ภาคล่าสุดของเกมยุทธการสั่งแผนหน่วยสวาท ที่มาในรูปแบบใหม่ให้ผู้เล่นต้องรับมือกับเหล่ามอนสเตอร์ติดเชื้อ เปิดให้ผู้เล่นได้ร่วมสัมผัสตัวเกมก่อนใครแล้วในช่วง Early Access บนสตีม
สำหรับตัวเกม "Breach and Clear: Deadline" นั้นถือเป็นภาคแยกของแฟรนไชส์เกมวางแผนเชิงกลยุทธ์ Breach and Clear ที่ทางทีมผู้พัฒนาขอสร้างความสดใหม่ ด้วยการเปลี่ยนบรรยากาศจากที่เคยบุกฐานผู้ก่อการร้ายในภาคก่อนๆ มาเป็นการรับมือกับศัตรูสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งถือกำเนิดจากหนอนปรสิตตัวเล็ก ที่ชอนไชเข้าไปในร่างกายมนุษย์ และเกิดวิวัฒนาการแบบก้าวกระโดดจนกลายเป็นสัตว์ประหลาดที่มีพฤติกรรมคล้ายซอมบี้
ถึงแม้ตัวเกมภาค "เดดไลน์" จะดูแตกต่างไปมากจากเกมต้นฉบับ แต่สิ่งหนึ่งที่ทางทีมงานพัฒนาที่สตูดิโอ Mighty Rabbit ยังคงสงวนเก็บรักษาเอาไว้ นั่นคือระบบเกมเพลย์ที่เน้นการวางแผนอย่างรอบคอบแล้วปฏิบัติที่เคยสร้างชื่อมาในภาคก่อน มากกว่าการปล่อยให้ผู้เล่นเดินหน้าวิ่งยิงสาดกระสุนเหมือนเกมแนวชูตติ้งตามท้องตลาด
ศัตรูที่ผู้เล่นต้องเผชิญหน้าในเกม นอกเหนือจากพวกซอมบี้ปกติทั่วไปแล้ว ยังมีมอนสเตอร์อัปลักษณ์ตัวใหญ่ที่เรียกกันว่า "Breeder" ซึ่งความสามารถพิเศษของมันคือการปล่อยหนอนปรสิตจำนวนมากออกมาเพื่อปลุกซากศพที่นอนอยู่ให้ฟื้นคืนชีพกลายเป็นซอมบี้ ส่งผลให้มันกลายเป็นเป้าหมายสำคัญอันดับต้นๆที่ผู้เล่นต้องจัดการ แต่วิธีจัดการกับมันต้องใช้ไฟเท่านั้น หากใช้กระสุนปืนยิงธรรมดาจะทำให้ตัวมันระเบิดส่งหนอนกระจายไปทั่ว และต้องมาเหนื่อยกับซอมบี้ฝูงใหม่
อีกหนึ่งฟีเจอร์ใหม่ที่ถูกเพิ่มเติมเข้ามา คือรูปแบบการบังคับที่เราสามารถเลือกได้ 2 แบบตามความถนัด โดยรูปแบบแรกจะเป็นการบังคับสไตล์เกมเทิร์นเบส ที่ผู้เล่นจำเป็นต้องเลือกกำหนดลำดับคิวแอ็คชั่นล่วงหน้าเพื่อให้ตัวละครปฏิบัติตาม ในขณะที่รูปแบบการบังคับที่สองจะเป็นแบบเรียลไทม์ ที่มีการบังคับเหมือนเกมแนวแอ็คชั่นเดินหน้ายิงทั่วไป
ในเกมเราสามารถเลือกหน่วยสมาชิกเข้าร่วมทีมจาก 6 คลาสที่มีให้เลือก ได้แก่ หน่วยแพทย์, หน่วยข่าวกรอง, หน่วยชำนาญด้านอาวุธ, ผู้นำทีม, หน่วยระเบิด และหน่วยสอดแนม ซึ่งแต่ละคลาสจะมีสายสกิลให้อัพเกรดและบทบาทหน้าที่ต่างกันไป อาทิ หน่วยสอดแนม ที่สามารถเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วเหมาะใช้เข้าไปสังเกตการณ์ เก็บศัตรูบางตัวที่พลัดหลงจากฝูงแล้วรีบกลับออกมา แต่ด้วยพลังโจมตีอันน้อยนิดจึงไม่เหมาะใช้ให้ไปรับมือศึกหนักๆ
ตัวแทนสตูดิโอ Mighty Rabbit เปิดเผยว่าจากเสียงตอบรับของผู้เล่นในช่วง Early Access นี้ จะถูกนำกลับมาวิเคราะห์พิจารณาเพื่อปรับปรุงและนำเสนอฟีเจอร์ใหม่ๆเข้ามาในอนาคต โดยสิ่งที่คิดไว้ภายในใจตอนนี้ ก็จะมีโหมดมัลติเพลย์เยอร์ และโหมดชาเลนจ์ รวมไปถึงอาจเพิ่มเนื้อเรื่องแคมเปญให้ยาวขึ้น ซึ่งตัวเกมที่ได้เห็นได้ทดลองกัน ณ ปัจจุบันอาจจะไม่เหมือนกับตัวเกมเวอร์ชันเต็มที่เตรียมวางจำหน่ายในวันที่ 20 มีนาคมนี้
ข้อมูลและภาพประกอบจาก
joystiq
steam
*ทีมงานผู้จัดการเกม เรียนเชิญผู้อ่านทุกท่านร่วมเป็นแฟนเพจ ManagerGame ทางเฟซบุ๊กเพื่อเพิ่มช่องทางการรับรู้ข่าวสารวงการเกมครับ*