ระบบ Xbox360,PS3
เรตเกม ESRB M สำหรับผู้ที่อายุ 17 ปีขึ้นไป
หลังจากยุคเพลย์สเตชันเป็นต้นมา วีดีโอเกม ถูกนำไปผสมรวมกับ ภาพยนตร์มากขึ้น จนเหมือนเราได้ดูหนังไปเล่นเกมไป เช่นเกมอย่าง Metal Gear ที่คัทซีนแทบจะเยอะกว่าเกมเพลย์ จนเป็นแนวทางใหม่ที่เกมหลายเกมนำไปใช้ และล่าสุดอย่าง ASURA'S WRATH เกมเทพเกมใหม่จากญี่ปุ่น ที่นำไอเดียหนังผสมเกมไปสานต่อแบบจัดหนัก
โดยเกมเทพโกรธา ASURA'S WRATH เป็นเกมที่ดูภายนอกนึกว่าจะมาสู้กับเกมเทพอย่าง God Of War เพราะด้วยการที่อิงตำนานเทพของญี่ปุ่น เกมเพลย์ที่ดุเดือดเร้าใจ จนหลายคนอดจะคาดหวังว่านี่จะเป็นหนึ่งในเกมเทพแห่งปี ยิ่งสัมผัสแรกเกมทำได้ดีด้วยความยิ่งใหญ่อลังการงานสร้าง แต่เมื่อเล่นไปสักพัก ผู้เล่นจะอดคิดไม่ได้ว่า นี่มันหนังหรือเกมกันแน่ เพราะเกมเพลย์แทบจะเป็นเนื้อเดียวกับคัทซีนในเกม ที่เป็นเกมแอ็คชั่นมุมมองบุคคลที่ 3 ที่เน้นการต่อยตีเป็นหลัก
ซึ่งรูปแบบการเล่นก็เหมือนเกมแอ็คชั่นที่เน้นต่อยตีด้วยกำปั้นเป็นหลัก แต่ที่โดดเด่นคือ เกมเพลย์จะสลับกับคัทซีนไปตลอดทั้งเกม เหมือนเราได้นั่งดูหนังไปพร้อมกับการเล่นเกมไปอย่างต่อเนื่องกัน แม้อาจจะไม่ใช่รูปแบบใหม่อะไร แต่การที่จัดหนักแบบแทบจะเหมือนหนังมากกว่าเกม ทำให้มันโดดเด่น แต่จะว่าไปมันออกจะเหมือน ซีรีย์การ์ตูน มากกว่า เพราะมีการแบ่งเป็นตอนสั้นๆ มีการพักเบรก และก่อนจะเข้าตอนมีการบอกเนื้อเรื่องย่อล่วงหน้าเหมือนละคร ทำให้การเล่นดูจะแปลกใหม่ในการนำเสนอ
แถมกราฟิกในเกมก็สร้างสรรค์ด้วย Unreal Engine 3 รวมทั้งการออกแบบที่ดูดี เหมือนภาพวาดคล้ายกับเกม Street Fighter 4 และมีการวาดลายเส้นที่ไม่ว่าจะเป็นกล้ามเนื้อที่ทรงพลัง สมกับเป็นเกมแอ็คชั่น (แต่ระวังจะโดน “ใครบางคน” เบลอ นม เหมือน ตอนเบลอนมโกฮังใน ดราก้อนบอล) เกมมีการแทรกภาพ 2 มิติที่ไปในคัทซีน ซึ่งโดยรวมดูดี และยังคงเป็นเกมที่ดูก็รู้ว่ามาจากทีมงานญี่ปุ่นแน่ๆ ดนตรีประกอบเกมที่ผสมกับธีมเพลงบรรเลงที่อลังการ กับเพลงทำนองเอเชียได้อย่างลงตัวสุดๆ ยิ่งรวมกับการนำเสนอที่สดใหม่ทำให้สัมผัสแรกผู้เล่นจะต้องตื่นตากับเกมแน่
