แน่นอนว่าเกมแรกของเครื่อง “เพลย์สเตชัน3”(PS3)ที่ทีมงาน “ผู้จัดการเกม”จะนำเสนอก็คงไม่ใช่เกมธรรมดาบ้านๆทั่วไป เนื่องจากเกมนี้มาพร้อมกับกล้อง “เพลย์สเตชัน อาย” หรือ “อายทอย” รุ่นใหม่ล่าสุดที่สามารถจับบาร์โคดของ“เกมการ์ด”และปลุกเหล่ามอนสเตอร์ให้โผล่มาเป็นตัว 3มิติเพื่อมาต่อสู้กันในเกม“ดิ อาย ออฟ จัดจ์เมนต์” (The Eye of Judgment) นับว่าสร้างความแปลกใหม่ให้กับวงการเกมในช่วงนี้เลยทีเดียว
ภายในชุดเกม “ดิ อาย ออฟ จัดจ์เมนต์” ประกอบไปด้วย กล้อง“เพลย์สเตชัน อาย” (Playstation Eye)ที่มีไมโครโฟนในตัวด้านบน,ขาตั้งกล้องแบบถอดประกอบได้,ผ้ารองการ์ด (Play mat)เป็นตารางแบบ 3X3 หรือจำนวน 9 ช่อง,การ์ด 30 ใบในกล่อง Starter Pack,ฟังก์ชัน การ์ด 4 ใบ แยกเป็น Action-Status-Turn End-Cancel,การ์ด 8 ใบในซอง Booster Pack แบ่งเป็น ธรรมดา 5 ใบ ไม่ธรรมดา 2 ใบ และหายาก 1 ใบ รวมไปถึงตัวแผ่นซอฟต์แวร์เกม 1 ชุด
หลักในการเล่นเกมนี้ หลังจากประกอบชิ้นส่วนต่างๆและปูผ้าสนามการแข่งขันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ให้เราทำการเลือกจุดตั้งกล้องว่าจะวางไว้ตรงตำแหน่งใดเพื่อความสะดวกของผู้เล่นและบันทึกข้อมูลลงไปก่อนเล่นทุกครั้ง
ก่อนอื่นเราต้องศึกษาเรื่องของการ์ดเสียก่อนว่าค่าต่างๆและสัญลักษณ์บนการ์ดเอาไว้ใช้ทำอะไร การ์ดจะแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ “Creature” และ “Spell” อย่างแรกก็คือ “ชื่อการ์ด“ ที่อยู่ตอนบนเหนือรูปภาพตัวละคร ต่อมาเป็น แถบบาร์โคดของการ์ดจะอยู่ด้านบนและด้านล่างของการ์ด (ห้ามขีดเขียนอะไรทับลงไปเด็ดขาด),สัญลักษณ์ธาตุของการ์ดแต่ละใบจะอยู่ในส่วนรูปภาพด้านบนขวา และต่ำลงมาจากทางขวาจะเห็นสัญลักษณ์บอกค่าความหายาก
ย้ายไปทางซ้ายมือกันบ้าง ในช่องวงกลมใหญ่สุดจะเป็นค่าในการร่ายเวทย์ปลุกมอนสเตอร์ ขณะที่วงกลมเล็กๆติดกันจะเป็นค่ามานา Activation (บางครั้งหากมีโซ่ล่ามอยู่ แสดงว่ามันมีเงื่อนไขบางประการ) ,ถัดลงมาในรูปแคปซูลสีแดงพร้อมหัวใจจะแสดงค่า HP (พลังชีวิต),ส่วนรูปดาบจะเป็นค่าการโจมตี และการ์ดบางใบจะแสดงข้อจำกัดในกองอีกด้วย (รูปไพ่เรียงกัน)
ข้อความใต้ภาพจะบ่งบอกว่าการ์ดแต่ละใบช่วยเราทำอะไรและจะได้รับผลอย่างไร จากนั้นจะมีสัญลักษณ์เป็นรูปตาราง 9 ช่อง 2 อันคู่กัน โดยตารางทางซ้ายจะบอกตำแหน่งทิศทางการโจมตี ส่วนตารางขวาจะบอกถึงตำแหน่งตอนตั้งรับเพื่อโต้กลับ หรือ Counter Attack
เท่านั้นยังไม่เพียงพอสำหรับการเล่นเกมนี้ เพราะด้วยการที่การ์ดแต่ละใบจะมีเรื่อง “ธาตุ” เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย มันจึงโยงไปสัมพันธ์กับตาราง 9 ช่อง ซึ่งเมื่อเรากดปุ่ม L1 บนจอย มันจะบอกว่าตำแหน่งช่องนั้นๆมีธาตุอะไรเป็นหลัก และมีธาตุอะไรเป็นรองในการโต้กลับ ตรงจุดนี้เองทำให้เกมเข้มข้นขึ้น
ความสัมพันธ์ของธาตุต่างๆนั้น “ธาตุไฟ” (Fire) จะไม่ถูกกับ “ธาตุน้ำ” (Water) และ “ธาตุดิน”(Earth) จะไม่ถูกกับ“ธาตุไม้”(Wood) ขณะที่ธาตุไฟจะเป็นมิตรกับธาตุดิน และธาตุน้ำก็จะเป็นมิตรกับธาตุไม้ นอกจากนี้ยังมี “Biolith” อยู่ระหว่างกึ่งกลาง
ด้านวิธีการเล่นนั้น (เท่าที่ทราบมาเบื้องต้น) หากเล่นกับเพื่อน 2 คน ให้เราแบ่งไพ่ออกเป็น 2 กองพร้อมกับสับไพ่ จากนั้นก็จั่วขึ้นมาในตอนแรก 5 ใบ สลับกันเล่นคนละเทิร์น ใครยึดพื้นที่ได้ 5 ช่องจะเป็นฝ่ายชนะ บางครั้งการเล่นก็สามารถใช้วิธีการหมุนการ์ดด้วยก็ได้ หากใครต้องการทราบข้อมูลกติกาการเล่นที่มากกว่านี้ก็สามารถเข้าไปชมวิธีการได้ในโหมด “Guidance” ของตัวเกม (ผู้เล่นชาวไทยผู้เชี่ยวชาญรายใดที่ทราบกติกาและวิธีการเล่นที่ถูกต้อง สามารถเข้ามาแนะนำคนอื่นๆได้ทางด้างล่าง)
ในโหมดอื่นๆของเกมนอกจากโหมดหลัก “Battle Arena” แล้ว โหมด “Card Profile” จะให้เราศึกษาว่าการ์ดแต่ละใบเป็นอย่างไร มีมอนสเตอร์หน้าตาแบบไหน (วางได้หลายใบ)ผู้สามารถพลิกการ์ดซ้าย-ขวาให้ตัวมันเอียงตามการ์ด หรือยกขึ้นมาก็ได้ และที่สำคัญหากเราลองเอานิ้วไปจิ้มแหย่มันใกล้ๆ เจ้าพวกนี้ก็จะโต้ตอบ ออกท่าแอ็กชันสู้กับนิ้วมือเราด้วย และในส่วนของโหมด “Judgment” จะใช้ทดสอบว่ามอนสเตอร์ในการ์ดใบใดเจ๋งกว่ากัน นอกจากนี้ เกมนี้ยังสามารถเล่นกับผู้อื่นผ่านทางออนไลน์ได้ด้วย
ราคาจำหน่าย: The Eye of Judgment ในประเทศไทย 3,300-3500 บาท
คะแนนรีวิวเกมสปอต :7.5
คะแนนรีวิว IGN :8
คะแนนรีวิว 1UP:8