ก่อนจะมีเกมต่อสู้ยอดฮิตอย่าง "สตรีทไฟเตอร์" หรือ "เทคเคน" หลายคนอาจจะจำได้ว่าเมื่อกว่า 20 ปีก่อนบนเครื่องฟามิคอมเองก็มีเกมสไตล์สู้ตัวต่อตัวกับเขาเหมือนกัน แถมยังซัดกันด้วยฝีมือล้วนๆไม่ต้องกดคำสั่งไม้ตายให้ยุ่งยาก
"Yie Ar Kung-Fu" หรือที่บ้านเราเรียกกันว่า "ไอหยา กังฟู" ชื่อของเกมมาจากคำว่า Yi-Er ที่แปลว่าหนึ่ง-สองในภาษาจีน เดิมเป็นเกมตู้ในปี 1985 ผลงานของค่ายโคนามิ ซึ่งได้รับความนิยมสูงจนมีการแปลงไปลงแทบทุกเครื่องเล่นตามบ้านในยุคนั้นรวมถึงเครื่องฟามิคอมด้วย และมักจะถูกใส่เข้าไปในบรรดาตลับรวมเกมทั้งหลายจึงเป็นที่รู้จักของเด็กไทยเป็นอย่างดี
แนวการเล่นจะเป็นแบบต่อสู้ตัวต่อตัวทีละด่าน ฝ่ายไหนพลังหมดก่อนก็แพ้ วิธีบังคับตัวเอกไอ้หนุ่มซินตึ๊ง LEE จะใช้ปุ่มทิศทางซ้ายขวาเดิน,ล่างก้ม,บนกระโดด ปุ่ม A ต่อย ปุ่ม B เตะ โดยกด B เฉยๆจะเป็นเตะล่าง กด B พร้อมซ้ายหรือขวาจะเป็นเตะสูง และเวลากระโดดจะสามารถเตะได้ด้วย ส่วนปุ่ม Start จะใช้หยุดเกม
ตัวเกมสามารถเล่นได้คนเดียวเท่านั้น และที่ไตเติ้ลจะมีให้เลือก Level 1-2 โดยแบบ Level 1 เวลาสู้ตัวเราจะหันหน้าหาศัตรูโดยอัตโนมัติ แต่ Level 2 เราต้องกดหันซ้ายขวาด้วยตัวเอง เหมาะสำหรับคนที่เชี่ยวชาญแล้ว
คู่ต่อสู้ในด่านแรกคือเจ้าตัวอ้วน WANG ผู้ใช้พลองเป็นอาวุธ ซึ่งจะเน้นความเร็วแต่ระยะโจมตีไม่ต่างจากเรามาก ในบางครั้งจะเน้นเตะมากกว่าใช้พลอง สามารถใช้วิธีทิ้งห่างแล้วกระโดดเตะเข้าไปจัดการได้ไม่ยาก
ในด่านที่สองต้องเจอกับเจ้าอ้วนอีกตัว TAO สามารถพ่นลูกไฟได้ ระยะประชิดจะมีเตะต่อยบ้างแต่ค่อนข้างช้า สไตล์การสู้จะเน้นทิ้งช่วงห่างแล้วยิงเราด้วยลูกไฟมากกว่า ถ้าเข้าประชิดจะไม่มีพิษสงมากนัก และเราสามารถโจมตีเพื่อหยุดลูกไฟได้ด้วย
ด่านที่สามคือตัวหน้าตาคล้ายๆลามะชุดเขียว CHEN ใช้โซ่ติดลูกตุ้มเป็นอาวุธ เป็นตัวแสบที่ใครหลายๆคนจำกันได้ดีและจัดได้ว่ายากที่สุด โซ่ติดลูกตุ้มสามารถโจมตีเราได้จากระยะไกล แถมยังโดนทั้งตอนเหวี่ยงไปและกลับ ต้องสู้ด้วยการเข้าคลุกวงในเท่านั้น และเราสามารถเตะหรือต่อยเพื่อหยุดลูกตุ้มได้เข่นกัน
