xs
xsm
sm
md
lg

Review: Zelda Spirit Tracks รถไฟวิญญาณมาหานะเธอ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


                  ESRB: E10+ สำหรับผู้ที่มาอายุ 10 ปีขึ้นไป

ถ้าพูดถึงเกมที่ได้ฝึกสมอง ในด้านการจดจำ และช่างสังเกต เราอาจนึกถึงเกมอย่าง Brain Age แต่ความเป็นจริงแล้วสำหรับผู้เขียนเองที่เล่นเกมมานานกว่า 25 ปี เกมที่ทำให้สมองผู้เล่นได้ทำงานมากที่สุดกลับเป็นเกมแอ็คชัน อาร์พีจี อย่างเกมตระกูลเซลด้ามากกว่า

เกมในตระกูลเซลด้าเป็นเกมแนวแอ็คชัน อาร์พีจี โดยมีประวัติมายาวนานกว่า 20 ปี ที่มีจุดเด่นอยู่ที่การแก้ปริศนา หาทางผ่านในดันเจี้ยนสุดซับซ้อนมากกว่าการต่อสู้ และแม้รูปแบบการเล่นจะแทบไม่เปลี่ยนไป แต่ตัวเกมที่ซับซ้อนมากขึ้นตามกาลเวลาจนมีผู้กล่าวไว้ว่า 1 ดันเจี้ยนของเซลด้านั้นเทียบเท่ากับเกมอื่นได้ทั้งเกมเลย แต่การลงเครื่องเกมมือถือตั้งแต่สมัยเกมบอย ที่แม้จะถูกลดความยาวลง แต่ก็ยังคงซับซ้อนน่าเล่นมาจนถึงเครื่องเกม 2 หน้าจออย่าง DS ในภาค Phantom Hourglass เซลด้าก็ยังใช้ลูกเล่นของเครื่องวาดลวดลายให้สนุกอย่างเหลือเชื่อ

ล่าสุด "เซลด้า" กลับมาอีกครั้งบนเครื่อง DS ใน Zelda Spirit Tracks ซึ่งนับเป็นการกลับมาของการออกแบบตัวละครเป็นการ์ตูนแนวเซลเฉดที่น่ารักเหมือนภาค Phantom Hourglass และ Wind Waker ที่กราฟิกของเกมเป็นโพลิกอน 3 มิติ แต่ฉากส่วนใหญ่ในเกมจะนำเสนอด้วยมุมมองด้านบนที่ดูง่าย และเหมาะกับเครื่องเกมมือถือ และส่วนตัวคิดว่ามุมกล้องแบนี้เหมาะกับเกมเซลด้ามากกว่าแบบ 3 มิติเสียอีก แต่ก็มีส่วนที่น่าเสียดาย คือ กราฟิกไม่ได้พัฒนาไปจากภาคแรกเลยทั้งๆที่ผ่านมา 2 ปีกว่า ส่วนด้านดนตรีประกอบมีการแต่งใหม่ในกรอบของดนตรีเซลด้าดั้งเดิมที่ปรับให้เข้ากับธีมของเกมได้อย่างลงตัวมาก โดยที่เสียงประกอบของเกมยังคงความเป็นเซลด้าไว้ครบถ้วนรับประกันความคลาสสิกได้

โดยจุดเด่นของภาคนี้อยู่ที่พ่อลิงค์ตัวเอกสุดน่ารักของเราต้องรับบทเป็น “วิศวกร รถไฟ ฝึกหัด” ดังนั้นภาคนี้จึงเปลี่ยนจากการล่องเรือมาเป็นการขับรถไฟแทนทำให้การเดินทางไปยังที่ต่างๆทำได้ง่ายดาย เพราะเส้นทางถูกกำหนดด้วยรางรถไฟ โดยจะจอดได้เฉพาะที่มีสถานีรถไฟ โดยในตอนแรกเราจะไปได้ไม่กี่ที่ เพราะปีศาจได้ทำลายหอคอยวิญญาณที่เป็นพลังของรางรถไฟ เราจึงต้องตะลุยดันเจี้ยนจัดการบอสเพื่อค่อยๆต่อหอคอยทีละส่วน และเราต้องกลับไปหอคอยเพื่อเก็บ rail map เพื่อปลดล็อกฉากใหม่ๆ เราจึงต้องกลับมาหอคอยทุกครั้งที่ผ่านด่านเพราะจะมีชั้นใหม่ๆเพิ่ม โดยระหว่างเดินทางที่มีอุปสรรคทั้ง ศัตรูที่ต้องสู้ด้วยปืนใหญ่ มีพายุหิมะ หรือป่าเขาวงกต หรือหลุดโลกแบบดำน้ำบนรางรถไฟใต้ทะเล โดยมีการปรับแต่งรถไฟของเราได้เพื่อเพิ่มความสามารถ และยังมีภารกิจรับส่งคนหรือสิ่งของของไปยังที่ต่างๆ ด้วยเงื่อนไขที่แตกต่างกันอีกด้วย

