GfK หน่วยงานวิจัยบันทึกสถิติ รายงานข้อมูลระบุว่าวิดีโอเกม ทำยอดขายทั่วโลกในปี 2008 ได้ถึง 32,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่สามารถทำยอดขายได้แซงหน้าสื่อภาพยนตร์ตามบ้านในรูปแบบดีวีดีและบลูเรย์
ก่อนหน้านี้ NPD หน่วยงานที่บันทึกสถิติต่างๆในวงการเกม ออกมาเปิดเผยว่าในปี 2008 ยอดขายฮาร์ดแวร์ , ซอฟท์แวร์ และอุปกรณ์อื่นๆเกี่ยวกับเกมในอเมริกา มีรายได้ทำสถิติใหม่ที่ 21,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 19 เปอร์เซนต์จากปี 2007 ที่ทำรายได้ได้ 18,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
ยอดรายได้ 21,000 ล้านเหรียญสหรัฐในอเมริกา มีส่วนสำคัญที่ทำให้ยอดขายของวงการเกมสามารถแซงหน้าสื่อภาพยนตร์ตามบ้านในรูปแบบดีวีดีและบลูเรย์ได้เป็นครั้งแรก ข้อมูลตัวเลขจาก Media Control GfK International บริษัทวิจัยเปิดเผยข้อมูลผ่าน www.videobusiness.com ระบุว่า ในปี 2008 ยอดขายรวมสินค้าความบันเทิงภายในบ้านทั่วโลก(วิดีโอเกม และสื่อภาพยนตร์) เติบโตขึ้น 6 เปอร์เซนต์ มีรายได้ 61,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
จากตัวเลข 61,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นยอดจากวิดีโอเกมเสียส่วนใหญ่ โดยยอดขายจากวิดีโอเกมสามารถทำรายได้เป็น 53 เปอร์เซนต์จากทั้งหมด มีตัวเลขอยู่ที่ประมาณ 32,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนยอดขายภาพยนตร์ตามบ้านที่เป็นรูปแบบดีวีดีและบลูเรย์รวมกัน(ไม่รวมตลาดเช่า)มีรายได้ตกต่ำลง 6 เปอร์เซนต์ มีตัวเลขที่อยู่ 29,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
ข้อมูลจาก GfK เปิดเผยเพิ่มเติมเกี่ยวกับยอดขายที่น่าสนใจในส่วนของภาพยนตร์และวิดีโอเกม โดยภาพยนตร์ The Dark Knight ที่นำแสดงเป็นแบทแมนโดย คริสเตียน เบล ทำยอดขายดีวีดีได้ถึง 15 ล้านชุด ตามด้วย Mamma Mia ที่ทำยอดขายได้ 13 ล้านชุด
ทางด้านวิดีโอเกม ค่ายนินเทนโดเหมาเรียบในตารางชาร์ทซอฟต์แวร์ เกม "วี เพลย์" ที่ขายเป็นแพคเกจพร้อมกับ วี รีโมต ทำยอดขายได้ 5.28 ล้านชุด , มาริโอ คาร์ท วี ทำยอดขายได้ 5 ล้านชุด และ วี ฟิต ทำยอดขายได้ 4.53 ล้านชุด
ข้อมูลและภาพประกอบจาก
www.gamespot.com
www.joystiq.com
