ตัวแทนของไมโครซอฟท์ออกโรงปฏิเสธข้อเสนอปรองดองจากโมโตโรลาในกรณีพิพาทเรื่องสิทธิบัตรของกันและกัน ซึ่งอาจส่งผลกระทบร้ายแรงถึงขั้นห้ามขายเครื่องคอนโซล Xbox360 ในสหรัฐอเมริกา
ปัญหาดังกล่าวเริ่มต้นจากไมโครซอฟท์ที่อ้างว่าผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือระบบแอนดรอยด์หลายรายละเมิดสิทธิบัตร "ActiveSync" ของพวกเขา ซึ่งเป็นลูกเล่นการซิงก์ข้อมูลปฏิทินบนโทรศัพท์แอนดรอยด์ นำไปสู่การทำข้อตกลงยอมความระหว่างไมโครซอฟท์กับผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือส่วนใหญ่
อย่างไรก็ตาม ค่ายโมโตโรลาที่มียักษ์ใหญ่กูเกิลเป็นเจ้าของกลับเลือกที่จะฟ้องกลับทางไมโครซอฟท์ ระบุว่าเครื่องคอนโซล Xbox360 และระบบปฏิบัติการวินโดวส์ได้ละเมิดสิทธิบัตรของพวกเขา 5 รายการ อาทิเทคโนโลยีถอดรหัสวีดีโอและ Wi-Fi ภายในเครื่อง พร้อมเรียกร้องให้มีการจ่ายเงินค่าลิขสิทธิ์ชดเชย
เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ศาลในกรุงวอชิงตันได้ตัดสินว่าทางไมโครซอฟท์ทำการละเมิดสิทธิบัตรจริง โดยจะมีการตั้งคณะกรรมาธิการ 6 คนขึ้นมาพิจารณาในแต่ละหัวข้อและจะลงความเห็นสุดท้ายในวันที่ 18 พฤษภาคม แต่ก็ต้องรอข้อสรุปจริงไปถึงเดือนสิงหาคม ซึ่งในกรณีร้ายแรงสุด เครื่อง Xbox360 ที่ผลิตในโรงงาน Foxconn ประเทศจีนจะถูกห้ามนำเข้ามาขายในสหรัฐอเมริกา
ในระดับนานาชาติ ศาลของประเทศเยอรมนีก็ตัดสินว่าไมโครซอฟท์ละเมิดสิทธิบัตรโมโตโรลาเช่นกัน ส่งผลให้คอนโซล Xbox360 วินโดวส์ 7 อินเตอร์เน็ตเอ็กส์พลอเรอร์และวินโดวส์มีเดียเพลย์เยอร์ทั้งหมดถูกแบนในเยอรมนี แต่ทางไมโครซอฟท์ก็วางแผนจะยื่นอุทธรณ์ต่อ พร้อมขอคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้ผลิตภัณฑ์วางขายต่อไปได้
ล่าสุด ทางโมโตโรลาได้ยื่นข้อเสนอยอมความกับไมโครซอฟท์ โดยพวกเขาจะจ่ายค่าสิทธิบัตร 33 เซ็นท์ (ประมาณ 10 บาท) ต่อโทรศัพท์แอนดรอยด์ 1 เครื่องที่ขายได้ ขณะที่ไมโครซอฟท์ต้องจ่ายพวกเขา 2.25 เปอร์เซ็นท์จาก Xbox360 แต่ละเครื่องซึ่งยังไม่แน่ชัดว่าเป็นราคาหน้าร้านหรือราคาขายส่ง และอีก 50 เซ็นท์ (ประมาณ 15 บาท) จากระบบปฏิบัติการวินโดวส์ทุกๆชุดที่ขายได้ ซึ่งไมโครซอฟท์ปฏิเสธและกล่าวหาว่าเป็นตัวเลขที่สูงเกินมาตรฐานตลาดทั่วไป
ระหว่างที่ทั้งสองยังตกลงกันไม่ได้ คณะกรรมาธิการการค้านานาชาติได้มีข้อเสนอให้แบนสินค้าที่เป็นปัญหาของทั้งสองฝ่ายจนกว่าคดีจะยุติ โดยจะส่งเรื่องต่อไปยังทำเนียบขาวให้ตัดสินใจออกข้อสรุปสุดท้ายภายในเวลา 60 วัน
ข้อมูลและภาพประกอบจาก
IGN