ตัวเกมหลักๆใช้จอบนเป็นแผนที่ และใช้จอล่างเพื่อเล่น ส่งผลให้การควบคุมบังคับ ยังคงใช้ทัชสกรีนเป็นหลักในการเล่น ทั้งการบังคับที่ใช้สไตลัสจิ้มไปที่หน้าจอแล้วลากเพื่อบังคับลิงค์ไปยังทิศทางตามต้องการ ส่วนการใช้ดาบการฟัน-แทง ก็ใช้การตวัดปากกาไปที่หน้าจอ หรือท่าหมุนดาบก็ทำให้ตวัดเป็นรูปวงกลมไปที่หน้าจอ การใช้อาวุธพิเศษก็ทำให้ง่ายดาย เพียงแค่ลากเส้นเพื่อบังคับบูมเมอร์แรง หรือจิ้มสัมผัสเพื่อปาระเบิด และเรายังวาดหรือทำสัญลักษณ์ไปบนแผนที่เพื่อบันทึกสิ่งต่างๆได้ โดยรวมแล้วยังคงทำหน้าที่ได้เยี่ยมเหมือน Phantom Hourglass ไม่เปลี่ยนแปลง แต่สิ่งใหม่ของภาคนี้คือการเล่นร่วมกับเจ้าหญิงเซลด้า เพราะเนื้อเรื่องภาคนี้เจ้าหญิงถูกเอาร่างไป จึงเหลือแต่วิญญาณ เธอจึงสามารถเข้าสิงร่างของ Phantom Guardians ที่เป็นอมตะและเฝ้าอยู่ในหอคอยแห่งวิญญาณได้

ส่งผลให้ลิงค์ต้องใช้การร่วมมือแบบ Co-Op กับเจ้าหญิงในการแก้ปริศนาในหอคอย และด้วย Phantom ที่เจ้าหญิงสิงเป็นอมตะเวลาเล่นจึงได้ช่วยลิงค์ทั้งโจมตีและป้องกัน หรือให้ขี่หลังเพื่อข้ามลาวา ช่วยลุยหนามลุยไฟ รวมทั้งยังมีลอบเร้นเพื่อโจมตี หรือแทรกซึมเพื่อหาข่าวกับ Phantom ตัวอื่น และตัว Phantom เองก็มีหลายตัวที่มีความสามารถแตกต่างกันเพื่อแก้ปริศนาในแต่ละจุด เช่นดาบไฟเพื่อส่องในที่มืด หรือตัวที่สามารถแปลงร่างเป็นลูกบอลกลิ้งเพื่อเปิดทางได้ จึงต้องเลือกสิงร่างให้ถูกตัวถูกจังหวะ แต่เราจะไม่สามารถบังคับเจ้าหญิงโดยตรงได้ต้องใช้การจิ้มที่หน้าจอแล้วลากเส้นเพื่อกำหนดทาง หรือกดปุ่มเรียกเพื่อให้เดินตามได้

