xs
xsm
sm
md
lg

เรื่องเล่าจากเกม "Live A Live" เกมภาษาที่ถูกลืมเลือน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ก่อนอื่นขอสวัสดีปีใหม่แฟน หน้าเกมทุกๆท่าน ปีนี้อาจพบกับรีวิวเกมที่น้อยลงบ้าง ตามหน้าที่การงานทำให้มีเวลาน้อยลง แต่จะไม่ทิ้งไปแน่นอน และขอเริ่มประเดิมปีด้วยบทความพิเศษชื่อ “เรื่องเล่าจากเกม” ที่จะเป็นการ ขุดเกมเก่า หรือไม่เก่าก็ได้ แต่ต้องมีความสนุกน่าเล่น แต่ถูกลืมเลือน มาให้ผู้อ่านรุ่นใหม่ๆได้สัมผัสกัน และนอกจากนี้ยังนำเกร็ดความรู้ต่างๆจากเกม และเรื่องราวจากเกม มาเรียงร้อยให้ผู้อ่านได้ทราบสิ่งที่เกิดขึ้นในวงการเกมทั้งในอดีตและปัจจุบัน

เกมแรกที่จะแนะนำกัน ต้องย้อนกันไปในปี 1994 ซึ่งเป็นยุคที่เกม RPG ญี่ปุ่นครองเมือง และเป็นยุคทองของ ค่ายสแควร์ จนอาจเรียกได้ว่าในตอนนั้นทำเกม RPG อะไรออกมาก็ประสบความสำเร็จไปหมด และหนึ่งในนั้นคือ “Live A Live” หนึ่งในเกมดังที่ถูกลืมเลือน แต่จะว่ากันตรงๆสำหรับ Live A Live นั้นไม่ได้ถูกลืมสำหรับคอเกม เพราะถ้าเป็นเล่นเกมRPG ญี่ปุ่นมานานน่าจะรู้จัก แต่เกมนี้กลับถูกลืมโดยค่ายผู้ผลิตเกม สแควร์เอนิกซ์ (ในตอนที่สร้างยังเป็น สแควร์) ที่เกมนี้อย่าพูดถึงภาคต่อ หรือ รีเมก เลย แม้แต่ภาคภาษาอังกฤษก็ยังไม่มีจนต้องพึ่งพา แฟนๆแปลกันเอง ทั้งๆที่เกมนี้มีเสน่ห์ และความแปลกใหม่มากกว่าเกมในยุคนั้น และมีบางอย่างที่แม้แต่เกมในยุคนี้ก็ไม่สามารถทำได้เทียบเท่า

ด้วยจำนวนเนื้อเรื่องหลักที่มากถึง 7 เรื่องที่ค่ายเกมลงทุนจ้างนักเขียนการ์ตูนชื่อดังมาถึง 7 คน มาออกแบบตัวละครประจำเรื่อง โดยมีนักเขียนการ์ตูนที่ชาวไทยรู้จักกันดีอย่าง อาจารย์ โกโช อาโอยาม่า จากยอดนักสืบจิ๋วโคนัน หรือ Ryoji Minagawa ผู้วาด Spriggan และอีกมากมายหลายคน ที่แม้แต่เกมในปัจจุบันยังไม่มีใครกล้าลงทุนเท่าเกมนี้ ส่วนระบบเกมที่แม้พื้นฐานยังเป็นเกม RPG แบบพลัดกันตีหรือที่เรียกว่า เทิร์นเบส แต่ที่โดดเด่นคือเกมเกือบจะเป็นเรียลไทม์ RPG เพราะตัวละครในเกมมีการเคลื่อนไหวกันอยู่ตลอดเวลา เกมจะหยุดก็ต่อเมื่อเราเรียกคำสั่ง

