xs
xsm
sm
md
lg

Review: Asphalt 8: Airborne (iOS, Android)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


แนวเกม เรซซิ่ง
ผู้ให้บริการ Gameloft
ระบบ iOS, Android

การกลับมาทวงบัลลังก์ของตระกูลเกมแข่งรถสไตล์อาร์เขตบนมือถือซึ่งมีประวัติอันยาวนานเกือบสิบปี ที่ได้มีการปรับปรุงขนานใหญ่ทั้งกราฟฟิก เกมเพลย์ และระบบฟิสิกส์ให้ดูสมจริงยิ่งกว่าเดิม

แม้ปัจจุบันเกมแนวเรซซิ่งจะมีออกมาให้เลือกเล่นมากมายบนมือถือทั้ง Real Racing 3 ที่เป็นแนวซิมูเลชั่นสมจริงจากค่ายอีเอ หรือว่าจะเป็นซีรีส์ "CSR Racing" ที่เน้นแข่งแดร็กวัดกันทางตรง แต่ถ้าพูดถึงเกมแข่งรถซิ่งความเร็วสูงสไตล์อาร์เขตแท้ๆคงต้องยกให้ซีรีส์เกมแข่งรถบนถนนยางมะตอยของค่ายเกมลอฟต์ ที่ยังคงรักษามาตรฐานระดับความมันส์เอาไว้ทุกภาคจนมาถึงภาคล่าสุดกับเกม "Asphalt 8: Airborne"

เมื่อเปิดเกมขึ้นมา ผู้เล่นจะได้พบกับหน้าต่างเมนูที่ถูกจัดวางใหม่ให้ดูหรูหราสวยงาม มีการแบ่งแยกโหมดการเล่นต่างๆออกเป็นช่องตารางสี่เหลี่ยมชัดเจนทั้ง Career, Quick Solo Race แข่งกับคอม และโหมดออนไลน์ แต่สำหรับแฟนขาประจำอาจจะดูงงๆเล็กน้อย เนื่องจากช่องโหมด Career ถูกออกแบบมาดูเล็กกระจิ๊ดริดติดขอบจอเมื่อเทียบกับโหมดอื่นๆ แถมยังมีโหมด Season ที่วางเบียดอยู่ด้านหน้า จึงทำให้หลายคนเข้าใจผิดคิดว่ามันคือโหมด Career แต่ความจริงแล้ว Season มันเป็นโหมดจบไวสำหรับพวกมีตังค์ที่ต้องการเล่นโหมด Career แบบก้าวกระโดดและไม่อยากเสียเวลานั่งเคลียร์ทุกอีเวนท์

เนื่องด้วยในภาคนี้ ทางทีมงานได้ยัดอีเวนท์เข้ามาเยอะมากนับรวมทั้งสิ้นกว่า 180 อีเวนท์ แบ่งออกเป็น 8 ซีซั่นไล่เรียงตามลำดับชื่อภาค โดยโหมดการแข่งก็มีทั้งแบบ Classic แข่งเอาที่หนึ่งจำนวน 2 รอบสนาม, Elimination แข่งกำจัดผู้รั้งท้าย, Versus แข่งดวลตัวต่อตัวกันเพียงสองคัน, Knockdown แข่งคว่ำรถคู่แข่ง และสองโหมดที่มาใหม่คือ Infected แข่งเอาตัวรอดหนีรถซอมบี้ติดเชื้อ กับ Drift Gate ที่จะมาทดสอบทักษะการควบคุมรถของผู้เล่นในการดริฟต์เข้าอุโมงค์

เกมเพลย์การบังคับควบคุมรถในภาคใหม่นี้ยังคงเหมือนเดิมทุกประการ ที่มาในสไตล์อาร์เขตไม่เน้นซิมูเลชั่นความสมจริงอะไรมากนัก สามารถเร่งความเร็วสูงสุดแล้วแตะเบรคดริฟต์งามๆเข้าโค้งหักศอกได้ทันที ไม่จำเป็นต้องพึ่งเรซซิ่งไลน์ หรือทักษะการเข้าโค้งมากนัก สามารถเลือกปรับปุ่มบังคับได้ 4 รูปแบบตามความถนัด แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปจนสังเกตได้คือเรื่องของฟิสิกส์ตัวรถที่ดูสมจริงขึ้น สามารถรู้สึกได้ถึงน้ำหนักและล้อรถที่สัมผัสกับพื้นถนน ไม่แข็งๆลอยๆเหมือนท่อนไม้อย่างภาคที่แล้ว ทำให้การขับยิ่งสนุกและมันส์ขึ้นกว่าเดิมมาก อีกทั้งยังได้มีการเพิ่มระบบเพอร์เฟคท์ไนโตร ให้เรากดใช้ไนโตรให้ตรงจังหวะแถบสีแดงที่ขึ้นมาเพื่อบูสต์ความเร็วสูงสุดโดยไม่ต้องรอให้เกจเต็มเหมือนภาคก่อนๆ

