
เคยมีคนกล่าวเอาไว้ว่า “ ถ้าคาดหวังกับอะไรมากเกินไป ระวังจะผิดหวัง” ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตามที่เวลาเราคาดหวังไว้มาก มักจะผิดหวังเสมอ รวมทั้งเกม RPG ในตำนานอย่าง Final Fantasy 3 เพราะตั้งแต่การประกาศรีเมค เกมก็ถูกจับตามอง และถูกตั้งความหวังไว้สูงมาก จนอดคิดไม่ได้ว่าทางสแควร์ เอนิกซ์จะสามารถรีเมคเกมที่คนตั้งความหวังเอาไว้สูงอย่างเกมนี้ ได้ดีเทียบเท่าต้นฉบับหรือไม่
เกม Final Fantasy 3 ที่ถูกคาดหวังเอาไว้มาก เพราะเป็นเกม RPG ในตำนานที่จัดได้ว่าเป็น Final Fantasy ที่มีความสมบูรณ์ และสนุกมากที่สุดภาคหนึ่ง เพราะด้วยระบบการเปลี่ยนอาชีพระหว่างเล่น เนื้อเรื่องที่เข้มข้นไม่น่าเบื่อ กราฟิกที่สวยงาม(ในสมัยนั้น) จึงไม่แปลกใจที่นี่เป็นภาคหนึ่งที่มีคนเรียกร้องให้ทาง สแควร์ เอนิกซ์ รีเมคลงเครื่องเกมรุ่นใหม่ๆสักที จนกระทั่งมีข่าวลือว่าจะทำลงเครื่อง PS2 แต่ในที่สุดก็มาออกที่เครื่องเกมที่มากด้วยลูกเล่น อย่าง DS แถมเป็นการรีเมค ที่ยกเครื่องใหม่หมด ทั้งภาพที่กลายเป็น 3D ทำให้แฟนๆที่รอคอย ต่างตั้งความหวังกับเกมนี้ไว้พอสมควร หรือกระทั่งบางคนซื้อ DS เพราะอยากเล่นเกมนี้เท่านั้น
หลังจากร้องเพลงรออยู่นาน เมื่อเปิดเกมเข้าไป สิ่งแรกที่คุณจะพบ คือ CG คุณภาพสูงมาก จนไม่น่าเชื่อว่า DS จะทำ CG ระดับนี้ได้ เพราะโดยส่วนมาก CG ในเครื่อง NDS จะต้องถูกบีบอัดลงเพื่อให้พอกับความจุที่จำกัด จนทำให้ภาพที่ได้มักจะแตก แต่ขึ้นชื่อว่า สแควร์ เอนิกซ์ จะให้ทำCG คุณภาพต่ำๆคงจะไม่ใช่ ทำให้ฉากเปิดตัวทำได้สวยงามไม่แพ้เครื่องเกมคอนโซลเลยด้วยซ้ำ และเมื่อเริ่มเล่นเกมคุณจะพบกับกราฟิกที่สวยงาม ฉากทั้งหมดถูกวาดด้วยโพลิกอนคุณภาพดี โพลิกอนในส่วนตัวละครถือว่าทำได้ดีเยี่ยม และมีรายละเอียดสูง ส่วนการเคลื่อนไหวก็ทำได้นุ่มนวลลื่นไหลดีที่สุดสำหรับเครื่องเกมมือถือเลยทีเดียว เสียดายเล็กน้อยที่เกมไม่สามารถปรับเปลี่ยนมุมกล้องได้ ทำได้เพียงแต่ซูมเข้าซูมออกเท่านั้น ทำไห้ผิดหวังไปบ้าง แต่โดยรวมแล้วนี่คือเกมที่ภาพสวยที่สุดเกมหนึ่งบนเครื่อง DS เลยทีเดียว
