xs
xsm
sm
md
lg

สีชุด "SF" มีผลต่อการเล่น "Galil" ปืนใหม่ประจำการ 8 มี.ค.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


จนถึง ณ ตอนนี้เกม “สเปเชียล ฟอร์ซ” (SF)นั้นได้ปล่อยตัวละครออกไปให้ขาลุยทั้งหลายใช้ฟาดฟันกันในสมรภูมิรบแล้วทั้งหมด 6 ตัว ประกอบด้วย หน่วย SAS ของประเทศอังกฤษ หน่วย ROKMC ของเกาหลีใต้ หน่วย GSG-9 ของเยอรมนี หน่วย GIGN ของฝรั่งเศส หน่วย Delta Force ของ อเมริกา และหน่วย Spetsnaz ของรัสเซีย ซึ่งในแต่ละหน่วยนั้นก็มีเอกลักษณ์ของตัวเองแตกต่างกันออกไปไม่ว่าจะเป็น Helmet , เสื้อกั๊ก, เสื้อเกราะกันกระสุน, อุปกรณ์เสริมอื่นๆและสีเครื่องแต่งกายของหน่วยรบ

โดยเฉพาะสีเครื่องแต่งกายของหน่วยรบหลายๆ คนอาจจะมองข้ามไป มองเป็นแค่ส่วนที่ช่วยเสริมความเท่ห์ของแต่ละหน่วยรบเท่านั้นเอง แต่ความจริงแล้วถ้าใช้พรางตัวจากคู่ต่อสู้ ประโยชน์ของมันนั้นมีเกินกว่าที่เราจะคาดคิดไว้ซะอีก งั้นมาดูกันเลยดีกว่าว่า สีของตัวละครใดเหมาะสมกับสภาพภูมิประเทศแบบใดบ้าง

Spetnaz

Spestnaz เป็นหน่วยรบของประเทศรัสเซีย เครื่องแต่งกายและอุปกรณ์ส่วนใหญ่ของหน่วยนี้จะเป็นโทนสีน้ำตาลทั้งชุดดังนั้น แผนที่ที่เหมาะกับสีเครื่องแต่งกายตัวละครตัวนี้ควรจะเป็นแผนที่มีภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นทะเลทรายหรือเป็นโทนสีน้ำตาล ได้แก่ Desert Camp และ แผนที่ใหม่ Bunker Buster

GSG-9, GIGN

สีเครื่องแบบของ 2 หน่วยรบนี้ ทั้ง GSG-9 และ GIGN มีความคล้ายคลึงกันมากเป็นสีโทนน้ำเงินเข้มจนเกือบดำ ดังนั้นจึงเหมาะกับแผนที่ที่มืดทึบ แสงสว่างไม่ค่อยมี ได้แก่ แผนที่ Bridge, ในโกดังและภายในอาคารของแต่ละแผนที่ อย่างเช่น โกดังของแผนที่เซี่ยงไฮ้, โกดังเก็บมิสไซร์ของแผนที่มิสไซร์, บริเวณซอกเขาและภายในมัสยิดของแผนที่คินาบาลู ถ้าเล่นเป็นทีมรับในแผนที่เซี่ยงไฮ้ก็สามารถไปยืนซุ่มอยู่บนเรือดำน้ำได้เลย เพราะสีเรือและสีชุดนั้นคล้ายคลึงกันมาก ถ้าใช้ตัวละคร 2 นี้จะทำให้ได้เปรียบคู่ต่อสู้เป็นอย่างยิ่ง

SAS, Delta Force, ROKMC, KSF

SAS, Delta Force, ROKMC, KSF สีเครื่องแบบของ 4 หน่วยรบนี้เป็นสีเขียวลายทหารเหมือนกันทุกตัว ถ้าพูดกันในเรื่องสีของเครื่องแบบแล้วสามารถใช้ได้กับทุกแผนที่ไม่มีความได้เปรียบหรือเสียเปรียบกับหน่วย GSG-9, GIGN ที่ใช้ได้ดีในแผนที่มืดๆ หรือ Spetnaz ที่ใช้ได้ดีในภูมิประเทศที่เป็นโทนสีน้ำตาล สักเท่าไหร่นัก แต่ภูมิประเทศและโทนสีของแผนที่ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับ 4 หน่วยนี้คงจะหนีไม่พ้น แผนที่ คินาบาลูอย่างแน่นอน เนื่องจากมีสภาพภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นขุนเขาและป่าดงพงไพร

