งานวีดีโอเกมอวอร์ด (VGA) ที่สหรัฐอเมริกา "ฮิเดโอะ โคจิมะ" นักสร้างเกมชื่อดังได้ขึ้นเวทีเปิดตัวเกม "Metal Gear Rising Revengeance" ผลงานเดิมที่เคยประกาศไว้แล้วในงาน E3 ปี 2009 นำมาปรับโฉมใหม่พร้อมเปลี่ยนมือผู้สร้าง
โคจิมะได้ปรากฏตัวคู่กับนักสร้างเกมชื่อดังอีกคนหนึ่งคือ "อัตสึชิ อินาบะ" แห่งสตูดิโอ "แพลทตินัมเกม" ซึ่งเคยมีผลงานอย่าง "บาโยเน็ตตา" กับ "แวนควิช" และจะมาเป็นผู้รับผิดชอบการพัฒนาเมตัลเกียร์ภาคนี้เฉพาะส่วนระบบการเล่น ส่วนเนื้อเรื่องและฉากมูวียังคงอยู่ในการควบคุมของโคจิมะตามเดิม
หลังการเปิดตัวใหม่บนเวที ข้อมูลเพิ่มเติมก็ถูกเผยมาทาง Podcast และทวิตเตอร์ของโคจิมะระบุว่าเดิมทีพวกเขาสร้างเกมนี้ขึ้นมาแบบไม่มีวิสัยทัศน์ของการเล่นที่ชัดเจน ใช้เพียงแนวคิด "ตัดผ่าได้ทุกสิ่ง" ที่นำไปแสดงในหนังตัวอย่างแรกที่งาน E3 เท่านั้น ผลที่ตามมาคือการพัฒนาไม่ราบรื่นจนแทบจะต้องล้มโครงการไปในจุดหนึ่งทั้งทีทำเนื้อเรื่องและโมชันแคปเจอร์ไปมากแล้ว จนในตอนนั้นเองที่ค่ายแพลทตินัมเกมเข้ามารับช่วงต่อ
เดิมที ตัวเกมถูกวางไว้ให้อยู่ในช่วงรอยต่อเหตุการณ์ระหว่างภาค 2 และ 4 แต่เมื่อทางค่ายแพลทตินัมเข้ามาก็ขอให้รื้อเขียนใหม่หมดไปอยู่หลังภาค 4 แทนเพื่อให้พวกเขามีอิสระมากขึ้นในการใส่สิ่งต่างๆเข้าไปในเกมรวมทั้งการนำตัวละครเก่าๆกลับมา ส่วนระบบการเล่นก็จะรักษาแนวคิด "ตัดผ่าได้ทุกสิ่ง" เอาไว้แต่จะไม่เหมือนเดิมทั้งหมด พร้อมระบุว่าตัวละครในเกมจะเป็นไซบอร์คเพื่อเลี่ยงปัญหาการจัดเรต
โคจิมะยังเผยอีกว่าในทีแรก "เมตัลเกียร์ไรซิ่ง" ถูกวางให้เป็นภาคแยกไม่ใช่ส่วนหนึ่งของซีรีย์หลัก เพื่อไม่ให้แฟนๆต่อต้านที่เขาเองไม่ใช่ผู้กำกับและฝากฝังให้ทีมงานรุ่นใหม่ทำแทน โดยตัวเกมเดิมใช้กราฟิกคล้ายเมตัลเกียร์ 4 มีวิธีบังคับซับซ้อนและแสดงผลที่ 30 เฟรมต่อวินาที แต่เมื่อย้ายไปสู่มือของแพลทตินัมเกมเขาก็ได้ฝากคำขอไปว่าให้สร้าง "ไรเดนที่เคลื่อนไหวอย่างแคล่วคล่องที่ 60 เฟรมต่อวินาที" ขึ้นมา
อย่างไรก็ตาม ตัวเกมยังไม่เปิดเผยรายชื่อผู้กำกับออกมา โดยโคจิมะกับอินาบะจะเป็นแค่ผู้อำนวยการสร้าง และก็ไม่ใช่ "ฮิเดกิ คามิยะ" ผู้สร้างบาโยเน็ตตา แต่จะมีการอัพเดตข้อมูลเพิ่มเติมในภายหลัง ส่วนเว็บอย่างเป็นทางการของเกมก็จะมีหนังตัวอย่างฉบับขยายให้ชมกันในวันอังคารนี้
นอกจากนี้ ระหว่างขึ้นเวทีโคจิมะยังออกอาการตื่นเต้นพูดภาษาอังกฤษผิดและชะงักไปหลายรอบจนแฟนๆต้องปรบมือให้กำลังใจ แต่หลังเลิกงานก็แอบไปแซวตัวเองในทวิตเตอร์ว่า "ผมทำพลาดครั้งใหญ่ ไม่มีหน้าจะกลับไปญี่ปุ่นแล้ว"
ข้อมูลจาก
Andriasang
Neogaf