แนว แอ็คชั่นอาร์พีจี
ระบบ PS4
เรตเกม PEGI: 12 เหมาะสำหรับผู้เล่นที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไป
การกลับมาของเกมแอ็คชั่นอาร์พีจีในแบบฉบับ "ยิบย่อยซอยถี่" ที่เพิ่มเติมเนื้อหาใหม่ๆในระดับจุดทศนิยม เหมาะอย่างยิ่งสำหรับแฟนๆที่อดใจรอเล่นภาคใหม่ไม่ไหวแล้วจริงๆ
หากคุณเป็นค่ายผู้พัฒนาเกมจะทำอย่างไร? เมื่อนโยบายขายของเก่าที่ริเริ่มมาตั้งแต่ 1.5 ไป 2.5 ก็แล้ว ทว่าตัวเกมภาคหลักลำดับที่ 3 ก็ยังสร้างไม่เสร็จเสียที กอปรกับกระแสความตื่นตัวของแฟนๆที่ค่อยๆเสื่อมคลายไปตามเข็มนาฬิกา เงินเดือนพนักงานก็ต้องจ่าย ทางออกง่ายๆก็คงเหลือหนทางเดียว นั่นคือต้องรีบเข็นบางส่วนที่สร้างเสร็จมาเปิดขาย แล้วติดป้ายว่าเป็นเหตุการณ์ช่วงรอยต่อ เพียงเท่านี้ปัญหาทุกอย่างก็จะหมดไป และกลายเป็นที่มาของ "Kingdom Hearts HD 2.8 Final Chapter Prologue" ผลงานแอ็คชั่นอาร์พีจีฉบับทรีอินวัน ที่ผสานเอาเนื้อหาทั้งใหม่และเก่าอย่างละนิดอย่างละหน่อยมาผสมรวมกัน
สำหรับเนื้อหาคอนเทนต์หลักๆทั้งสามของเกม หากเรียงตามไทม์ไลน์ลำดับเหตุการณ์ ก็ควรเปิด Kingdom Hearts X Back Cover ขึ้นมาก่อนเป็นอันดับแรก เพราะมันเป็นการย่อยสรุปเนื้อหาเกมมือถือของญี่ปุ่น Kingdom Hearts X [chi] มาให้ได้รับชมกันในรูปแบบภาพยนตร์แอนิเมชั่นความยาว 1 ชั่วโมง ซึ่งบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับจุดกำเนิดของ "คิงดอมฮาร์ต" ผ่านโหราสาวกผู้คิดต่างทั้ง 5 ที่ต่างฝ่ายต่างหวังสืบทอดปณิธานต่อจากปรมาจารย์มาสเตอร์ผู้หายสาบสูญด้วยวิธีของตนเอง โดยจะมีการกล่าวอธิบายจุดเริ่มของแสงสว่าง และความมืด รวมไปถึงจุดชนวนเหตุต้นตอของสงครามระหว่างผู้ถือครองคีย์เบลด ว่าทำไมต้องพุ่งรบเข่นฆ่ากันเองมายาวนานหลายชั่วอายุคน
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้หนัง CG เรื่องสั้นดังกล่าว จะถูกถ่ายทอดออกมาด้วยเทคโนโลยี "อันเรียลเอนจิ้น 4" ที่แลดูสวยงามเนียนตา แต่ก็อย่าไปคาดหวังสูงว่าจะได้เห็นหนังแอ็คชั่น CG ทุ่มทุนสร้างสุดยิ่งใหญ่อลังการ เนื่องจากตลอด 60 นาทีของหนัง เราจะได้เห็นเพียงกลุ่มตัวละครสวมหน้ากากรูปสัตว์ ยืนปรึกษาหารือพูดคุย คุย และคุย แม้อาจมีฉากบู๊แอ็คชั่นต่อสู้สอดแทรกมาบ้างประปราย แต่มันก็ไม่ได้ดูตื่นเต้นเร้าใจชวนให้หัวผละจากหมอน หรือขยับตัวลุกขึ้นจากที่นอน หากเทียบกับภาพยนตร์ทั่วไปแล้ว มันก็คงเป็นได้แค่หนังดราม่าเกรดบีที่ไม่ต่างอะไรไปจาก "ยานอนหลับชั้นดี"