ภาพในเกมยังเป็นกราฟิกแบบ ด็อทพิกเซล 2 มิติ ที่ฉากต่อสู้ถูกตีเป็นตารางเหมือนหมากรุก เพื่อให้เดินเพื่อไปโจมตีศัตรู และเพื่อกะจังหวะการใช้ท่าไม้ตาย หรือโจมตี ที่แต่ละท่าไม้ตายจะมีระยะตามบล็อกที่กำหนด โดยการกะระยะการโจมตี หรือการหาช่องทางเพื่อหลบหลีก ถือว่าสำคัญมาก เพราะเกมนี้ถือว่าเป็นเกมที่ศัตรูโจมตีแรง และมีท่าให้เรามึนชา หรือท่าติดพิษเยอะมาก แต่ถ้าเรารู้จักเลือกมุมโจมตีรวมทั้งหลบหลีกให้ถูก ก็จะผ่านไปได้ไม่ยาก และที่โดดเด่นก็คือ เนื้อเรื่องหลักทั้ง 7 ที่นอกจากจะมีความแตกต่างทางด้านยุคสมัย รูปด่านก็ยังมีความแตกต่างกัน

ใครจะคิดว่าเกมไฟท์ติ้ง แบบ Street Fighter จะผสมผสานกับเกมแนว RPG ได้อย่างลงตัวในเนื้อเรื่อง นักสู้ ที่ไม่มีแผนที่ ไม่มีเมืองไม่มีการใส่อาวุธ เพียงแค่เราเลือกคู่ต่อสู้ เหมือนในเกมไฟท์ติ้ง นอกจากนี้ตัวเอกเรื่องนี้ยังมีความสามารถของ ร็อคแมน คือการดูดท่าไม้ตายของศัตรูมาใช้ได้เมื่อโดนโจมตีท่านั้นๆ ดังนั้นการผ่านเนื้อเรื่องนี้เราต้องเลือกตัวละครที่จะสู้ก่อนและเลือกท่าไม้ตายที่ต้องใช้ให้ถูก

เนื้อเรื่องเป็นส่วนที่ถูกใจผู้เขียนมากที่สุดเพราะเรารู้เนื้อเรื่องทั้งหมดผ่านภาษากาย รวมทั้งรูปลักษณะต่างๆตามประสาคนยุคหิน ที่ทั้งฮา และเล่นรู้เรื่อง และอยากเชียร์ให้ นำเนื้อเรื่องนี้แยกออกมาเป็นเกมเดี่ยวๆเลยจะสนุกมากเพราะ เล่นได้ทุกชนชาติโดยไม่ต้องอ่าน แต่อย่างไรก็ตามเมนูการตั้งค่ายังคงต้องอ่านตามปกติโดยเนื้อเรื่องนี้ไอเท็มต่างๆจะได้จากการผสมของ ส่วนเนื้อเรื่อง นินจาที่วาดโดยโกโช อาโอยาม่า ก็มีความโดดเด่นที่ ด่านที่มีเพียงด่านเดียวคือการลอบโจมตีปราสาท ที่ทั้งกว้างและมีกลไกกับดัก ตามแบบฉบับ การ์ตูนนินจาลอบสังหาร

ส่วนยุค คาวบอย เราจะได้เล่นเป็น ซันเซ็ท คิด คาวบอยพูดน้อยต่อยหนัก โดยเนื้อเรื่องนี้จะเน้นการวางกับดักกลุ่มโจรที่จะมาถล่มหมู่บ้าน โดยการวางกับดักของเราจะส่งผลต่อจำนวนศัตรูตอนที่เราสู้กับบอสประจำเนื้อเรื่อง ส่วนเนื้อเรื่องจอมยุทธ์เมืองจีน ที่แม้จะดูเป็นเกมภาษาธรรมดามากที่สุด แต่ก็โดดเด่นที่เนื้อเรื่องการ ฝึกฝนวิทยายุทธ์ การต่อสู้เพื่อล้างแค้น แนวหนังจีนกังฟู ถัดมาที่เนื้อเรื่องของหุ่นยนต์ในโลกอนาคตที่ถอดแบบมาจากภาพยนตร์เรื่องเอเลี่ยน ที่แปลกคือ เราแทบไม่ได้สู้กับใครเลยนอกจากหนีสัตว์ประหลาด หาทางเอาตัวรอดพร้อมแก้ปริศนา โดยจะมีการต่อสู้เฉพาะมินิเกม กับบอสของด่านนี้เท่านั้น