ส่วนดันเจี้ยนยังคงความซับซ้อน เพราะแม้จะลงเครื่องมือถือ แต่ความซับซ้อนของเกมนั้นไม่ได้เล็กตามขนาดเกมเลย บางจุดเรียกได้ว่าซับซ้อนซ่อนเงื่อนมาก แถมการบอกใบ้ยังเป็นคำที่เขียนไว้ตามป้ายก็บอกแบบต้องมีการตีความ ดีที่เกมออกมาเป็นภาษาอังกฤษ การแก้ปริศนาของเกมนี้จึงเหมือนได้ฝึกภาษาไปในตัว ส่วนบอสในเกมก็ทั้งอลังการงานสร้าง ส่วนวิธีจัดการกลับมองออกได้ไม่ยากนัก ยิ่งถ้าหากคุณเล่นเซลด้ามานาน จะพบว่ามีอะไรคุ้นๆเต็มไปหมด แต่มันยังคงมาตรฐานความสนุกไว้ด้วยเช่นกัน ดังนั้น แม้จะไม่มีอะไรใหม่แต่ก็ไม่มีอะไรน่าเบื่อเลยแม้แต่น้อย และนี่คือเกมแอ็คชันที่เคลือบไว้ด้วยเกมแนวแก้ปริศนาแบบพัซเซิลที่ซับซ้อนระดับเทพ

ภาคนี้ยังมีการใช้ “ดนตรี” เพื่อแก้ปริศนาเหมือนภาคก่อนๆ โดยภาคนี้เราจะได้ฟลุตแบบ(Pan flute) ที่เราได้เป่ามันด้วยลมของเราจริงๆผ่านไมโครโฟนของ DS ส่วนการเล่นก็ไม่ยากเพราะใช้โน้ตไม่กี่ตัวและแบ่งเป็นสีทำให้ดูง่าย โดยที่บทเพลงต่างๆมีประโยชน์แตกต่างกัน เช่น การค้นหาของที่ซ่อน ,เรียกนก หรือเติมพลังก็ยังได้ ตัวเกมใช้เวลาเล่นทั้งหมด 18-20ชม. ถือว่ายาวพอสมควรสำหรับเครื่องมือถือ นอกจากเนื้อเรื่องหลักยังมีเควสย่อยให้ทำอีกเพียบเหมือนเดิม ส่วนการเล่นกับเพื่อนผ่านระบบไวเลสกับเพื่อนได้ 4 คนเพื่อแย่ง Force Gems ก็ยังคงมี แต่ออนไลน์ไม่ได้ และยังมีการแลกเปลี่ยนของกับเพื่อนด้วย สรุปแล้วสำหรับภาค Spirit Tracks ยังคงมาตรฐาน เกม เซลด้า ไว้ครบถ้วนทั้งดันเจี้ยนที่ซับซ้อน บอสที่ท้าทาย นอกจากคุณจะสนุกแล้วปริศนาที่มีมาให้ขบคิดกันจนหัวแทบแตกแล้วยังกระตุ้นให้เซลสมองคุณทำงานไม่แพ้เกมฝึกสมองชั้นดีเลย เสียดายกราฟิกที่ไม่ได้พัฒนาขึ้น และบางส่วนในเกมอาจจะยากเกินกว่าที่เด็กๆจะเล่นได้ แต่ถ้าคุณเป็นแฟนเซลด้าต้องไม่พลาด หรือถ้าคุณชอบเกมที่ "สนุกในแบบที่ใช้สมองมากกว่าใช้กำลัง เกมนี้คือคำตอบ"

ข้อดี : ดันเจี้ยนสุดซับซ้อน เกมเพลย์สนุก
ข้อเสีย : กราฟิกแม้จะดูดีแต่ไม่พัฒนา
ข้อแนะนำ : จดบันทึกลงบนแผนที่ด้วยจะช่วยได้มาก

เกมการเล่น10
กราฟิก8.8
เสียง8.5
ความคิดสร้างสรร10
ความคุ้มค่าปริศนาสนุกท้าทาย
ภาพรวม9.5


รีวิว "Phantom Hourglass" เซลด้าภาคสัมผัส

Darth.Vader (วงศกร ปฐมชัยวัฒน์)
ติดตาม twitter ผู้เขียนได้ที่ http://twitter.com/darthdome
Next Review Final Fantasy XIII
สนับสนุน บทความโดย ร้านเกม 4 Player ชั้น 6 เซ็นทรัลปิ่นเกล้า
    (ใกล้โรงหนังชั้นบน โซนตู้เกม และคาราโอเกะ)
       โทร 02 -884-5545
 









กำลังโหลดความคิดเห็น