ระบบ PS3
ESRB M เหมาะกับที่ผู้ที่อายุ 17 ปีขึ้นไป
เคยมีผู้กล่าวว่าวงการวีดีโอเกมจะไม่มีวันเป็นงานศิลป์เหมือนภาพยนตร์ได้ ซึ่งอาจจะจริงเพราะในอดีตเทคโนโลยียังไม่สามารถสร้างเกมที่สมจริงได้ แต่วันนี้ด้วยความพยายามของโซนี่กับ Naughty Dog ผู้สร้างเกม Uncharted ได้พัฒนาวงการเกมให้ก้าวไปอีกขั้นใน The Last of Us
เพราะแค่เริ่มต้นมันก็แทบจะเป็นหนังดีๆสักเรื่องที่ทำให้เราอินไปกับเกม ทั้งงานด้านภาพที่สุดอลังการที่ก้าวกระโดดจาก Uncharted กราฟิกและการโมชั่นแคปเจอร์ ใบหน้ารวมทั้งการเคลื่อนไหวและให้เสียงพากย์ไปพร้อมๆกันเหมือนถ่ายหนังทำให้การแสดงในเกมนี้สมจริงมากจนเหมือนดูภาพยนตร์เรียกว่าแค่ฉากแรกก็ดราม่ากันแล้ว เช่นเดียวกับระบบเสียงที่นอกจากจะได้นักแสดงโมชั่นมืออาชีพมาให้เสียงแล้วยังมีเพลงธีมที่ล้วนเสริมสร้างบรรยากาศทั้งชวนสยองและสิ้นหวังได้อย่างดีแบบไม่มีที่ติ
เนื้อเรื่องในเกมแม้ดูภายนอกจะไม่ได้มีความสดใหม่ ดูคล้ายๆกับหนังซอมบี้ในโลกที่ล่มสลายไปหมดผู้คนอยู่ด้วยความหวาดกลัวที่ส่วนใหญ่โดนยึดครองด้วยเชื้อรานรกที่ทำให้คนกลายสภาพเป็นปีศาจร้ายที่น่ากลัวกว่าซอมบี้ ตัวเอก Joel ที่ต้องรับภารกิจพาสาวน้อย Ashley ออกจากเมืองไปสู่โลกภายนอก ความสุดยอดอยู่ที่บทที่เขียนมาอย่างดีน่าติดตามเรียกว่าคุณจะไม่มีอาการเบื่อเวลาชมคัทซีนคุณภาพสูงตรงกันข้ามผู้เล่นจะทั้งเอาใจช่วยและค่อยๆหลงรักตัวละครที่ถูกสร้างมาราวกับมันมีชีวิตจริงๆ
เกมเพลย์ที่ใครหวังว่ามันจะเป็นเกมแอ็คชั่นเหมือนกับ Uncharted ก็คงผิดหวังเพราะหัวใจหลักของมันเป็นแนวเอาตัวรอดและสายลับลอบเร้นที่ส่วนใหญ่ผู้เล่นจะต้องย่องเงียบมากกว่าแต่ไม่ใช่เพราะรูปแบบการเล่นบังคับแต่เป็นเพราะกระสุนปืน ยา และไอเท็มที่จำกัดเอามากๆ ไม่มีการดร็อปกระสุนกันพร่ำเพรื่อ ผู้เล่นต้องวางแผนการเล่นเพื่อจัดการกองทัพศัตรูที่นอกจากจะมีผู้ติดเชื้อที่กลายร่างที่บางตัวกัดเราทีเดียวก็ตายแล้วยังมีทั้งทหารและคนที่รอดชีวิตแต่ไม่ได้เป็นมิตรที่กลายเป็นกลุ่มโจรนอกกฎหมายดังนั้นการเล่นเกมนี้จะดูอึดอัดกดดันกันไปตลอดเกม