จบจากเรื่องราวจุดกำเนิด เนื้อหาเมนหลักลำดับถัดไปคือ Kingdom Hearts Dream Drop Distance HD ตัวเกมเวอร์ชันรีมาสเตอร์ของเกมคิงดอมฮาร์ตภาค 3DS ที่นำเสนอเรื่องราวการผจญภัยของสองหนุ่มเพื่อนซี้ "โซระ" และ "ริคุ" ที่ติดอยู่ภายในโลกแห่งความฝัน โดยอะไรต่างๆจะยังคงเดิมเหมือนต้นฉบับ เพียงแค่ปรับภาพใหม่ให้ดูคมชัดขึ้นในระดับเอชดี พร้อมกับล็อคอัตราเฟรมเรตเอาไว้ที่ 60 fps จนทำให้ภาพการเล่นดูลื่นไหลสุดๆ และเปลี่ยนวิธีการเล่นมินิเกมจากที่เคยใช้จอสัมผัส 3DS หันมาพึ่งพาแกนอนาล็อค และแผงทัชแพดบนจอยดูอัลช็อคโฟร์แทน
ถึงทุกอย่างจะถูกปรับโฉมใหม่ให้ดูดีขึ้นมากจากเดิม แต่ก็คงไม่สามารถลบเลือนความจริงที่ว่า "Kingdom Hearts 3D: Dream Drop Distance" สำหรับแฟนๆแล้ว มันเป็นภาคที่ไม่ค่อยมีสาระสลักสำคัญสักเท่าไหร่ หากจะบอกว่าแย่สุดก็คงพูดเกินไป เอาเป็นว่ามีเสน่ห์ดึงดูดน้อยสุดในซีรีส์ละกัน ด้วยสไตล์โทนสีสันของภาพที่ฉูดฉาดราวลูกกวาด กับเนื้อเรื่องแห่งความฝันที่ทำให้ทีมพัฒนามีข้ออ้างในการนำฉากเก่าๆกลับมารีไซเคิลใช้ใหม่ และหนำซ้ำการที่มีตัวละครดำเนินเรื่องหลักถึง 2 ตัว แทนที่จะช่วยเสริมสร้างความสดใหม่ให้กับผู้เล่น แต่กลับกลายเป็นว่าเราต้องเสียเวลาเล่นฉากเดิมวนซ้ำกันถึงสองรอบ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไร้เหตุผลสิ้นดี
มาถึงคอนเทนต์ท้ายสุด ที่แนะนำเลยว่าต้องเล่น และเป็นตัวเด่นชูโรงเพียงหนึ่งเดียวภายในแผ่น นั่นก็คือ Kingdom Hearts 0.2: Birth by Sleep - A Fragmentary Passage กับเกมภาคเสริมส่วนขยายที่บอกเล่าเหตุการณ์สืบเนื่องต่อจากภาค Birth by Sleep บนเครื่อง PSP โดยเป็นเรื่องราวในมุมมองของตัวละคร "อควอ" (Aqua) สาวสวยผมฟ้าสั้นขวัญใจแฟนๆ กับภารกิจค้นหาทางออกเพื่อหนีไปจากดินแดนแห่งความมืด มีการเล่าเชื่อมโยงฉากจบภาคแรก และปูบันไดไปสู่เหตุการณ์ในภาคสาม โดยคุณภาพกราฟิกจะอยู่ในระดับทัดเทียมกับตัวเกมภาคใหม่ที่กำลังจะมา เพราะใช้เอนจิ้นตัวเดียวกัน หรือจะเรียกว่าเป็นเดโมตัวอย่างน้ำจิ้มของ "Kingdom Hearts III" ก็คงได้
สำหรับลูกเล่นไฮไลท์ใหม่ๆชวนสะดุดตาที่พบเห็นในการผจญภัยของ อควอ สิ่งแรกเลยคือระบบ Situation Command ที่จะปรากฏปุ่มสามเหลี่ยมขึ้นมาให้กดในระหว่างฉากการต่อสู้ คล้ายๆกับระบบ Reaction Command ในภาคเก่าๆที่ผ่านๆมา เพียงแต่คราวนี้จะลึกซึ้งขึ้น และมีความหลากหลายแปรเปลี่ยนไปตามสไตล์การเล่นของแต่ละคน เช่นว่าหากเราทำคอมโบโจมตีใส่ศัตรูด้วยเวทย์ Firaga