รูปแบบการเล่นของเกม จะเน้นเก็บสะสมดาวในแต่ละสนามเพื่อนำไปปลดล็อคซีซั่นใหม่ๆ ซึ่งระดับความยากในเกมจะขึ้นอยู่กับความแรงของรถที่เราใช้ขับ โดยในแต่ละอีเวนท์จะมีการกำหนดแรงค์ของรถที่เหมาะสม หากแรงค์ของรถเราต่ำกว่าเกณฑ์ นั่นหมายความว่ารถของเรามีความเร็วด้อยกว่ารถคู่แข่ง ซึ่งทำให้การแข่งยากลำบากต้องอาศัยเข้าทางลัดเนียนทุกโค้งถึงจะชนะ แต่ในทางกลับกันหากรถของเราแรงค์สูงกว่าเกณฑ์ ก็สามารถขับสบายชิวๆเอาชนะได้โดยไม่ต้องกดใช้ไนโตร

โดยค่าแรงค์ของรถนั้น เราสามารถเพิ่มได้ผ่านการอัพเกรดสมรรถนะทั้งเครื่องยนต์, เทอร์โบ, เบรค และไนโตร ซึ่งการอัพเกรดในแต่ละขั้นจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมาก และเงินที่ได้มาหลังจากจบการแข่งในแต่ละรอบก็น้อยนิดไม่พอใช้ ไหนจะต้องเจียดเงินส่วนหนึ่งเก็บไว้เพื่อซื้อรถคันใหม่ใช้แข่งในสนามต่อไป แถมตัวเกมยังบังคับให้ผู้เล่นซื้อรถทุกคันที่มีอยู่ในเกมหากต้องการเล่นจนจบ และรถแต่ละคันก็ไม่ใช่ถูกๆยิ่งรถแรงสุดของเกมอย่าง Koenigsegg Agera R ด้วยแล้ว หากจะใช้วิธีกลับไปเล่นสนามเก่าๆเพื่อปั๊มเงินต้องเสียเวลานั่งเล่นทั้งคืน 100 รอบเป็นอย่างต่ำ ซึ่งเป็นเหมือนการบีบผู้เล่นทางอ้อมให้ใช้เงินจริงซื้อเพื่อประหยัดเวลา

สำหรับสนามที่ถูกใช้แข่งในเกมมีทั้งสิ้น 9 สนาม ผสมกันระหว่างของใหม่กับของเก่า ซึ่งมีสภาพแวดล้อมและพื้นถนนที่ต่างกันไป อาทิ ทางฝุ่นในทะเลทรายเนวาด้า, พื้นหิมะในไอซ์แลนด์, ถนนใจกลางเมืองเวนิซ, ถนนเรียบชายหาดในเมืองท่าบาร์เซโลน่า, ท้องถนนยามค่ำคืนในกรุงโตเกียว รวมถึงสนามแข่งในโมนาโก โดยทุกสนามจะมีเส้นทางลับซ่อนอยู่มากมายให้เราได้ค้นหา และไม่ใช่ทางลัดสั้นๆเหมือนภาคก่อนแต่จะทำเป็นทางยาวๆจนเราไม่รู้เลยว่าเส้นทางที่เลือกมันลัดหรือมันอ้อมจนกว่าจะผ่านไปหลายกิโลเมตร แถมระหว่างทางยังมีเนินแรมพ์มากมายให้เราขับเหินทะยานฟ้าทำท่าสตันท์ควงตีลังกาหรือหมุน 360 องศาเพื่อเก็บไนตรัส สมดังชื่อภาค Airborne

