วินเนอร์ ออนไลน์ยึดจุดยืน “ลูกค้าเป็นใหญ่ กำไรเป็นรอง”

ผู้บริหาร “วินเนอร์ ออนไลน์” มองตลาดเกมออนไลน์ยังคงหอมหวาน ชี้เป็นความบันเทิงต้นทุนต่ำเมื่อเทียบกับตัวอื่น แม้เศรษฐกิจไม่ดีแต่เรายังคงต้องเสพความบันเทิงอยู่ดี บวกกับฮาร์ดแวร์-อินเทอร์เน็ตถูกลง ยึดหลักชนะใจลูกค้า-ขอมันไว้ก่อน-ผลกำไรเรื่องเล็ก คาดภายใน 3 ปีคนไทยยังไม่ควรทำเกมเองเนื่องจากบุคลากรยังไม่พร้อม

ทีมงานผู้จัดการเกมมีโอกาสสัมภาษณ์ “นายสุกิจ พันธ์วิศวาส” กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่การเงินและการบัญชี บริษัทวินเนอร์ ออนไลน์ ผู้ให้บริการเกมออนไลน์ชื่อดังถึงมุมมองเกี่ยวกับตลาดเกมออนไลน์ของไทย รวมทั้งวิสัยทัศน์ด้านการบริหารงานของบริษัทซึ่งเต็มไปด้วยข้อคิดที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน และยังทำให้เราเข้าใจเกี่ยวกับวงการธุรกิจเกมออนไลน์มากขึ้น

นายสุกิจ กล่าวถึงภาพรวมของวงการเกมว่า หากจะกล่าวถึงสื่อด้านความบันเทิงที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้นๆ ในตอนนี้ก็คงหนีไม่พ้นเกมออนไลน์ ซึ่งปัจจุบันมียอดมูลค่ารวมทางการตลาดทั้งหมดประมาณปีละ 4,000 ล้านบาท โดยมีอัตราการเติบโตโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 20 เปอร์เซ็นต์ต่อปี และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคต ดังนั้นทาง “วินเนอร์ ออนไลน์” จึงก้าวเข้ามาลงทุนในธุรกิจประเภทนี้ เป็นระยะเวลากว่า 3 ปีแล้ว โดยเริ่มจากการเปิดให้บริการเกม Risk Your Life เป็นเกมแรก ตามมาด้วย Super Dancer Online, Pirate King Online และกำลังจะเปิดให้บริการเพิ่มอีก 2 เกม คือ Secret Online ในวันที่ 23 ส.ค. และ Water Margin Online ในวันที่ 12 ก.ย.

สำหรับสาเหตุที่ทำให้หลายคนสนใจธุรกิจเกมออนไลน์ นายสุกิจได้อธิบายว่าเกิดขึ้นจากปัจจัยหลายมิติ ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเด็นหลัก ส่วนแรกก็คือ “มิติทางธุรกิจ” เนื่องจากธุรกิจเกมออนไลน์เป็นธุรกิจประเภท “Low Cost Entertainment” ลูกค้าสามารถซื้อความบันเทิงได้ในราคาถูก ยกตัวอย่างเช่น หากคุณมีเงินอยู่ 10 บาท แล้วต้องการซื้อความบันเทิงให้กับตัวเอง คุณสามารถถือเงินจำนวนนั้นเข้าไปใช้บริการอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ แล้วเลือกเล่นเกมออนไลน์ที่คุณต้องการได้เป็นเวลานานถึง 1 ชั่วโมง ซึ่งถือได้ว่าเป็นการใช้จ่ายที่คุ้มค่าเกินราคา ดังนั้นธุรกิจนี้จึงเป็นที่สนใจของคนทั้งโลก

อีกทั้งอุปกรณ์จำพวกฮาร์ดแวร์และอินเทอร์เน็ตมีราคาถูกลง ทำให้ผู้คนหันมาสนใจหาความบันเทิงจากสื่อประเภทนี้เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังมีระบบชุนชน (community) ซึ่งถือได้ว่าเป็นจุดเด่นหลักๆ ของเกมออนไลน์เลยก็ว่าได้ เพราะผู้เล่นสามารถพบปะกับเพื่อนในโลกออนไลน์ได้อย่างไม่จำกัด แถมเกมออนไลน์ในปัจจุบันส่วนใหญ่เปิดให้บริการฟรี ยิ่งเป็นส่วนเสริมให้ผู้คนหันมาให้ความสนใจเกมออนไลน์มากขึ้น

“ธุรกิจด้านความบันเทิงยังคงโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้เศรษฐกิจจะไม่ดีแต่คนเราก็ยังคงต้องเสพความบันเทิงอยู่เสมอ ธุรกิจเกมออนไลน์จึงเป็นเป็นเป้าหมายที่น่าสนใจเพราะเป็นความบันเทิงที่หาซื้อได้ในราคาต่ำ” นายสุกิจ กล่าว