แต่เพียงแค่ภาพนั้นคงจะไม่ใช่ประเด็นหลักสำหรับการรีเมค ลงบนเครื่อง DS อย่างที่รู้ๆกัน DS เป็นเครื่องที่มากด้วยลูกเล่น มากกว่าจะเน้นไปที่ภาพ แน่นอนทางทีมงาน สแควร์ เอนิกซ์ ก็ได้นำมาใช้ โดยเฉพาะทัชสกรีนที่ทีมงานได้บอกตั้งแต่ประกาศแล้วว่า จะสร้างเกมให้ควบคุมด้วยทัชสกรีนได้ทั้งเกม โดยทั้งการควบคุมตัวละคร ก็ทำได้ง่ายดายโดยใช้เพียงปากกา จิ้มแล้วลากเป็นการบังคับตัวละคร คล้ายๆกับการใช้เมาส์เล่นเกมออนไลน์ทั่วไป ส่วนในฉากต่อสู้ก็เล่นได้ง่ายดายโดยการใช้ปากกาจิ้มไปที่ศัตรูเพื่อเลือกโจมตี และระบบการใส่อาวุธการซื้อขาย ซึ่งเป็นระบบพื้นฐานของเกม RPG ก็สามารถสั่งการด้วยการใช้ทัชสกรีนได้ทั้งหมด
ถ้าคุณคิดอยู่ว่า แล้วมันจะต่างกับการใช้ปุ่มบังคับอย่างไร ความจริงทั้ง 2 รูปแบบก็ให้ความสะดวกในการเล่นไม่แตกต่างกัน แต่ทัชสกรีนจะสามารถให้ความสะดวกตรงที่คุณสามารถเล่นเกมด้วย มือข้างเดียวได้ ในขณะที่การกดปุ่มไม่สามารถทำได้ เช่นเวลาที่คุณพูดคุยโทรศัพท์ ก็สามารถเล่นเกมนี้ได้ การที่เกมใช้ทัชสกรีนควบคุมได้ก็ถือว่าเป็นทางเลือกหนึ่งให้กับผู้เล่นเหมือนกัน แม้อาจจะไม่ได้มีประโยชน์โดยตรง ก็ตามทีแต่ก็เป็นส่วนเสริมได้ดีทีเดียว แต่ในส่วนของหน้าจอที่มี 2 หน้าจอของ DS กลับไม่ค่อยได้ใช้เท่าที่ควร โดยเฉพาะในฉากต่อสู้ที่ไม่ได้ใช้จอบนเลย ทางผู้ผลิตได้ชี้แจงว่าเพื่อกันการสับสน ในการเล่น หรืออาจเป็นเพราะถ้าเกมใช้ 2 หน้าจอในการต่อสู้แล้ว ผู้เล่นอาจเกิดสับสนในการเลือกคำสั่ง เพราะมีถึง 2 หน้าจอ ส่วนในฉาก Fields จอบนจะเป็นการแสดงแผนที่โลก และเมื่อเข้าเนื้อเรื่องก็มีการใช้จอบนในการแสดงผลบ้าง เมื่อรวมทั้งหมดแล้ว ในด้านความคิดสร้างสรรค์ถืออยู่ในระดับที่ใช้ได้
แต่ส่วนระบบที่โดดเด่นจริงคงหนีไม่พ้น ระบบอาชีพ ที่เป็นจุดขายของภาพนี้ ได้ถูกนำมาปัดฝุ่นยกเครื่องใหม่เช่นกัน โดยระบบหลักๆยังคงเหมือนภาคต้นฉบับ แต่ได้ปรับอาชีพให้มีความสมดุลมากขึ้น อาชีพที่เคยเป็นเพียงแค่ไม้ประดับก็ถูกปรับให้มีความสามารถมากขึ้น และในส่วนเนื้อเรื่องได้ถูกพัฒนาขึ้นจากเดิม มีความแตกต่างจากต้นฉบับเล็กน้อย เช่นจากแต่ก่อนตัวละครทั้ง 4 จะตกลงมาในถ้ำ กลายมาเป็นตกมาเฉพาะพระเอก และต้องไปคอยตามหาตัวละครซึ่งอยู่ตามที่ต่างๆ แถมทุกคนมีเนื้อเรื่อง ภูมิหลังของตัวเอง ทำให้ในส่วนของเนื้อเรื่องดูเข้มข้น และสมจริงกว่าต้นฉบับอยู่พอสมควร ส่วนระดับความยากในเกมได้ถูกปรับมาให้สมดุลมากขึ้น เพื่อให้เข้ากับยุคสมัย โดยรวมแล้วความยากของเกมอยู่ในระดับปานกลาง คือไม่ยากจนเกินไปนัก แฟนๆรุ่นใหม่ของ ซีรีย์ Final Fantasy ที่ไม่เคยเล่นภาคนี้ก็สามารถเล่นจบได้
