี่ยคอนเทนต์เสียเหลือเกินขาดอิสระจนน่าหงุดหงิด จึงทำให้เราแอบสงสัยว่า หรือนี่อาจเป็นแผนกุศโลบายอันแยบยลของทางทีมงานผู้สร้าง ที่หวังขจัดคัดกรองคอมมิวนิตี้ผู้เล่นให้หดลดหาย เหลือเพียงแค่กลุ่มเกมเมอร์ขาซิ่งแฟนพันธุ์แท้สายสตรอง ผู้มีใจรัก และมีความมานะอุตสาหะถึกทนมุ่งมั่น ขยันหมั่นฝึกฝนวนแข่งสนามเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่อย่างนั้นโดยไม่ปริปากบ่นสักคำ ก็เป็นได้
เกมการเล่น | 7 |
กราฟิก | 9 |
เสียง | 9 |
ความคิดสร้างสรรค์ | 7 |
ภาพรวม | 8 |
ข้อดี : เกมเพลย์การขับขี่ที่สมจริง, แสงเงา-รายละเอียดบนตัวรถที่สวยงามราวภาพถ่าย, เสียงเครื่องยนต์อันเป็นเอกลักษณ์ของรถแต่ละคัน, โหมดออนไลน์ไหลลื่นไม่มีสะดุด และระบบสุ่มแจกรถฟรีที่ช่วยให้เรามีแรงใจอยากเล่นต่อ
ข้อเสีย : แคมเปญที่เป็นเพียงโหมดฝึกสอน, ฟิสิกส์การชนยังเหมือนกล่องกระดาษ, ฟังก์ชัน VR จำกัดอยู่แค่โหมดเดียว, บังคับเชื่อมต่อเน็ตตลอดเวลา, จำนวนรถ-สนามที่ให้มาน้อยนิด และการแข่งออนไลน์ที่เวียนวนอยู่แค่ 3 สนามตลอดทั้งสัปดาห์
Shin
สนับสนุนบทความรีวิวโดยบริษัท โซนี่ อินเตอร์แอคทีฟ เอนเตอร์เทนเมนต์ ฮ่องกง สาขาสิงคโปร์ (หรือ SIES) และบริษัท Next Generation InnovationNGIN
*ทีมงานผู้จัดการเกม เรียนเชิญผู้อ่านทุกท่านร่วมเป็นแฟนเพจ ManagerGame ทางเฟซบุ๊กเพื่อเพิ่มช่องทางการรับรู้ข่าวสารวงการเกมครับ*