ถ้าพูดถึง "นินจา" แล้ว สิ่งแรกที่นักเล่นเกมนึกถึงอาจจะเป็นการ์ตูนยอดฮิตอย่าง "นารุโตะ" แต่สำหรับนักเล่นอายุ (ใกล้ๆ) 30 หลายคนอาจนึกถึงเกมนินจาที่เก่าแก่ที่สุดเกมหนึ่งอย่าง "Legend of Kage"
The Legend of Kage หรือชื่อภาษาญี่ปุ่นว่า Kage no Densetsu เดิมทีเป็นเกมตู้ของบริษัทไทโตะในปี 1985 ก่อนจะถูกแปลงมาลงบนเครื่องฟามิคอมในปี 1986 ซึ่งนักเล่นเกมไทยในยุคนั้นจะรู้จักกันดี เพราะพวกรวมหลายเกมใน 1 ตลับส่วนใหญ่จะมีเกมนี้อยู่ด้วย
เนื้อเรื่องของเกมเป็นสูตรสำเร็จแบบไม่ต้องคิดอะไรมากเมื่อเจ้าหญิง "คิริฮิเมะ" ถูกโชกุนชั่วร้ายลักพาตัวไป นินจา "คาเงะ" จึงต้องตามไปช่วยกลับมา.....แต่พอช่วยกลับมาได้ก็จะโดนลักพาตัวไปอีกเรื่อยๆ จนคนเล่นบางคนอาจจะรู้สึกอยากปล่อยไปตามบุญตามกรรมยังไงชอบกล
วิธีบังคับตัวเอกนินจาคาเงะจะใช้ปุ่มซ้ายขวาเดิน ปุ่มบนกระโดด ปุ่มล่างก้ม ปุ่ม A ใช้ดาบฟันสามารถปัดป้องดาวกระจายและดาบของศัตรูได้ ปุ่ม B ขว้างดาวกระจายใช้ได้ไม่จำกัด และปุ่ม Start หยุดเกม แถมตัวเอกยังสามารถปีนเสาหรือต้นไม้ได้ด้วย
ไอเทมในเกมจะมี "ลูกแก้ว" ที่ได้จากการกำจัดศัตรู เมื่อเก็บแล้วเสื้อตัวเอกจะกลายเป็นสีเขียว ดาวกระจายจะทะลุตัวศัตรูได้และป้องกันการโจมตีได้ 1 ครั้ง ถ้าเก็บซ้ำอีกครั้งตัวจะกลายเป็นสีเหลืองแล้ววิ่งเร็วขึ้น ไอเทมรูปหัวนินจาเล็กๆ "Egao" จะโผล่มาด้านบนของจอ ลอยจากซ้ายไปขวามี 3 สีคือ สีเทาโบนัสคะแนน, สีแดงคาถาแยกร่างอมตะหรือขว้างดาวกระจาย 8 ทิศชั่วคราว, สีน้ำเงินให้ 1UP และไอเทมม้วนคาถาจะทำให้ตัวเรายืนร่ายคาถากำจัดศัตรูรอบๆได้ชั่วครู่
ศัตรูในเกมจะมีนินจา 3 สีได้แก่ สีน้ำเงินมีดาวกระจายและดาบเป็นอาวุธ,สีแดงจะมีลูกระเบิดที่ป้องกันไม่ได้เพิ่มเข้ามา และสีดำที่เก่งกาจที่สุด ศัตรูอีกชนิดคือนักบวชญี่ปุ่น สามารถพ่นไฟที่โดนทีเดียวตายได้ มี 2 สีแดงและน้ำเงินเช่นกัน และสุดท้ายก็คือศัตรูระดับบอสที่จะออกมาหลังช่วยเจ้าหญิงได้
