ตอนจบ มาริโอขาลง!!
เปิดโลก 3 มิติ
หลังจากถูกทอดทิ้งจากค่ายเกมต่างๆ ที่หนีไปทำเกมให้ค่ายคู่แข่งกันเกือบหมด “มาริโอ” ที่เปรียบเสมือนตัวแทนของ “นินเทนโด” จึงเหมือนถูกลอยแพให้โดดเดี่ยว ส่งผลทำให้เกม “ซูเปอร์ มาริโอ 64” เป็นที่คาดหวังไว้สูงกว่าเดิม เพราะเหมือนมาริโอต้องแบกเครื่องนินเทนโด64 ที่ออกในปี 1996 และยังเป็นครั้งแรกที่มาริโอโดดเข้าสู่โลก 3 มิติ ทำให้แฟนๆต้องจับตามองการมาครั้งนี้ มากกว่าเดิม ว่าเกมจะออกมาสนุกเหมือนสมัย 2 มิติหรือไม่
แล้วมาริโอ 64 ก็ไม่ทำให้แฟนๆผิดหวัง ด้วยการยอมละทิ้งอะไรเดิมๆ เพื่อก้าวสู่สิ่งใหม่ๆ ในเมื่อมาริโอมี “หน่วยพลัง” แทนการเก็บเห็ด หรือมาริโอสามารถทั้งเตะหรือต่อยได้ เพราะเมื่อเป็นโลก 3 มิติ ตัวเกมจึงต้องปรับให้เหมาะสมกับเกม รวมทั้งการกระโดดของมาริโอนั้น เมื่อเป็นโลก 3 มิติได้ถูกพัฒนาให้ลื่นไหลขึ้น ยิ่งได้เล่นกับคอนโทลเลอร์รูปสามง่ามพร้อมแกนแอนนาล็อก ยิ่งทำให้ มาริโอของเราแทบจะกลายเป็น “นินจา” ที่ทั้งคล่องแคล่วว่องไว และเป็นการควบคุมที่ล้ำหน้ากว่าเกมในยุคนั้นมาก
อีกทั้งการทำรูปแบบของเกมที่เปลี่ยนมาเป็นการรวบรวมและค้นหาดวงดาวเพื่อเปิดทางไปยังห้องต่างๆในปราสาท โดยดวงดาวยังมีมากมายถึง 120 ดวง แต่มีด่านให้เล่นไม่ถึงจำนวนดาวนั้นหมายถึงการที่จะต้องเข้าด่านซ้ำเพื่อค้นหาดาวที่มีซ่อนอยู่ในแต่ละด่าน ฟังดูเผินๆเหมือนจะดูซ้ำซาก แต่นินเทนโดทำออกมาได้สนุกอย่างไม่น่าเชื่อ จนหลายคนยกนิ้วให้เป็นเกม 3 มิติที่ดีที่สุดเกมหนึ่ง แม้จะมีเสียงบ่นเรื่องความยากของตัวเกมที่ต้องใช้การปรับตัวในการเล่นเพื่อให้ชินกับตัวเกมที่ต้องเปลี่ยนมุมกล้องกันแทบจะตลอดเวลาทำให้เด็กสมัยนั้นที่เพิ่งสัมผัสเกม 3 มิติต้องมึนกันไปบ้าง
สรุปแล้วสำหรับมาริโอ 64 ที่แม้มาริโอจะถูกโดดเดี่ยว และการที่ไม่ทำเกมให้ไปตามกระแสในยุคนั้นที่มีค่านิยมว่า “เกมที่ดีต้องมีมูฟวี่เยอะๆ” แต่ซูเปอร์มาริโอ 64 สามารถใช้เกมเพลย์ล้วนๆเอาชนะไปด้วยยอดขายกว่า 11 ล้านก๊อปปี้
งานปาร์ตี้ของมาริโอ
ท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็นในเดือนธันวาคม ปี 1998 มาริโอได้คลอดซีรีส์ที่เหมาะสมกับช่วงเทศกาลวันหยุดยาวที่ผู้คนนิยมหลบความหนาวเหน็บจัดงานปาร์ตี้กันอยู่ในบ้าน ดังนั้นการมาของ “มาริโอ ปาร์ตี้” จึงเหมือนมาเติมเต็มความสนุกให้กับงานปาร์ตี้ได้เป็นอย่างดี ด้วยรูปแบบการเล่นแบบ “บอรด์เกม” ที่มีมินิเกมมากมายให้เล่นกัน อีกทั้งตัวเกมที่ออกแบบมาเพื่อให้เล่นได้ถึง 4 คน (ภาคหลังๆเล่นได้ถึง 8 คน) จึงเป็นเกมที่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่งที่จะมีไว้สร้างความสนุกในงานปาร์ตี้ จริงอยู่ที่เกมนี้จะดูธรรมดามากถ้าคุณเล่นคนเดียว แต่ชื่อมันก็บอกอยู่แล้วว่า “ปาร์ตี้” เกมนี้จะสนุกมันและฮาก็ต่อเมื่อมีคนเล่นเป็นหมู่คณะเท่านั้น