บ่อยๆก็จะปรากฏปุ่มสามเหลี่ยมขึ้นมาให้เราสามารถใช้เวทย์ไฟขั้นสูงสุด Firaja ได้ฟรีหนึ่งครั้ง หรือหากเราถนัดทำคอมโบด้วยการโจมตีปกติ ปุ่มสามเหลี่ยมที่ปรากฏก็จะกลายเป็นปุ่มกดเข้าสู่โหมดแปลงร่าง ที่จะเพิ่มความรวดเร็ว และพลังโจมตีให้กับตัวละครเป็นระยะเวลาชั่วครู่ นอกจากนี้ตัวเกมยังสอดแทรกภารกิจชาเลนจ์พิเศษอย่างการสะสมคิล หรือเก็บของลับตามฉาก เพื่อปลดล็อคเครื่องประดับมาตกแต่งตัวละครของเราให้ดูเก๋ดูเท่ไปอีกแบบ
แต่ก็นับเป็นเรื่องปกติของช่วงเวลาแห่งความสุขสันต์รื่นเริงบันเทิงใจ ที่มักจะผ่านไปไวเหมือนโกหก เฉกเช่นเดียวกันกับเกมนี้ ที่สามารถจบได้ในระยะเวลาเพียงแค่ 3 ชั่วโมงเท่านั้น หากเทียบกับเกมคิงดอมฮาร์ตภาคหลัก ก็คงประมาณนั่งเล่นผ่านไปแค่โลกเดียว หรือพูดให้เข้าใจง่ายกว่านี้ก็คืออารมณ์คล้ายๆกับการหยิบ "Metal Gear Solid V: Ground Zeroes" ตัวเกมภาคปฐมบทในซีรีส์สายลับชื่อดังของค่ายโคนามิ ขึ้นมาเล่นนั่นเอง
คงไม่มีใครกล้าปฏิเสธว่าแค่ Kingdom Hearts 0.2: Birth by Sleep - A Fragmentary Passage เพียวๆก็สามารถดับความกระหายของแฟนๆที่เฝ้ารอเล่นตัวเกมภาคสามได้อยู่หมัด ทว่าสิ่งที่ติดใจชวนน่ากังขาจนเกิดเป็นกระแสดราม่านั้น มันไม่ใช่เรื่องคุณภาพของเกม หากแต่เป็นเรื่องของราคาที่สแควร์เอนิกส์ติดป้ายเอาไว้สูงเวอร์ถึง 60 เหรียญ เพื่อแลกกับการที่ได้สัมผัสตัวอย่างเกมเพลย์ภาคใหม่นิดๆหน่อยๆพอเป็นกับแกล้ม, รับชมหนังสั้นเดินเรื่องเนือยๆที่มีให้ดูเกลื่อนบนยูทิวบ์ และได้กลับไปเล่นเกมภาคเก่าที่ไม่ค่อยมีใครสนใจ ซึ่งด้วยจุดประสงค์ของทีมพัฒนาที่เหมือนจงใจขาย Dream Drop Distance รอบสองนี้ เราจึงไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากบอกกล่าวแนะนำแฟนๆว่ารอให้ Price Drop Later แล้วค่อยสอยจะดีกว่า
เกมการเล่น | 8 |
กราฟิก | 9 |
เสียง | 9 |
ความคิดสร้างสรรค์ | 7 |
ความคุ้มค่า | 5 |
ภาพรวม | 7.5 |
ข้อดี : ภาพสวยชัดคมกริบ, ช่วยให้แฟนๆสามารถปะติดปะต่อเรื่องราว, พลังเสียงของ "อุทาดะ ฮิคารุ" ที่ชวนขนลุกเหมือนเคย และปลุกกระแสเกมภาคสามได้เป็นอย่างดี
ข้อเสีย : DDD มันไม่ใช่ภาคที่แฟนๆอยากกลับไปเล่นรอบสอง, แอนิเมชั่นหนังสั้นชวนหาว และราคาไม่สมเหตุผลกับเนื้อหาที่ยัดมาให้
Shin
สนับสนุนบทความรีวิวโดยบริษัท โซนี่ อินเตอร์แอคทีฟ เอนเตอร์เทนเมนต์ ฮ่องกง สาขาสิงคโปร์ (หรือ SIES)
*ทีมงานผู้จัดการเกม เรียนเชิญผู้อ่านทุกท่านร่วมเป็นแฟนเพจ ManagerGame ทางเฟซบุ๊กเพื่อเพิ่มช่องทางการรับรู้ข่าวสารวงการเกมครับ*