ผู้บริหารไมโครซอฟต์ ออกโรงชี้แจงสาเหตุที่ทำให้โปรเจกต์เกมเปิดตัวคิเนกต์ที่สามารถโต้ตอบกับผู้เล่นได้เหมือนคนต้องถูกยุบไป เนื่องจากไอเดียของมันบรรเจิดเกินจนสร้างขึ้นมาจริงๆไม่ได้
"ฟิล สเปนเซอร์" (Phil Spencer) เอ็กบ็อกซ์เอ็กเซคิวทีฟจากบริษัทไมโครซอฟต์ โพสต์ข้อความลงทวิตเตอร์ระบุถึงตัวโปรเจกต์เดโมสาธิตการทำงานของเจ้าอุปกรณ์คิเนกต์ "Project Milo" หรือในอีกชื่อหนึ่ง "Milo & Kate" ที่ถูกประกาศยกเลิกไปเมื่อปี 2010 ว่ามันจะลาลับอย่างไม่มีวันกลับ
"ต้องขอโทษแฟนๆด้วย แต่ทางเราจะไม่มีการนำโปรเจกต์ M&K กลับมารีบูททำใหม่อย่างแน่นอน ผมคิดว่าไอเดียของมันเป็นอะไรที่น่าสนใจและเราได้เรียนรู้จินตนาการสร้างสรรค์จากมันมากมาย แต่ทว่าในความเป็นจริงเรากลับประสบปัญหาแสนยากลำบากในการที่จะนำไอเดียเหล่านั้นมาสร้างเป็นเกม" สเปนเซอร์ กล่าว
สำหรับโปรเจกต์ไมโลนั้น ถูกเผยโฉมออกสู่สายตาสาธารณชนครั้งแรกภายในงาน E3 2009 ซึ่งเป็นผลงานการสร้างสรรค์ของทีมผู้สร้างเกมเฟเบิลอย่างสตูดิโอไลอ้อนเฮด โดยทำมาเพื่อโฆษณาอวดศักยภาพของเจ้าตัวอุปกรณ์จับการเคลื่อนไหว "คิเนกต์" หรือชื่อโค้ดเนมเดิมที่ใช้เรียกกันในตอนนั้นว่า "โปรเจกต์นาทัล"
โดยในคลิปเดโมที่นำมาเปิดในตอนนั้น ได้โชว์ตัวละครเด็กชาย "ไมโล" ผู้ย้ายไปอเมริกาพร้อมกับพ่อแม่ แต่ดูเหมือนว่าเขาถูกปล่อยทิ้งให้อยู่ตัวคนเดียวจึงต้องหาเพื่อนเล่นด้วยซึ่งก็คือตัวผู้เล่นเอง โดยตัวเกมจะเปิดโอกาสให้เราสามารถสนทนาโต้ตอบกับไมโลได้ราวกับว่ากำลังคุยอยู่กับคนจริงๆ แถมยังสามารถสแกนสิ่งของลงสู่เกมไปถึงมือไมโลได้อย่างทันใจไร้รอยต่อ
แต่ความเป็นจริงแล้วทุกอย่างที่เห็นในคลิปมันคือการเซตฉากขึ้นมาและมีการคอยกำกับให้คนพูดคุยแสดงท่าทางให้ตรงจังหวะกับที่ตัวละครไมโลทำในเกม เนื่องจากตัวคิเนกต์ในปัจจุบันมันมีความสามารถที่จำกัดในการฟังคำสั่งเสียงของผู้เล่นและสั่งได้เฉพาะบางคำง่ายๆที่กำหนดเอาไว้เท่านั้น นอกจากนี้มันยังไม่สามารถจับการเคลื่อนไหวเล็กๆน้อยๆอย่างเช่นนิ้วมือของผู้เล่นได้
ข้อมูลจาก
gamespot
*ทีมงานผู้จัดการเกม เรียนเชิญผู้อ่านทุกท่านร่วมเป็นแฟนเพจ ManagerGame ทางเฟซบุ๊กเพื่อเพิ่มช่องทางการรับรู้ข่าวสารวงการเกมครับ*