“เกร็ดความรู้” ปืนไรเฟิลที่ทุกคนรอคอย IMI Galil

วันนี้ทางหน่วยบัญชาการ สเปเชียล ฟอร์ซภูมิใจเสนอข้อมูลเล็กๆน้อยเกี่ยวกับปืนไรเฟิลเทพในตำนาน IMI Galil ให้แก่หน่วยรบทั้งหลายที่ยังไม่รู้จักรูปร่างหน้าตาและคุณสมบัติของปืนรุ่นนี้เลย

ขีดความสามารถและข้อมูลจริงของเจ้า Galil กันเลยดีกว่า สำหรับ “Galil” มีชื่อเรียกกันอย่างเป็นทางการว่า Gun of Israel เป็นปืนไรเฟิลที่ถูกผลิตขึ้นในปี คศ. 1970 โดยการนำเอาจุดเด่นของปืน AK -47 และ FN-FAL มารวมไว้ด้วยกันในกระบอกเดียว จากปืน FN-FAL ที่ไม่ทนทานต่อทรายในทะเลทรายที่ร้อนระอุ ได้ถูกพัฒนาขึ้นโดยรวมเอาความคงทนของปืน Ak-47 ซึ่งได้รับการยอมรับในเรื่องของพลังการทำลายมาแล้วในทะเลทรายอาหรับ ผสมผสานกับความคล่องตัวในการพกพาของปืนกลเบาเข้าไว้ด้วยกัน

ปืนไรเฟิล Galil ที่พัฒนาในช่วงเริ่มแรกนั้นจะสามารถใช้กระสุน NATO 7.62mm ได้แต่หลังจากนั้นได้พัฒนาต่อมาอีก 4 เวอร์ชั่น (ARM, AR, SAR, Micro) โดยใช้กับกระสุนขนาด 5.56 mm และรุ่นล่าสุดของ Galil ที่สามารถใช้กับกระสุน NATO เวอร์ชั่น 7.62 ถูกพัฒนาออกมาเป็นปืนสไนเปอร์ไรเฟิล “GALAT'Z 7.62mm”

สเป็คพื้นฐานของ SIG-551
ขนาดลำกล้อง :5.56 x 45 mm
ความยาว :850 mm (614 mm เมื่อพับพานท้ายปืน) / 833 mm (607 mm)
น้ำหนัก :3751 g (เพิ่มอีก 720 g เมื่อมีลูกกระสุนอยู่เต็มแม็กกาซีน)
จำนวนกระสุนในเเม็กกาซีน : 35 นัด
ความเร็วลั่นกระสุน / นาที : 630-700 นัด

Galil ในเกมนั้นมีสามารถยิงต่อรอบได้สูงสุด 30 นัดเหมือนอาวุธหลักอื่นๆ ของสเปเชียลฟอร์ซ พลังทำลายล้างดูเหมือนจะคล้ายๆกับ Ak 74 เอามากๆ น้ำหนักของปืนเวลาวิ่งถือว่าอยู่ในระดับปานกลางไม่เบาและไม่หนักจนเกินไป ส่วนในเรื่องของแรงดีดกลับนั้นค่อนข้างจะแรงเลยทีเดียว แรงในระดับเดียวกับ Ak 74 เลยก็ว่าได้ สุดท้ายคือการลั่นกระสุนก็อยู่ในระดับปานกลาง สรุปกันง่ายๆเลยก็คือ Galil นั้นมีพลังทำลายล้างอยู่ในระดับที่สูงสุดของอาวุธหลักเลยก็ว่าได้แต่มีแรงดีดกลับค่อนข้างที่จะแรงนิดหน่อย

หากใครสนใจเตรียมพบกับ Galil เร็วๆนี้ ไม่นานเกินรอ 8 มี.ค นี้
กำลังโหลดความคิดเห็น