ถึงแม้ว่าตัวเกมจะไม่ได้พัฒนาโดยนินเทนโด (เกมพัฒนาโดยค่ายฮัดสัน) แต่เกมก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจนออกภาคต่อมากันทุกปี รวมทั้งหมดถึง 10 ภาคและออกเป็นเกมตู้อีก 1 ภาค(พัฒนาโดยแคปคอม) และปลายปีนี้ปาร์ตี้จะเริ่มอีกครั้งบนเครื่อง DS กับ “มาริโอปาร์ตี้ DSW ที่นับเป็นครั้งแรกที่ซีรีส์นี้สามารถ “ออนไลน์” ได้
ร้อนนักขอพักร้อน
ในปี 2002 หลังจากห่างหายไปนานถึง 6 ปี(สำหรับภาคหลัก) และพลาดการเปิดตัวของเครื่อง “เกมคิวบ์” มาริโอกลับมาอีกครั้งพร้อมกับ “ผิวสีแทนและท้องฟ้าสีคราม” พร้อมกับบรรยากาศท้องทะเลที่สวยงามใน “ซูเปอร์ มาริโอ ซันไชน์” ที่มีฉากหลังเป็นเกาะ Isle Delfino เหมือนรีสอร์ทสุดหรูที่มีทั้งสวนน้ำและชายหาดงามๆ คราวนี้ลุงหนวดของเรามาพร้อมกับอาวุธใหม่ที่ฉีดน้ำพลังสูง “FLUDD” (Flash Liquidizer Ultra Dousing Device) ที่ต้องคอยตามล้างตามเช็ดทั่วทั้งเกาะที่ถูกทำให้เลอะด้วย “ชาโดว์ มาริโอ” พร้อมทั้งแอ็กชันใหม่ๆที่เพิ่มขึ้นมาจากการใช้ที่ฉีดน้ำทั้งการลอยตัว ,พุ่งตัว รวมทั้งการกระโดดของมาริโอที่อัปเกรดจาก มาริโอ 64 จนมาริโอเหมือนสำเร็จวิชาตัวเบา ทำให้การควบคุมไหลลื่นกว่าเดิมมาก
รูปแบบของเกมยังคงใช้รูปแบบเดิม โดยเปลี่ยนจากการเก็บดาวเป็นเก็บ “ไชน์” เพื่อเปิดทางไปสู่ด่านใหม่ๆ โดยเสริมให้มีเนื้อเรื่องมากขึ้น อีกทั้งการกลับมาของ “โยชิ” มังกรน้อยจอมตะกละ ที่กลับมาคราวนี้ดูเหมือนจะชอบกินผลไม้เป็นพิเศษ ส่วนที่โดดเด่นเป็นพิเศษคือกราฟิกในเกม สามารถจำลองบรรยากาศทะเลได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะการสร้าง “ภาพน้ำ” ที่ทำได้สวยที่สุด อีกทั้งสีสันที่สวยสดใสของตัวเกม หรือแสงแดดที่สาดส่อง จนเวลาเล่นเกมนี้เหมือนเราได้ไปท่องทะเล หรือไปเที่ยวสวนน้ำจริงๆที่แม้แต่เกมในตอนนี้ก็ไม่สามารถทำได้เทียบเท่า
แต่ถึงแม้จะมีข้อดีมากมาย แต่เกมก็มีข้อเสีย นั้นคือ “มุมกล้อง” ที่ผู้เล่นต้องปรับเปลี่ยนกันมากกว่าสมัยภาค N64 หลายเท่าส่งผลให้เกมมีความยากอยู่ในระดับสูง และต้องใช้การปรับตัวเพื่อให้ชินกับตัวเกมก่อน ถึงจะพบความสนุกที่แท้จริงของเกม บวกกับเกมในยุคนั้นที่เน้นความสมจริงและรุนแรง ทำให้เหล่าบรรดาฮาร์ดคอร์เกมเมอร์ต่างส่ายหน้าหนีมาริโอ ส่วนเด็กๆก็บ่นว่ามันยากเกินที่พวกเขาจะเล่นกันได้ แต่อย่างไรก็ตามที่แม้ว่าความนิยมจะลดลง “ซูเปอร์ มาริโอ ซันไชน์” ก็ยังทำยอดขายไปได้กว่า 5.5 ล้านก๊อปปี้
เป็นที่น่าเสียดายที่มาริโอไม่สามารถฉุดเครื่องนินเทนโด 64 กับเกมคิวบ์ให้เป็นเจ้าวงการเกมได้ โดยเฉพาะการมาของ “ไมโครซอฟท์” ที่ส่งผลให้ยอดรวมของเครื่องคอนโซลทั่วโลกของนินเทนโดตกลงไปอยู่ที่ 3 จนมีคนเคยดูถูกว่าเครื่องเกมตัวต่อไปของนินเทนโดจะเป็นเครื่องคอนโซลตัวสุดท้าย และมาริโอจะต้องตามเจ้าเม่นน้อย “โซนิค” ที่ต้องไปโผล่บนเครื่องเกมของค่ายอื่นแทน