โดยตัวเกมเพลย์ที่หลักๆจะคล้ายกับเกมแนวแอ็คชั่นทั่วไป ที่จะแบ่งออกเป็นโจมตีระยะใกล้ และยิงลูกพลังรัวๆเป็นการโจมตีระยะไกล และมีท่าระเบิดพลัง และมีคอมโบให้กดกันพอหอมปากหอคอ ซึ่งถ้าเรียนรู้จะทำท่าคอมโบจะเล่นได้ลื่นไหลมาก โดยเกมเน้นการโจมตีศัตรูให้หมด ส่วนบอสในเกมจะไม่มีเกจพลัง แต่จะใช้การสะสมเกจพลังความโกรธให้ครบ แล้วใช้ท่าเผด็จศึกที่มีปุ่มให้กดแบบ ควิกไทม์อีเว้น แบบ God Of War แต่มันอาจจะขาดความท้าทายเพราะต่อให้กดพลาดเกมก็ยังดำเนินต่อไปได้ (แต่มันจะส่งผลกับคะแนนตอนผ่านด่าน) และนอกจากส่วนของฉากแอ็คชั่นแล้ว เกมยังได้ใส่ฉากที่เหมือนเกมยานยิง 3 มิติ ที่ตัวเอกจะบิน หรือเดินในฉาก และจะใช้การปล่อยพลังเพื่อโจมตี ในฉากที่เลื่อนไปเรื่อยๆ คล้ายกับเกมของ นินเทนโดอย่าง Sin and Punishment
ซึ่งโดยรวมแล้วเกมเพลย์ ของเกมเทพพิโรธ แรกสัมผัสเราจะทึ่งไปกับความตื่นตาของฉาก เกมเพลย์ที่ผสานกับ คัทซีน เป็นเนื้อเดียว การออกแบบตัวละครที่ดูดี ศัตรูยิ่งใหญ่อลังการงานสร้าง บอสบางตัวใหญ่ดาวทั้งดวง ทำให้เราสนุกไปกับมันได้ เพียงแต่พอเราเล่นไปสักพักจะพบว่ารูปแบบการเล่นซ้ำซาก ไม่มีอะไรให้ทำมากมายเหมือนเกมแอ็คชั่นยุคใหม่ ยังดีที่เรื่องในเกมเขียนได้น่าสนใจ น่าติดตาม ที่ว่าด้วยการทรยศหักหลัง การล้างแค้นของ เทพอสุรา การออกตามหาลูกสาวของตัวเอกที่ทำให้ผู้เล่นเอาใจช่วย และอยากรู้เรื่องราวในตอนต่อไป ทำให้เราอาจจะเล่นเกมนี้แบบรวดเดียวจบ แม้เกมเพลย์จะดูธรรมดาก็ตาม
แต่มันก็ทำให้การกลับมาเล่นอีกรอบของเกม มีแรงจูงใจน้อยลง นอกจากจะเลือกความยากให้มากขึ้นเพื่อเพิ่มความท้าทาย หรือปลดล็อก ของให้ครบ ซึ่งถ้าคุณหวังว่าจะเจอเกมเพลย์อะไรใหม่ๆจากเกม เทพขี้โมโห มันอาจจะไม่มีให้ค้นหา แต่ถ้าคุณชอบการนำเสนอเกมในแบบที่ผสมผสานกับ ภาพยนตร์ซีรีย์การ์ตูน ดีๆเรื่องหนึ่งที่คุณได้มีส่วนร่วมไปกับมันด้วยเกม ASURA'S WRATH ถือว่าเป็นหนึ่งในเกมที่มีรูปแบบการนำเสนอที่น่าสนใจ เสียดายถ้าเกมเพลย์มีความหลากหลายกว่านี้ มันอาจจะพอไปฟัดกับเกมเทพจากตะวันตกก็ได้
เกมการเล่น | 6.8 |
กราฟิก | 8 |
เสียง | 8 |
ความคิดสร้างสรรค์ | 8 |
ความคุ้มค่า | หนังคุ้มกว่าเกม |
ภาพรวม | 7 |
ข้อดี : เนื้อเรื่องน่าสนใจ , การนำเสนอที่ดี
ข้อเสีย : เกมเพลย์ซ้ำซาก, ไม่มีอะไรแปลกใหม่
ข้อแนะนำ : คิดว่าดูการ์ตูนซีรีย์สนุกๆก็พอเล่นได้
Darth.Vader (วงศกร ปฐมชัยวัฒน์)
สนับสนุน บทความโดย ร้านเกม NADZPROJECT