แม้ว่าเครื่อง DS จะวางจำหน่ายมาแล้วหลายปี แต่ก็ไม่เคยประกาศลดราคาเหมือนที่เครื่องเกมอื่นทำกัน งานนี้ทำเอาคณะกรรมการการค้าของญี่ปุ่นเกิดข้อสงสัยขึ้น จนต้องไปสอบสวนหาความจริงว่าเกิดการฮั้วราคาจอแอลซีดีจากฮิตาชิ และ ชาร์ป หรือไม่
ย้อนกลับไปในเดือนมิถุนายน ปี 2006 "นินเทนโด" วางจำหน่ายเครื่องเกมพกพา "DS lite" สีขาวในอเมริกาด้วยราคา 129.99 เหรียญสหรัฐ จากวันนั้นจนถึงวันนี้เครื่อง DS lite มีสีใหม่ๆออกมาให้เกมเมอร์เลือกซื้อมากมาย แต่ราคาเครื่องก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะลดลงแต่อย่างใด งานนี้ทำเอาผู้บริโภคที่รอคอยซื้อเครื่องเกมในราคาที่ถูกลง เกิดความสงสัยว่าทำไมนินเทนโดถึงไม่ลดราคาเครื่องลงมาเสียที โดยหนึ่งในข้อสังเกตที่ผู้บริโภคคิดก็คือนินเทนโดยังไม่ตัดสินใจไม่ลดราคา อาจเป็นเพราะราคาต้นทุนในการผลิตยังไม่ลดลง
ล่าสุดข้อสังเกตดังกล่าวดูจะเป็นเรื่องขึ้นมาจนได้ เมื่อทางคณะกรรมการทางด้านการค้าของญี่ปุ่นได้เข้าบุกค้นและสอบสวน 2 บริษัทอิเล็คทรอนิคส์ชื่อดัง ที่พัฒนาจอแอลซีดี เพื่อไปใช้เป็นส่วนประกอบให้กับเครื่อง DS บริษัท ชาร์ป และ ฮิตาชิ ถูกคณะกรรมการการค้าของญี่ปุ่นเข้าตรวจค้นในบริษัท จากข้อสงสัยว่าทั้ง 2 บริษัททำการ "fixed prices" หรือฮั้วราคาของแอลซีดีที่นำไปใช้เป็นส่วนประกอบของเครื่องเกมพกพา DS ของนินเทนโด
ชาร์ป และ ฮิตาชิ เป็นเพียง 2 บริษัทที่พัฒนา แอลซีดีให้กับเครื่อง DS ทางด้านชาร์ปเข้ามาพัฒนาแอลซีดีให้กับเครื่อง DS ในยุคเริ่มแรกตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ปี 2004 หลังจากนั้นประมาณ 1 ปี ทางฮิตาชิ ก็เข้ามาเป็นบริษัทที่สองที่พัฒนาแอลซีดีให้กับเครื่อง DS ซึ่งทางคณะกรรมการคาดการณ์ว่าการฮั้วเริ่มเกิดขึ้นตอนที่ฮิตาชิเริ่มเข้ามาร่วมพัฒนาจอแอลซีดี
"Price fixing" คือการตกลงกันระหว่างคู่แข่งทางธุรกิจ เพื่อขายสินค้าหรือบริการตัวเดียวกันในราคาที่เท่ากัน ซึ่งมักจะทำให้ราคาสินค้าหรือบริการสูงขึ้นเพื่อให้ผลประโยชน์ตกกับทั้งคู่
ข้อมูลและภาพประกอบจาก
www.gamespot.com
news.yahoo.com