สูงสุดคืนสู่สามัญ
ต่อมาในปี 2006 หลังจากนินเทนโดกลับมาประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลายกับเครื่อง “นินเทนโด ดีเอส” (DS) ทำให้สถานการณ์เกมของนินเทนโดเป็นที่น่าสนใจอีกครั้ง โดยเฉพาะการมาของ "นิว ซูเปอร์ มาริโอ" ที่กลับคืนสู่สามัญในรูปแบบดั้งเดิมของมาริโอ ด้วยรูปแบบ 2 มิติ และระบบเกมหลักๆที่ถอดมาจาก “มาริโอ 1” ยำรวมกับระบบอีกหลายภาค ทั้งระบบแผนที่ของภาค 3 และการกระโดดของภาค 3 มิติที่นำมาผสมผสานกับเกม 2 มิติได้อย่างลงตัว
แถมด้วยตัวเกมที่ถูกปรับมาให้ง่ายลง เพื่อเปิดรับเหล่าเกมเมอร์หน้าใหม่ที่ยังไม่เคยได้สัมผัสมาริโอทำให้เกมเข้าถึงผู้คนได้มากกว่า ส่วนคนที่เป็นฮาร์ดคอร์เกมเมอร์ก็ไม่ผิดหวังเพราะตัวเกมมีอะไรให้ค้นหามากมาย ส่งผลให้ยอดขายเกมถล่มทลายไปมากกว่า 10.5 ล้านก๊อปปี้ โดยเฉพาะในญี่ปุ่นที่แม้กระทั้งตอนนี้ นิว ซูเปอร์ มาริโอ ยังคงติด 1 ใน 20 เกมติดอันดับขายดี ทั้งๆที่เกมวางขายมากว่า 1 ปีแล้วก็ตาม การกลับมาครั้งนี้เป็นการลบคำสบประมาทที่ว่าหมดยุคของมาริโอไปแล้วโดยสิ้นเชิง
ยินดีต้อนรับสู่ “แกแล็กซี่”
ในปีนี้มาริโอสร้างความแปลกใจให้กลับแฟนๆด้วยการพาไปผจญภัยกันถึงนอกโลกใน “ซูเปอร์มาริโอ แกแล็กซี่” และด้วยการควบคุมบังคับแบบใหม่ที่จะทำให้คุณสัมผัสความรู้สึกแปลกใหม่ในการเล่นเกม ผสานกับความสามารถของเครื่อง “นินเทนโด วี” (Wii)ที่คาดว่าจะใช้กันอย่างเต็มที่แน่นอน ที่สำคัญการท่องไปยังดวงดาวต่างๆทำให้เกิดความหลากหลายในตัวเกมมาก พร้อมทั้งการกลับมาของ “ร่างแปลง” หรือที่เรียกอีกอย่างว่า“ชุดของมาริโอ” ที่ภาคนี้มีมาให้เทียบเท่ากับ มาริโอ 3 เลยทีเดียว
แต่ที่จะมองข้ามไม่ได้ คงไม่ใช่เพียงแค่ตัวเกม เพราะมาริโอ 64 และมาริโอ ซันไชน์ ที่แม้ตัวเกมจะสนุก แต่ถ้าเครื่องเกมไม่เป็นที่นิยมก็ยากที่ตัวเกมจะประสบความสำเร็จ แต่สำหรับเครื่อง Next Gen ยอดขายอันดับ 1 อย่างเครื่อง Wii รับประกันได้ว่า การเดินทางสู่อวกาศครั้งนี้ต้องกระหึ่มกว่าภาคก่อนๆแน่นอน ยิ่งถ้าใครได้ชมวิดีโอตัวอย่างพร้อมรูปแบบการเล่นแล้ว คงสัมผัสถึงความยิ่งใหญ่ของตัวเกมจนแทบอดใจรอเล่นไม่ไหว
สุดท้ายแล้วการผจญภัยอวกาศครั้งนี้จะสนุกสมกับที่รอคอยหรือไม่ คงต้องรอพิสูจน์ใน วันที่ 1 พ.ย. สำหรับเวอร์ชันญี่ปุ่น และวันที่ 12 พ.ย.ในเวอร์ชันอเมริกา และสำหรับบทความเปิดตำนานซูเปอร์มาริโอ คงต้องจบแต่เพียงเท่านี้ แต่การเดินทางของมาริโอยังไม่สิ้นสุด และพบกันต่อกับบทความรีวิวเกม “ซูเปอร์มาริโอ แกแล็กซี่” ได้ในเร็ววันนี้แน่นอน
By...วงศกร ปฐมชัยวัฒน์ ( Darth.vader )
เปิดตำนาน "ซูเปอร์มาริโอ" จากท่อประปาสู่ห้วงอวกาศ
เปิดตำนาน"ซูเปอร์มาริโอ"จากท่อประปาสู่ห้วงอวกาศ ตอน2