แนว ระทึกขวัญ
ระบบ PS4
เรตเกม PEGI: 18 เหมาะสำหรับผู้เล่นที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป
สาวกโซนี่มีเกมเอ็กคลูซีฟให้ได้เล่นกันอีกแล้ว กับเรื่องราวของแปดวัยรุ่นหนุ่มสาววัยคะนองในกระท่อมสยองกลางป่าลึก ที่ให้ผู้เล่นเป็นคนตัดสินใจเลือกว่าใครจะอยู่หรือใครจะตาย
ถือเป็นการพลิกบทบาทหันมาจับเกมแนวระทึกขวัญสั่นประสาทครั้งแรกของ Supermassive Games สตูดิโอผู้ถนัดทำเกมปาร์ตี้สำหรับเด็กและครอบครัว ที่ไม่รู้ว่าอะไรเข้าสิงถึงได้ตัดสินใจตบปากรับคำทำเกมแนวฆาตกรรมสยองนองเลือดชวนขนลุกที่มีชื่อว่า "อันทิล ดอว์น" (Until Dawn) และที่สำคัญคือดันทำออกมาได้ดีไม่แพ้ใครซะด้วย
หากใครที่เป็นคอหนังเคยผ่านหูผ่านตาภาพยนตร์แนวสยองกลางป่าเขามาบ้าง คงจะรู้สึกคุ้นเคยกับบรรยากาศในเกมกันเป็นอย่างดี เพราะทีมพัฒนาได้หยิบยืมดำเนินเนื้อเรื่องตามสูตรสำเร็จมาไม่ต่างกัน โดยกล่าวถึงวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งที่มาดื่มฉลองปาร์ตี้กัน ณ บ้านพักกลางภูเขาหิมะอันอ้างว้างห่างไกลผู้คน แถมยังเล่นพิเรนทร์แกล้งกันจนเสียเพื่อนในกลุ่มไปอย่างลึกลับ แต่ไม่ยอมเข็ดหลาบพอเวลาผ่านไปหนึ่งปีก็กลับมารวมตัวกันใหม่ที่บ้านกระท่อมหลังเดิม ซึ่งครั้งนี้ความจริงทุกอย่างจะถูกเปิดเผย และกลายมาเป็นฝันร้ายที่พวกเขาจะไม่มีวันลืม
เหมือนกับเกมรุ่นพี่อย่าง Heavy Rain และ Beyond: Two Souls ของโซนี่ที่ออกมาก่อนหน้านี้ ระบบการเล่นของ "อันทิล ดอว์น" นั้นจะเป็นแนวผจญภัยอินเตอร์แอคทีฟ บังคับตัวละครเดินสำรวจปฏิสัมพันธ์กับสิ่งของสภาพแวดล้อม กดปุ่มให้ทันตามจังหวะบ้างเป็นบางเวลา และเลือกตัดสินใจพูดหรือกระทำอะไรบางอย่าง ซึ่งดูไปก็คล้ายๆกับการรับชมภาพยนตร์สยองขวัญเรื่องหนึ่ง เพียงแค่ต่างกันตรงที่เราไม่ได้เป็นผู้ชมที่นั่งดูอยู่เฉยๆ แต่จะทำหน้าที่เป็นเหมือนผู้กำกับคอยสั่งให้นักแสดงแต่ละคนดำเนินเรื่องไปตามที่ใจเราต้องการ
ตัวเกมนั้นได้หยิบยกทฤษฎี "ปรากฏการณ์ผีเสื้อ" (Butterfly Effect) มานำเสนอ ที่กล่าวถึงการเชื่อมโยงกันของทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ เพียงแค่การตัดสินใจเล็กๆน้อยๆของผู้เล่นอาจส่งผลกระทบใหญ่หลวงในอนาคต เหมือนกับการที่ผีเสื้อกระพือปีกก็สามารถก่อให้เกิดพายุทอร์นาโดได้อะไรประมาณนั้น ซึ่งเกมนี้ไม่ว่าเราจะเลือกทำอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือไม่เลือกอะไรสักอย่างเลย ก็ล้วนส่งผลกระทบมากน้อยแตกต่างกันไป ซึ่งผลลัพธ์เหล่านี้จะค่อยๆสะสม และส่งผลให้เห็นชัดเจนในช่วงท้ายของเกมที่เป็นตัววัดตัดสินความเป็นความตาย
ในฐานะที่มันเป็นเกมเอ็กคลูซีฟบนเพลย์สเตชัน 4 ลูกเล่นต่างๆนานาบนจอยดูอัลช็อคโฟร์ย่อมต้องใส่มาแบบจัดเต็ม แต่ที่เห็นถูกนำมาใช้เยอะสุดคงเป็นฟีเจอร์ "ไจโรสโคป" ที่ใช้ตรวจจับการเอียงยกขึ้นยกลงของจอย โดยในเกมนี้เราสามารถเลือกวิธีการบังคับได้สองแบบ คือควบคุมด้วยอนาล็อก กับการเอียงจอย ซึ่งแนะนำว่าให้เลือกอย่างหลังเพื่อเพิ่มอรรถรสในการเล่น ทั้งการสับคันโยก หยิบจับพลิกวัตถุ ส่องไฟฉาย หรือแม้กระทั่งเล็งปืนยิง และที่เด็ดสุดๆคือการให้ผู้เล่นถือจอยนิ่งๆไม่ไหวติงเวลาหลบซ่อนตัว ที่สร้างความกดดันเกร็งยันไส้ติ่งได้ดีเลยทีเดียว