เกมจะมีทั้งหมด 4 ฉากหลัก เมื่อผ่านได้จะเจอกับบอส แล้วจะวนกลับมาเริ่มจากฉากแรกอีกโดยที่ฤดูกาลเปลี่ยนไปและมีบอสตัวใหม่ จนครบ 3 รอบก็เป็นอันจบ โดยฉากแรกของเกมคือป่าขนาดใหญ่เต็มไปด้วยฝูงนินจาศัตรู ผู้เล่นต้องกำจัดนักบวชสีแดงที่ท้ายฉากให้ได้จึงจะเข้าสู่ด่านต่อไป ฉากที่สองของเกมคือคูเมือง ผู้เล่นต้องกำจัดนินจาสีน้ำเงินให้ครบ 10 คน(มีจำนวนขึ้นให้ดู) และถ้าใช้ดาบกำจัดถึง 7 คนจะมีไอเทม Egao สีน้ำเงินให้ 1UP ออกมาด้วย
ฉากที่สามของเกมคือกำแพงปราสาทผู้เล่นต้องกระโดดขึ้นไปให้ถึงด้านบนก็เป็นอันจบฉาก ในด่านนี้จะมีนินจาสีดำออกมาและให้ไอเทมม้วนคาถาด้วย ส่วนฉากสุดท้ายจะเป็นภายในปราสาท ผู้เล่นต้องฝ่าด่านศัตรูสุดโหดขึ้นไปชั้นบนสุด แล้วใช้ดาบตัดเชือกช่วยเจ้าหญิงก็จะจบฉากทันที
เมื่อเราพาเจ้าหญิงหนีออกมาได้ก็จะโดนลักพาตัวไปอีก (ยังงี้ทุกรอบ - -") แล้วเราจะต้องสู้กับบอสในฉากป่า โดยต้องกำจัดผีเสื้อที่บินวนแถวนั้นก่อนจึงจะโจมตีบอสได้ สำหรับเกมรอบแรก (ฤดูร้อน) บอสจะเป็นนักบวชสีขาว "เกนโบ" ที่สามารถแยกร่างได้ รอบที่สอง (ฤดูใบไม้ร่วง) จะเจอนินจา "ยูคิโนะสึเกะ คิริ" หน้าตาคล้ายๆกับเรา และรอบสุดท้าย (ฤดูหนาว) จะเจอซามุไร "โยชิโร่ ยูคิกุสะ" ใช้ดาบคู่เป็นอาวุธ ลอยไปลอยมารอบๆฉาก
ตัวเกมรวมๆจะยากตรงที่โดนทีเดียวตาย การโจมตีจะมาไวมากจนบางทีเราก็โดนแบบไม่ทันตั้งตัว แต่ฝ่ายศัตรูแม้แต่ระดับบอสก็โดนทีเดียวตายเหมือนกัน จึงมีความท้าทายคนเล่นเป็นอย่างดี แถมยังมีสิ่งที่น่าประทับใจต่างจากเกมอื่นหลายอย่างเช่น การใช้ดาบปัดป้องอาวุธศัตรูได้ (ไม่ใช่แค่โดนสะกิดก็ตาย) และการกระโดดแบบตัวปลิว ยิ่งกดค้างยิ่งไปไกล ผิดจากเกมอื่นในยุคนั้นที่มักจะกระโดดกันยากเย็นเหลือเกิน
เกมสามารถเล่น 2 คนแบบผลัดกันได้เมื่ออีกคนพลาดท่า (จะได้ไม่ต้องแย่งกันเล่น) กราฟิกก็ทำมาดีพอให้ดูออกว่าอะไรเป็นอะไรไม่มีหลอกตา และมีเพลงประกอบหลักที่คนเล่นทุกคนอาจจำได้ดี
Kage no Densetsu /The Legend of Kage
เครื่อง: ฟามิคอม
ภาษา: ญี่ปุ่น /อังกฤษ 1986
บริษัท: Taito
แนวเกม: Action
จำนวนผู้เล่น: 1-2 คน