เมื่อผ่าน CHEN ได้ก็จะเป็นฉากโบนัส ซึ่งจะมีอาวุธบินเป็นพัดและดาบลอยมาจากซ้ายขวา ทั้งแบบเร็ว-ช้า สูง-ต่ำทั้งหมด 10 อัน ถ้าสอยให้ร่วงหมดจะได้โบนัส 5000 คะแนน แต่ถ้าพลาดโดนตัวแค่อันเดียวจะจบทันที
ด่านสี่จะเป็นสาวจีนชุดชมพู LANG สามารถขว้างดาวกระจายได้ และในระยะประชิดจะเตะค่อนข้างเร็ว รวมๆแล้วค่อนข้างง่ายไม่ต่างจาก TAO มากนัก แต่ถ้าขว้างดาวกระจายมารัวๆก็น่ากลัวพอสมควร ตัวดาวกระจายสามารถใช้วิธีโจมตีสกัดได้เช่นกัน
ด่านสุดท้ายของเกมคือชายร่างยักษ์ชุดขาว MU มีท่าไม้ตายพุ่งตัวเข้าชนซึ่งสามารถสกัดได้ แต่จะยากอยู่สักหน่อย (ขอบคุณท่านผู้อ่านที่ท้วงเข้ามา) แถมยังมีท่าเตะปกติที่ระยะค่อนข้างไกล ต้องระวังท่าพุ่งชนดีๆแล้วจะสู้ได้ไม่ยาก
เมื่อเอาชนะ MU ได้ตัวเอกของเราก็จะกระโดดเตะฆ้องตรงกลางฉากเป็นอันจบ แล้วเกมจะวนกลับไปเริ่มใหม่ตั้งแต่ด่านแรกในแบบที่ยากขึ้น และฉากหลังจะมีการเปลี่ยนสีไปเรื่อยๆ
ทั้งฝ่ายเราและศัตรูทุกคนจะมีพลังชีวิตให้โดนอัดได้ 9 ครั้งเท่ากันโดยไม่เกี่ยงว่าจะโดนอะไร และลูกเล่นของฝ่ายศัตรูเองก็ไม่โกงกันน่าเกลียด (อาจจะยกเว้นเจ้าโซ่ติดลูกตุ้มตัวแสบ) ทำให้เกมค่อนข้างสู้กันตรงไปตรงมา ถ้าเทียบกับเกมสมัยนี้ที่ศัตรูมักจะเล่นท่าการ์ดไม่ได้,โดนทั้งจอ,ลดครึ่งหลอด แบบไม่เห็นใจคนเล่นเอาซะเลย
จำนวนตัวเล่นในตอนแรกจะมีให้ 3 ตัว และเมื่อสะสมคะแนนไปเรื่อยๆจะมีเพิ่มให้ ตัวเกมโดยรวมนั้นไม่สามารถบอกได้ว่ายากหรือง่าย ขึ้นอยู่กับฝีมือคนเล่นยิ่งชำนาญยิ่งสู้ได้คล่อง ไม่ว่าจะเป็นลูกไฟ ลูกตุ้ม ถ้าไวพอก็สามารถป้องกันได้หมด วัดกันด้วยเบสิกล้วนๆไม่ต้องมีท่ามาก ซึ่งนับว่าน่าเสียดายที่เล่น 2 คนไม่ได้
กราฟิกของเกมมีภาพเคลื่อนไหวที่ดีถ้าเทียบกับยุคนั้น แต่การเตะต่อยจะไม่โดนตรงๆตามภาพที่เห็นจึงต้องใช้ความเคยชินเล็กน้อย ส่วนเพลงประกอบหลักจะมีเพลงเดียว ซึ่งใครเคยเล่นคงจำได้เป็นอย่างดี
ไม่ว่าจะเป็นเกมต่อสู้อันไหน ก่อนจะหัดใช้ท่าพิสดารประมาณคอมโบ 10 ฮิตหรือหมุนปุ่มทิศทาง 2 รอบ สิ่งสำคัญที่สุดก็คือพื้นฐานท่าเตะต่อยธรรมดา ซึ่งบางทีเกมเก่าๆแบบนี้อาจมีให้มากกว่าที่คิดก็เป็นได้
Yie Ar Kung-Fu
เครื่อง: ฟามิคอม
ภาษา: ญี่ปุ่น 1985
บริษัท: Konami
แนวเกม: Fighting
จำนวนผู้เล่น: 1 คน
ภาพกล่องเกมจาก...
Famicom.biz