ผลการศึกษาล่าสุดที่ทำโดย Nielsen-IGA Worldwide ระบุว่าเกมเมอร์ส่วนมากคิดเป็นร้อยละ 82 พึงพอใจหากจะมีโฆษณาในเกม
เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา "โฮเวิร์ด สตริงเกอร์" ประธานและซีอีโอของโซนี่ได้ออกมาพูดระบุถึงความไม่แน่ใจว่าจะเข้ามาดำเนินธุรกิจโฆษณาในเกม เนื่องจากกลุ่มผู้เล่นอายุน้อยดูจะไม่ชื่นชอบเท่าไรนักหากมีโฆษณามาปรากฏในเกม ความคิดเห็นข้างต้นของสตริงเกอร์มีความคล้ายคลึงไปในทิศทางเดียวกับ "บ๊อบบี้ ค็อททิค" ซีอีโอของแอคติวิชั่น อย่างไรก็ตามในท้ายที่สุดทั้งโซนี่และแอคติวิชั่น ก็ได้ตกลงเซ็นสัญญากับบริษัทโฆษณาเพื่อทำโฆษณาไปใส่ในเกมของตัวเอง
การตัดสินใจเข้ามาสู่ธุรกิจโฆษณาในเกมของโซนี่ และ แอคติวิชั่น น่าจะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เนื่องจากมีผลการศึกษาล่าสุดออกมาสนับสนุนว่าโฆษณาในเกมไม่สร้างความรำคาญให้เกมเมอร์ และสินค้าที่โฆษณาในเกมก็มีทัศนคติที่ดีขึ้นต่อผู้เล่น
IGA Worldwide บริษัทผู้ผลิตโฆษณาในเกม ได้จ้างให้ทาง Nielsen Games ออกทำการศึกษาพฤติกรรมของเกมเมอร์ที่ต้องพบกับโฆษณาในเกม ภายใต้หัวข้อ "พฤติกรรมของผู้บริโภคต่อเนื้อหาและโฆษณาตราสินค้าในเกม" ซึ่งการศึกษาครั้งนี้พบว่า 82 เปอร์เซนต์ของผู้บริโภครู้สึกพอใจกับเกมที่มีโฆษณาเทียบเท่ากับเกมที่ไม่มีโฆษณา เท่านั้นยังไม่พอ หลังจากที่ผู้บริโภคได้ทดลองเล่นเกมที่มีการโฆษณาตราสินค้าแล้ว มีการเปิดเผยว่ามีทัศนคติที่ดีขึ้นต่อสินค้าที่โฆษณาในเกมประมาณ 61 เปอร์เซนต์
สำหรับกลุ่มตัวอย่างของการศึกษาครั้งนี้ใช้เกมเมอร์ผู้เล่นเกมพีซีมากกว่า 1,300 คน สำหรับเกมที่นำมาให้เล่นนั้นไม่ได้เปิดเผยออกมาแต่อย่างใด เพียงแต่ระบุว่าเป็นเกมจากค่ายอีเอ และ แอคติวิชั่น ส่วนสินค้าโฆษณาในเกมก็มีมาจากหลายแบรนด์ อาทิ Taco Bell, Jeep และ Wrigley
"เดฟ แอนเดอร์สัน" หัวหน้าอาวุโสฝ่ายพัฒนาธุรกิจของแอคติวิชั่น กล่าวว่า "จากการศึกษาครั้งนี้เป็นเรื่องพิสูจน์ได้อย่างดีว่าโฆษณาในเกมเข้ามามีอิทธิพลอย่างมากในสื่อดิจิตอล สิ่งสำคัญที่เราต้องรู้คือผู้บริโภคมีปฏิกิริยาอย่างไรกับโฆษณาในเกม ซึ่งการศึกษาครั้งนี้ก็ชัดเจนว่าผู้บริโภคส่วนมากพึงพอใจกับเกมที่มีโฆษณา ในฐานะที่เป็นผู้จำหน่ายเกม มันก็ทำให้มั่นใจมากขึ้นว่านักโฆษณา และ ผู้บริโภคจะได้มีผลประโยชน์ร่วมกันจากโฆษณาในเกม"
ข้อมูลและภาพประกอบจาก
www.gamespot.com