ส่วนสำคัญอีกส่วนของ Final Fantasy3 ที่ถือว่าเป็นจุดเด่นของภาคนี้ตั้งแต่เครื่อง Famicom นั่นก็คือเพลงประกอบ ที่ทำออกมาได้โดดเด่น มีทำนองที่ไพเราะติดหูมาตั้งแต่เมื่อ 16 ปีที่แล้ว มาถึงเวอร์ชั่น DS เพลงทำนองเดิมยังคงอยู่ และได้ถูกพัฒนาให้คุณภาพเสียงดีขึ้นตามยุคสมัย และยังคงความคลาสสิกไว้ครบถ้วน แฟนเกมเก่าๆฟังแล้วคงคิดถึงอดีต สมัยนั่งเล่นบนเครื่อง Famicom แต่เสียดายที่ระบบเสียงถือว่าเบาไปหน่อย แนะนำว่าถ้าอยากได้อารมณ์ ร่วมกับเกมให้หาชุดหูฟังดีดีสักชุด จะทำให้ได้อารมณ์ร่วมกับเกมมากขึ้น
ของแถมที่ให้มา คือระบบออนไลน์ หลักๆเอาไว้ส่ง เมลล์ หากันผ่านระบบ ไวไฟ โดยส่งผ่าน Mog ผ่านบริการ MogNet ที่มีอยู่ทุกหมู่บ้าน แต่ถึงจะไม่ออนไลน์ก็จะมี Mail คำแนะนำจากตัวละครในเกมส่งมาให้เสมอ และเมื่อใช้บริการบ่อยๆอาจได้ไอเท็มพิเศษที่ไม่มีในเกม คำแนะนำในการเล่นเกม หรืออีเว้นพิเศษอีกด้วย
สุดท้ายนี้หลังจากเกมออกแล้ว คุณคงถามว่าเกมสนุกตามที่คาดหวังเอาไว้หรือเปล่า อันนี้คงจะตอบแทนไม่ได้เพราะขึ้นอยู่ว่าจะคุณคาดหวังเอาไว้มากแค่ไหน แต่ถ้าคุณเป็นแฟนเกม Final Fantasy คุณคงไม่พลาดอยู่แล้ว ไม่ว่าเกมจะสนุกหรือไม่ แต่ถ้ามองว่านี่เป็นเกมภาษาเกมหนึ่ง ที่เอาชื่อ Final Fantasy ออกไปแล้ว เกมนี้ถือว่าทำได้ดี และโดดเด่นในทุกๆด้านไม่ว่าเป็นระบบการเล่น ความคิดสร้างสรรค์ หรือเนื้อเรื่องที่เข้มข้น แถมด้วยกราฟฟิกที่ทำออกมาได้ดีเยี่ยม (สำหรับเครื่องเกมมือถือ) โดยส่วนตัวถือว่าคุ้มค่าสมกับที่รอคอยกันมานาน ต้องยกความดีความชอบ ให้ทีมงาน สแควร์ เอนิกซ์ ที่สามารถรีเมคเกมออกมาสนุก กราฟฟิกสวยงาม โดยไม่ทำลายความคลาสสิก ของตัวเกมลงไปเลยแม้แต่น้อย
* เกม ver ญี่ปุ่นจะออกวางจำหน่ายใน วันที่ 24 สิงหาคม 49 ส่วน ver USA จะออกวันที่ 14 พฤศจิกายน 49
เกมการเล่น | 9.5 |
กราฟิก | 10 |
เสียง | 9.5 |
ความคิดสร้างสรรค์ | 9 |
ความคุ้มค่า | เกม RPG ที่สนุก คุ้มค่า และคลาสสิก |
ภาพรวม | 9.5 |
BY Darth.vader