อีกทั้งตัวละครหลัก Joel ไม่ได้เก่งขั้นเทพ สกิลทุกอย่างจึงแทบจะเหมือนคนจริงๆขนาดใช้ยาเติมพลังยังต้องใช้เวลาในการรักษาตัว อาวุธระยะประชิดอย่างไม้หรือท่อนเหล็กก็ใช้ได้จำกัด ยังดีที่ตัวละคร A.I. อย่างสาวน้อย Ashley ที่มีความฉลาดมีทั้งช่วยหาไอเท็มและช่วยสู้เธอไม่ได้เป็นตัวถ่วงแต่ถ้าโดนเล่นงานเราก็ต้องรีบไปช่วยเพราะถ้า Ashley ตายเกมก็โอเวอร์ ส่วนตัวเอก Joel ก็มีความสามารถพิเศษในการ “ฟังเสียง” และบอกตำแหน่งของศัตรู ส่วนไอเท็มแม้จะมีน้อยนิดแต่หลายชนิดก็สามารถสร้างเองได้เช่น ยา,มีด หรือระเบิดแต่โดยรวมถือว่ายังน้อยมากอยู่ดี
และด้วยรูปแบบการเล่นแบบค่อยเป็นค่อยไปทำให้มันไม่ได้เป็นมิตรสำหรับคอเกมทุกคนใครไม่ชอบเกมย่องเงียบอาจไม่โดนใจนัก แต่ถ้านับความสนุกในรูปแบบเกมลอบเร้นแล้วเกมนี้ถือว่าสุดยอดเผลอๆจะสนุกกว่าเมทัลเกียบางภาคด้วยซ้ำ รวมทั้งเรายังอัพเกรดตัวละครอาวุธปืนได้จากการเก็บยา ไอเท็มหรืออะไหล่การอัพไม่ได้ยุ่งยาก เกมใส่ระบบที่เข้าใจง่ายมาก และมันก็ไม่ได้มีการเล่นแบบเกมสายลับแต่อย่างเดียว ยังได้ใส่เกมเพลย์แอ็คชั่นเสี่ยงตายฉากยิงคุ้มกัน หรือฉากที่เล่นกับความสยองที่มีทั้งการเล่นกับความมืดล้วนทำออกมาได้สมบูรณ์แบบและมีครบทุกรสจริงๆ
แน่นอนว่าเกมไม่ลืมใส่โหมดออนไลน์มัลติเพลย์เยอร์ เข้ามาและมันก็ยังสร้างความมันส์ได้ไม่แตกต่างจากเนื้อเรื่องหลักเพราะมันยังดึงเสน่ห์ของเกมแปลงมาเป็นเกมยิงออนไลน์ได้ ทั้งการเอาตัวรอดเป็นทีมให้นานที่สุดในเวลา 12 สัปดาห์และนับเวลาเป็น 1 แมตซ์เท่ากับ 1 วันในเกม โดยผู้เล่นจะเลือกได้ว่าจะเป็นพวก Hunters หรือ Fireflies ส่วนโหมดการเล่นแบ่งเป็น Supply Raid เป็นการแข่งกันยึดเสบียงในด่าน แต่ผู้เล่นจะมีแค่ 20 ชีวิตต่อทีมถ้าตายครบหมดก็จะไม่มีการเกิดใหม่แล้วและโหมด Survivors ที่แต่ละทีมต้องไล่ฆ่ากันจนเหลือคนสุดท้าย ส่วนระบบอาชีพที่มีมาให้เลือกใช้ 4 คลาสทั้งสายโจมตี ยิงไกล สนับสนุน และลอบเร้น ซึ่งล้วนจำเป็นต่อการเล่นทั้งสิ้น
แม้เกม The Last of Us อาจจะไม่ใช่เกมสำหรับทุกคน แต่พูดถึงความพยายามพัฒนา “วีดีโอเกม”ให้ก้าวกระโดดทั้งเกมเพลย์ที่สมจริงรวมทั้งผสานกับเนื้อเรื่องเป็นหนึ่งเดียวราวกับได้เล่นภาพยนตร์ และเรียกได้เต็มปากว่ามันคืองานศิลป์ในคราบของเกมที่หากใครได้ลิ้มลองแล้วยากที่จะหยุดเล่นได้
เกมการเล่น | 10 |
กราฟิก | 10 |
เสียง | 10 |
ภาพรวม | 10 |
ข้อดี : กราฟิกงามๆ เกมเพลย์สนุก เนื้อเรื่องเข้มข้น
ข้อเสีย : เกมเพลย์ที่ไม่ได้เหมาะสำหรับทุกคน
Darth.vader(วงศกร ปฐมชัยวัฒน์) ขอบคุณร้าน NADZPROJECT ที่เอื้อเฟื้อแผ่นเกมสำหรับรีวิว