สุดท้ายเนื้อเรื่อง มนุษย์พลังจิตมีพลังพิเศษอ่านใจได้ ที่เหมือน เป็นผสมผสานเอา การ์ตูนแนวหุ่นยักษ์ กับ ไอ้มดแดง มารวมกันได้อย่างลงตัว โดยตัวเกมจะมีแผนที่เดียวและมีขนาดไม่กว้าง ที่สำคัญมีศัตรูเดินอยู่ทั่ว และเมื่อผ่านเนื้อเรื่องหลักทั้งหมด จะมีเนื้อเรื่องที่ 8ในยุคกลางใช้ดาบและเวทมนต์ ที่มีจอมมาร มีเจ้าหญิงตามแบบเกมแนว RPG ดั้งเดิม แต่ตอนจบของเรื่องที่แสนเศร้า (แบบหักมุมนิดๆ) และทำให้เกิดเนื้อเรื่อง ที่ 9 ที่ต้องรวบรวมผู้กล้าจากแต่ละยุคที่ผู้เล่นสามารถเลือกได้ เพื่อปราบจอมมาร และมีฉากจบหลายแบบทั้งดีทั้งเศร้าให้ผู้เล่นได้เลือก

วกกลับมาดูในด้านกราฟิกที่แม้จะดูดี แต่เมื่อเทียบกับมาตรฐานของค่าย สแควร์ ในยุคนั้นถือว่าธรรมดา และมีบางเนื้อเรื่องที่ภาพดูด้อยกว่ามาตรฐาน แต่เกมก็ทดแทนด้วยดนตรีประกอบที่เยี่ยมยอด โดยเพลงประกอบที่แต่งโดย คุณ Yoko Shimomura ที่มีผลงานทำเพลงประกอบเกมดังๆหลายเกมเช่น Front Mission จนถึงร่วมแต่งเพลงในเกม Chrono trigger และตอนนี้เธอกำลังทำเพลงให้กับเกมดังอย่าง Final Fantasy Versus XIII อยู่ สำหรับเพลงประกอบ Live A Live เธอก็ประพันธ์ออกมาได้เยี่ยมมีเอกลักษณ์ความเป็นตัวเธอครบถ้วน โดยเพลงในแต่ละเนื้อเรื่องมีความแตกต่างและเข้ากับที่เนื้อเรื่องได้อย่างลงตัวโดยเฉพาะเพลง Forgotten Wings ที่สื่อความหมายของเรื่องที่ 8 ได้แสนเศร้า โดยคุณสามารถหาฟังแบบออเครสตร้าเต็มวงได้ในอัลบั้ม Drammatica - The Very Best of Yoko Shimomura ที่เพิ่งออกวางจำหน่ายได้ไม่นาน

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะต้องจ้างนักเขียนการ์ตูนมากถึง 7 คน หรือเพราะยอดขายที่ไม่เข้าเป้าหรือเปล่า ทำให้จนถึงในปัจจุบัน ไม่มีการเอ่ยถึงภาคต่อของเกมนี้ หรือแม้กระทั้งการ รีเมคลงเครื่องไหนเลย จึงเป็นที่น่าเสียดายว่าไอเดียดีๆ ทั้งรูปแบบการต่อสู้ที่รวดเร็วและเน้นที่แอ็คชั่นสูง การออกแบบตัวละครที่หลากหลายเนื้อเรื่องที่แหวกแนว(ในยุคนั้น)จะหายสาบสูญไป ก็ได้แต่หวังว่า ทาง สแควร์เอนิกซ์ จะมองเห็นเกมนี้ในกองประวัติศาสตร์เกมของตน และอย่างน้อยน่าจะ รีเมคแบบยกมาทั้งดุ้นลง NDS หรือขายผ่านระบบ ดาวน์โหลด ลงสักเครื่องก็ยังดี แฟนใหม่ๆจะได้สัมผัสตำนานผู้กล้าทั้ง 7 กันอีกครั้ง

Link เพลง Forgotten Wings

Darth.Vader (วงศกร ปฐมชัยวัฒน์)







กำลังโหลดความคิดเห็น