แนว แอ็คชั่นแพลตฟอร์ม
ระบบ PS4
เรตเกม PEGI: 3 เหมาะสำหรับผู้เล่นที่มีอายุ 3 ปีขึ้นไป
อีกหนึ่งตำนานมาสคอตของโซนี่ ที่ถูกปลุกผีตื่นฟื้นคืนจากหลุมด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ในปัจจุบัน แต่อารมณ์ความรู้สึกในการเล่นยังคงเดิมเหมือนเมื่อสมัย 20 ปีก่อน
หลังไปแอบแวบโผล่ให้ได้เล่นเป็นเซอร์ไพรส์ลับภายในเกม "อันชาร์ตเต็ด 4" เชื่อว่าแฟนๆหลายคน ก็คงคาดเดาได้ไม่ยากว่าทางโซนี่ มีแผนจะทำอะไรกับเจ้าหนูขนส้มอดีตแมสคอตคู่บุญเครื่องเล่นเพลย์สเตชัน ซึ่งวันนี้คำถามที่ทุกคนต่างรู้คำตอบ ก็ได้ถูกเฉลยปรากฏออกมาอยู่ตรงหน้าแล้ว กับ "Crash Bandicoot N. Sane Trilogy" ชุดคอลเลคชันไตรภาค ที่หยิบนำเกม 3 ภาคแรกในซีรีส์สมัยเครื่องเพลย์สเตชัน 1 กลับมาทำใหม่ให้พวกเราได้สัมผัสกันอีกรอบ
สำหรับตัวเกม แครช แบนดิคูต ทั้งสามภาค ที่ถูกบรรจุรวบรวมเอาไว้ภายในแผ่นนั้น ประกอบไปด้วย Crash Bandicoot, Crash Bandicoot 2: Cortex Strikes Back และ Crash Bandicoot 3: Warped ซึ่งในอดีตเกมเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นผลงานการสร้างสรรค์ของสตูดิโอ Naughty Dog แทบทั้งสิ้น แต่ทว่าการกลับมาในรอบสองนี้ ทางทีมงานผู้ดูแลรับผิดชอบกระบวนการรีมาสเตอร์กลับตกไปอยู่ในมือของสตูดิโอ Vicarious Visions ในสังกัดค่ายแอคติวิชันแทน ส่วนเหตุผลก็น่ามาจากการที่สตูดิโอเจ้าเก่าหน้าเดิมขาประจำ ณ เวลานี้ กำลังงานยุ่งติดพันภารกิจอยู่กับอีกหนึ่งแฟรนไชส์ชื่อดังของโซนี่ ที่คงไม่ต้องบอกว่าเป็นเกมอะไร
ด้วยความปรารถนาของโซนี่ ที่หวังอยากได้อยากมีแมสคอตประจำค่ายเอาไว้สู้แข่งกับ "มาริโอ" ของนินเทนโด และ "โซนิค" ของเซก้า หน้าตาของเจ้าสัตว์ประหลาดขนส้มชูชันที่ได้แรงบันดาลใจมาจากตัว "แบนดิคูต" จึงออกมามีรูปร่างอย่างที่เห็น จะว่าเท่ก็ไม่ใช่ จะว่าน่ารักก็อายปาก แถมสติสตังค่อนไปทางบ๊องๆติ๊งต๊องเสียด้วยซ้ำ จากการวางเนื้อหาพล็อตเรื่องราวหลักของเกม อันกล่าวถึง "แครช" สัตว์ทดลองที่หลบหนีออกมาจากห้องแล็บของ "ด็อกเตอร์ นีโอ คอร์เทกซ์" ผู้หวังใช้รังสีล้างสมองแปรสภาพสัตว์ป่าให้มาเป็นกองทัพยึดครองโลก แต่ด้วยเครื่องไม้เครื่องมือที่ไม่อำนวยจึงเกิดความผิดพลาดขึ้น และเป็นภาระของผู้เล่น ที่ต้องบังคับเจ้าหนูทดลองตัวต้นแบบผู้ไม่สมประกอบ ออกผจญภัยกอบกู้โลก และช่วยเหลือแฟนสาว ตามสไตล์เกมยุค 80
จากการที่ตัวเกมยึด ลุงหนวดช่างประปา และเม่นสายฟ้า เป็นไอดอลรุ่นพี่ ระบบการเล่นภายในเกมจึงเหมือนเป็นการผสมผสานยำรวมซีรีส์มาริโอ กับโซนิคเข้าด้วยกัน จากปกติที่เป็นเกมแอ็คชั่นแพลตฟอร์มเดินหน้าลุยดุ่ยๆตรงดิ่ง เดี๋ยวก็เปลี่ยนหันมาตะลุยด่านด้านข้างแบบเกมไซด์สโครล แล้วอีกสักพักก็กลับมาเล่นในแนวตั้งดังเดิม เวียนวนเช่นนี้เรื่อยไปเพื่อกันไม่ให้ผู้เล่นเกิดความรู้สึกเหนื่อยหน่าย เมื่อนำมารวมเข้ากับเหล่าบอสท้ายสเตจที่ดักคอยให้เราได้ใช้สมองหาจุดอ่อนวิธีกำจัด และความสามารถในการเปลี่ยนสลับไปบังคับ Coco ตัวละครน้องสาวของแครชได้ ก็ยิ่งทำให้เกมนี้ดูมีสีสันความสดใหม่อยู่เสมอ