หลังจากได้พูดคุยในส่วนของตลาดเกมออนไลน์กันไปแล้ว คราวนี้เรามาดูที่วิสัยทัศน์ของบริษัท “วินเนอร์ ออนไลน์” กันบ้างดีกว่า เริ่มจากความหมายของชื่อบริษัทที่ตั้งขึ้นมาเพื่อสื่อให้เห็นว่าทางวินเนอร์มีเป้าหมายหลักคือการเป็นผู้ชนะ ซึ่งหมายถึงอยากจะเป็นผู้ให้บริการที่เอาชนะใจลูกค้าได้นั่นเอง

ส่วนบรรทัดฐานในการเลือกเกมที่จะมาเปิดให้บริการ ทางบริษัทจะเลือกผู้พัฒนาเกมที่เข้าใจสภาพการเล่นเกมของคนไทย มีศักยภาพในการให้บริการลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่มุ่งหวังแต่กำไรเพียงอย่างเดียว เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายการดำเนินงานของบริษัท คือ “ต้องการนำเสนอบริการดีๆ ให้กับลูกค้าในช่วงเวลาที่เหมาะสม และสามารถเลือกได้ตามความพึงพอใจ”

“เราต้องการอยู่ในอุตสาหกรรมเกมให้ได้นานๆ ก็เลยทำงานกันแบบขอมันไว้ก่อน ส่วนผลกำไรเป็นเรื่องรองลงมา แต่ถ้าจะไม่พูดถึงเรื่องนี้เลยก็คงเป็นไปไม่ได้ เพราะว่าเงินถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้คนทำงานมีศักยภาพที่จะพัฒนาผลงานต่อไป ดังนั้นเราจึงยึดหลักการทำงานแบบ ‘Economy of Scale’ คือ ทำงานให้เหมาะตามความสามารถของเรา เพื่อเป็นการลดต้นทุนในการทำธุรกิจ”นายสุกิจ กล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น

เมื่อมีโอกาสได้สัมภาษณ์ผู้บริหารจากค่ายเกมชื่อดังทั้งที ทีมงานก็ไม่พลาดที่จะถามถึงประเด็นที่เกมมักตกเป็นจำเลยสังคม ซึ่งคนส่วนใหญ่มักมองว่าการเล่นเกมเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามข่าว ในเรื่องนี้นายสุกิจได้แสดงความคิดเห็นว่า เกมเปรียบเสมือนดาบสองคม มีประโยชน์เมื่อนำไปใช้ถูกทาง อย่างเช่นการนำเกมเข้าไปบรรจุอยู่ในคอร์สการรักษาในโรงพยาบาลเพื่อใช้ฟื้นฟูสภาพผู้ป่วย แต่ขณะเดียวกันก็ก่อให้เกิดผลเสียถ้าบริโภคกันแบบผิดๆ โดยเฉพาะสังคมขนาดใหญ่ในโลกออนไลน์ยิ่งต้องระวังให้มาก ซึ่งจริงๆ แล้วทุกอย่างล้วนมีสองด้านเสมอ อยู่ที่ว่าจะเลือกใช้อย่างไรเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับตัวเรา

สำหรับครือข่ายของบริษัทวินเนอร์ ออนไลน์ ปัจจุบันได้ครอบคลุมพื้นที่ในเขตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ ไทย, มาเลเซีย, สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย ดังนั้นเราจึงมีโปรเจกใหม่ที่คาดว่าจะปล่อยออกมาในช่วงปลายปี คือ “International Cross Marketing Campaign” ซึ่งเป็นการเชื่อมโยงกลุ่มผู้เล่นเกมออนไลน์ของบริษัทเรากับเครือข่ายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยการจัดโครงการพาเกมเมอร์จากประเทศต่างๆ ไปเปิดประสบการณ์ใหม่ในต่างแดน

ในตอนท้ายทางทีมงานได้ถามถึงโครงการพัฒนาเกมขึ้นเองในอนาคต ทางวินเนอร์ได้ให้คำตอบมาว่า ภายใน 3 ปีนี้ ทางบริษัทยังไม่มีโครงการพัฒนาเกมขึ้นมาเอง เพราะจากประสบการณ์ที่ได้ไปเห็นการทำงานของบริษัทต่างชาติทำให้เห็นได้ว่าเรายังไม่พร้อมที่จะทำ เนื่องจากไทยยังมีบุคลากรที่มีคุณภาพ มีความคิดสร้างสรรค์ และมีอัตราการว่าจ้างอยู่ในราคาที่สู้ไหว ไม่เพียงพอต่อวงการอุตสาหกรรมเกม และเมื่อเรารู้ว่ายังไม่สามารถแข่งขันกับเขาได้ ก็ยังไม่ควรที่จะเสี่ยงแต่อาจจะเลือกใช้วิธีอื่นแทน เช่น ร่วมมือกับผู้ที่มีความพร้อมอยู่แล้ว จะทำได้ผลงานที่มีคุณภาพและประสบความสำเร็จมากกว่าการเริ่มนับหนึ่งใหม่ทั้งหมดหากยังไม่พร้อมจริงๆ