ทางด้านกราฟิก อาจพูดได้ว่ามันเป็นเกมสยองขวัญที่มีภาพสวยที่สุดในโลก ณ เวลานี้ ด้วยเทคโนโลยีโมชั่นแคปเจอร์สมัยใหม่ ผสานกับขุมพลังการประมวลผลของเครื่อง PS4 ที่ทำให้ฉากมูวี่คัตซีนกับเกมเพลย์เหมือนกันจนแยกไม่ออก ด้วยพื้นผิวอันมีรายละเอียดชนิดเห็นถึงเส้นใยของเสื้อผ้า เห็นร่องรอยของสิว ฝ้า กระ บนใบหน้าของตัวละคร รวมทั้งการแสดงอารมณ์ออกมาทางสีหน้าแววตาที่มองปั๊บรู้ได้ทันทีโดยไม่ต้องมีคำอธิบายใดๆ แม้กระทั่งในระหว่างฉากเกมเพลย์ ปากของตัวละครยังขยับตรงตามบทพูดทุกคำตลอดเวลา ไม่ได้เป็นแค่หุ่นโมเดล 3D หันหน้านิ่งใส่กันเหมือนเมื่อก่อน
อีกหนึ่งความโดดเด่นที่ "อันทิล ดอว์น" ทำออกมาได้ดีคือวิธีในการบอกเล่าเรื่องราว โดยทีมพัฒนาเกมได้วางพล็อตเรื่องได้หักมุมเซอร์ไพรส์คนเล่น อารมณ์คล้ายๆหนังสยองขวัญเรื่อง "The Cabin in the Woods" ที่ช่วงแรกๆจะออกแนวเนิบๆน่าเบื่อหน่าย เหมือนค่อยๆโรยเศษขนมปังให้ผู้เล่นพอเดาทางออกแค่ครึ่งเดียว และให้คิดว่ามันเป็นเกมฆาตกรรมอำพรางทั่วไป แต่พอเล่นลงลึกไปเรื่อยๆมันกลับมีอะไรมากกว่านั้นที่เราเองก็คาดไม่ถึง ซึ่งเกี่ยวข้องกับตำนานเรื่องเล่าขานชวนขนพองสยองเกล้าของชนเผ่าอินเดียนแดงในสหรัฐฯ
เนื้อหาของเกม จะถูกแบ่งย่อยออกเป็น Episode สั้นๆเหมือนซีรีย์โทรทัศน์ ที่สามารถนั่งเล่นจบได้ภายใน 10 ชั่วโมง ถึงแม้ว่ามันจะฟังดูสั้นไปนิด แต่จุดประสงค์หลักของเกมนี้คือการวนกลับไปเล่นซ้ำใหม่หลายๆรอบเพื่อทดลองดูผลลัพธ์ที่ต่างออกไป และเราก็ไม่จำเป็นต้องกลับไปเล่นใหม่ตั้งแต่ฉากแรก เพราะเมื่อเล่นจบเราสามารถเลือก Episode ที่อยากย้อนเวลากลับไปแก้ไขได้ตามใจชอบ ซึ่งผลของการตัดสินใจที่เปลี่ยนไปอาจทำให้เราได้เพื่อนใหม่มาร่วมเดินทางในบางฉาก หรือสนุกไปกับการนั่งดูตัวละครตัวใดตัวหนึ่งถูกสังหารโหดในหลากหลายรูปแบบ
หากใช้เกณฑ์ความสยองเป็นตัววัด "อันทิล ดอว์น" นั้นถือว่าสอบผ่าน เพราะมันเน้นยัดฉากสยองแบบทีเผลอให้ผู้เล่นได้สะดุ้งตกใจอยู่เป็นระยะ แทบไม่มีช่วงเวลาให้พักหายใจหายคอ ผนวกกับภาพกราฟิกระดับเทพที่มองผ่านๆนึกว่าคนจริงๆ ยิ่งทำให้เกิดความอยากนั่งเล่นต่อ และมากพอที่จะทำให้เราหลงลืมเกมเพลย์สำรวจฉากชวนหัวเสีย ที่ให้เราต้องมาเดินคลำหาของอยู่ในห้องมืดๆชนนั่นชนนี่ไปได้
เกมการเล่น | 8 |
กราฟิก | 10 |
เสียง | 9 |
ความคิดสร้างสรรค์ | 8 |
ภาพรวม | 8.5 |
ข้อดี : พล็อตเรื่องหักมุมน่าติดตาม, แนวคิดทฤษฎีผีเสื้อที่น่าสนใจ, ลูกเล่นเอียงจอยที่สนุก, บรรยากาศชวนขนลุก และเป็นเกมสยองที่มีภาพสวยสุดในปัจจุบัน
ข้อเสีย : ฉากเดินหาของในที่มืดแสนน่าเบื่อ และบางทางเลือกที่ถูกล็อคผลเอาไว้ตั้งแต่แรก
ปู่ชิน
สนับสนุนบทความรีวิวโดยบริษัท Next Generation InnovationNGIN
*ทีมงานผู้จัดการเกม เรียนเชิญผู้อ่านทุกท่านร่วมเป็นแฟนเพจ ManagerGame ทางเฟซบุ๊กเพื่อเพิ่มช่องทางการรับรู้ข่าวสารวงการเกมครับ*