ทางด้านกราฟิก "Crash Bandicoot N. Sane Trilogy" นับเป็นอีกหนึ่งเกมที่ทำเอาเรา และผู้เล่นอีกหลายๆคนต่างรู้สึกสับสนงงงวยกับคำว่า "รีมาสเตอร์" เพราะภาพเกมในเวอร์ชันทำใหม่นี้ กับภาพเกมต้นฉบับออริจินอล มันช่างต่างกันราวฟ้ากับเหว ทั้งโมเดลตัวละครที่ใส่ใจรายละเอียดเห็นชัดยันเส้นขน, เอฟเฟกต์ต่างๆ, แสงเงาวาววับที่สะท้อนกับผิวน้ำ หรือพื้นน้ำแข็ง ไปจนถึงฉากหลังสภาพแวดล้อมที่งดงามจนต้องหยุดมอง และด้วยเหตุผลทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมา เราจึงอยากขอเปลี่ยนใช้คำว่า "รีเมค" น่าจะเหมาะสมกว่า
อย่างไรก็ตาม แม้ภาพกราฟิกจะถูกพัฒนาขึ้นให้ดูดี ไม่น้อยหน้าเหล่าเกมเด่นเกมดังบน PS4 แต่ในส่วนระบบการบังคับควบคุมนั้น ดูเหมือนว่าทางทีมพัฒนาจะพยายามรักษาจังหวะการเล่นดั้งเดิมของต้นฉบับเอาไว้ ไม่อยากเข้าไปยุ่งวุ่นวายอะไรกับมัน ซึ่งนั่นส่งทั้งผลดี และผลเสีย โดยส่วนตัวมองว่ามันค่อนไปในทางอย่างหลังมากกว่า ด้วยการเคลื่อนไหวของตัวละครที่ยังคงดูแข็งๆทื่อๆขยับก้าวขาเดินทีละช่องเหมือนต้นฉบับ ต่อให้เราเปลี่ยนไปใช้แกนอนาล็อคบังคับแล้ว แต่ความรู้สึกก็ยังเหมือนกดด้วยปุ่มทิศทางอยู่ นอกจากนี้ "ระบบฟิสิกส์ตรวจจับการชน" ของเกมนั้นก็แสนคาดเดาลำบากซะเหลือเกิน โดยเฉพาะจังหวะในการกระโดด ที่บางคราเราคิดว่ากระโดดพ้นขาเหยียบถึงอีกฝั่งแล้ว แต่สุดท้ายดันร่วงตกน้ำตกเหวโดยไม่ทราบสาเหตุ จนเป็นเหตุให้ผู้เล่นหลายคนต่างบ่นอุบเป็นเสียงเดียวกันว่า การกลับมาของเจ้าแครชในครั้งนี้ มันโหดหินเล่นยากยิ่งกว่าต้นฉบับเสียอีก
หากไม่ติดใจกับปัญหาความยากชวนหงุดหงิดเล็กๆน้อยๆที่ทีมงานแถมใส่มาให้ Crash Bandicoot N. Sane Trilogy มันก็ถือเป็นเกมแอ็คชั่นแพลตฟอร์มที่ดีเกมหนึ่งบน PS4 ด้วยคุณภาพกราฟิกที่ถูกอัปเกรดให้เข้ากับยุคสมัยใหม่ และเสน่ห์เกมเพลย์แบบเก่าๆที่หลายคนต่างโหยหา จึงไม่น่าแปลกใจนักที่เห็นมันขึ้นไปติดอันดับท็อปเกมขายดีบน เพลย์สเตชัน สโตร์ และเป็นไปได้สูงว่า การผจญภัยของเจ้าหนูจอมซ่า มันคงยังไม่จบปิดฉากอยู่เพียงเท่านี้
| เกมการเล่น | 7 |
| กราฟิก | 10 |
| เสียง | 9 |
| ความคิดสร้างสรรค์ | 8 |
| ภาพรวม | 8.5 |
ข้อดี : ภาพสวยอลังขึ้นจนน่าตกใจ, เสน่ห์ความคลาสสิคที่คงอยู่ครบครัน, มีระบบเช็คพอยท์ตายไปไม่ต้องเริ่มใหม่, สวมบทเป็น Coco ได้ และคุ้มค่าเพราะมีมาให้เล่นกันถึง 3 ภาค
ข้อเสีย : การบังคับควบคุมที่ไม่โตตามกราฟิก กับระบบตรวจจับไม่แน่นอนทำเอาเล่นยากกว่าต้นฉบับ
Shin
สนับสนุนบทความรีวิวโดยบริษัท โซนี่ อินเตอร์แอคทีฟ เอนเตอร์เทนเมนต์ ฮ่องกง สาขาสิงคโปร์ (หรือ SIES)
*ทีมงานผู้จัดการเกม เรียนเชิญผู้อ่านทุกท่านร่วมเป็นแฟนเพจ ManagerGame ทางเฟซบุ๊กเพื่อเพิ่มช่องทางการรับรู้ข่าวสารวงการเกมครับ*