ทางฝั่งรถยนต์ตัวเกมได้ลิขสิทธิ์อย่างเป็นทางการจากค่ายผู้ผลิตชั้นนำของโลกมาทั้งสิ้น 47 คัน (น้อยกว่าภาคที่แล้วที่มีถึง 80 คัน) แบ่งตามระดับความแรงออกเป็น 5 Tier ไล่ตั้งแต่คลาส D ไปจนถึงคลาส S โดยรถรุ่นใหม่ๆที่เพิ่งถูกบรรจุเข้ามาในภาคนี้ ก็มีอาทิ Lamborghini Veneno, Ferrari FXX และ Pagani Zonda R รวมไปถึงรถคอนเซปต์คาร์ในอนาคต Mercedes-Benz Silver Lightning ก็มีให้ได้ทดลองขับก่อนใครในเกมนี้ ส่วนรถ BMW นั้นกลับถูกตัดหายไปจากเกม และรถยี่ห้อ Porsche ก็ยังคงมาในสภาพโมดิฟายจากฝีมือบริษัท RUF เหมือนเดิมเนื่องจากติดลิขสิทธิ์อีเอ

ทางด้านกราฟฟิกในเกมภาคนี้ ถือว่าโดดเด่นเป็นที่สุด ด้วยเอนจิ้นตัวใหม่ที่ให้ภาพสวยงามราวกับยกเกมคอนโซลมาเล่นบนมือ อีกทั้งยังเก็บรายละเอียดการปะทะเบียดชนของรถได้อย่างครบถ้วน ยิ่งเวลาประสานงาจะเห็นเป็นเศษซากรถหลุดแตกออกมาเป็นชิ้นๆดูสะใจไม่ต่างไปจากซีรีส์เบิร์นเอาท์ แถมเปลี่ยนเอฟเฟกต์ใหม่เวลากดใช้ไนโตรสูงสุดจากเดิมที่เป็นสีฟ้าทั้งฉากกลายเป็นบูสต์สีฟ้าออกม่วงธรรมดาเพื่อความสมจริง นอกจากนี้เสียงรถทุกคันก็ได้ถูกอัดใหม่ทั้งหมด ส่วนดนตรีประกอบหลักก็ได้เพลงแนวร็อคและแนวอิเล็กทรอนิกส์จากวงดังๆอย่าง Bloc Party, Mutemath และ The Crystal Method

มาถึงส่วนสุดท้ายกับการเล่นออนไลน์ในโหมด "World Series" เกมภาคใหม่นี้สามารถรองรับการเล่นออนไลน์พร้อมกันสูงสุด 8 ผู้เล่นต่อหนึ่งแมตช์ และมีการจัดอันดับลีดเดอร์บอร์ดที่วัดจากคะแนนเรตติ้งของผู้เล่น ยิ่งแข่งชนะเยอะไม่หนีออกในระหว่างแมตช์ค่าเรตติ้งก็จะยิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่ทว่าข้อเสียในโหมดนี้คือระบบจะไม่มีการจับคู่ผู้เล่นตามเลเวลหรือค่าแรงค์ความแรงของรถ ซึ่งทำให้โหมดออนไลน์กลายเป็นนรกสำหรับมือใหม่เพิ่งหัดเล่น เพราะรถเริ่มต้นอย่าง Dodge Dart อาจต้องมาเจอห้องที่มีแต่ Koenigsegg

"แอสฟัลท์ 8" ถือเป็นการยกระดับซีรีส์ขึ้นไปอีกขั้น ด้วยเอนจิ้นใหม่ที่มาเพิ่มความสมจริงให้กับทั้งภาพและเกมเพลย์การขับ แม้ตัวเกมจะยังดูดเงินผู้เล่นจากการขายรถราคาแสนแพง เสียจนค่าดาวน์โหลด 30 บาทดูไม่ต่างอะไรจากการให้ฟรีก็ตาม

ข้อดี เกมเพลย์สุดมันส์สไตล์อาร์เขต, งามทั้งรถทั้งสนาม, รายละเอียดฟิสิกส์สมจริง, การชนที่สะใจ และโหมดการแข่งอันหลากหลาย
ข้อเสีย ใช้เวลานานเพื่อเก็บตังค์ซื้อรถ, ไม่มีระบบจับคู่ผู้เล่นในโหมดออนไลน์

ระดับความสนุก




ช่องทางดาวน์โหลด:
IOS App Store
Android Google Play

ค่าบริการดาวน์โหลด: 0.99 เหรียญ (ประมาณ 30 บาท) สำหรับ iOS และแอนดรอยด์





















กำลังโหลดความคิดเห็น