เมื่อย้อนกลับไป ในปี 1988 เด็กๆในยุคนั้น รวมทั้งตัวผู้เขียนเอง ต่างรอคอยเกมภาคต่อ ของเกมชื่อดังอย่าง Super Mario Bros 3 ที่จะออกวางจำหน่ายในวันที่ 23 ตุลาคม 1988 นับเป็นภาคต่อของเกมที่มีคนรอคอยมากที่สุด
เมื่อวันนั้นมาถึงเด็กๆล้วนตื่นตะลึงกับ กราฟิกที่ในยุคนั้นถือว่าพัฒนาสวยขึ้นจากภาค 2 เป็นอย่างมาก ทั้งลูกเล่นไอเดีย ที่ใส่มาอย่างเต็มที่ จนเรียกได้ว่าในยุคนั้นเป็นเกมที่ ทำออกมาได้สมบูรณ์ ยอดเยี่ยมที่สุดในทุกๆด้านเลยก็ว่าได้ จนทำให้ราคาเกม Super Mario Bros 3 ในสมัยนั้นที่สูงถึง 1400-1600 บาท ดูไม่แพงเลยเมื่อเทียบถึงคุณภาพเกม
เกมใน ซีรีย์ Super Mario Bros ที่เป็นเกมแอคชั่น 2 มิติ กำเนิดบนเครื่อง แฟมิคอมในปี 1985 ด้วยรูปแบบที่แปลกใหม่ และ ความสนุกของเกมทำให้เกมประสบความสำเร็จสูงมากจนกลายเป็นตำนานในยุคนั้น และ ในปีต่อมาได้ออก Super Mario Bros 2 (ที่ภาคญี่ปุ่นแทบไม่ต่างจากภาคแรก) แต่ภาคที่นำไปจำหน่ายที่ อเมริกา ได้นำ เกม อาลาดิน ไปเปลี่ยนตัวเอกเป็น Mario และเปลี่ยนชื่อเป็น Super Mario Bros 2 ไปจำหน่ายแทน และใน ปี 1988 หลังจากการโหมโฆษณา และภาพในตัวเกมที่ยกเครื่องใหม่ทั้งหมด ทำให้ Super Mario Bros 3 เป็นที่จับตามอง และคาดหวัง ของเกมเมอร์ในยุคนั้นเป็นอย่างมาก และเมื่อเกมออก Nintendo ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง
ส่วนของตัวเกมนั้น ยังคงแบ่งเป็น World และ Area เหมือน Mario ภาคก่อนๆ แต่ได้เพิ่มส่วนของ Map ขึ้นมาและมีการเพิ่ม Area จากเดิม ทำให้ตัวเกมยาวกว่าเดิมมาก โดยแต่ละ World จะความแตกต่างกันตามภูมิประเทศ เช่น
World 1 เป็น Worldแห่งทุ่งหญ้า
World 2 เป็น Worldแห่งทะเลทราย
World 3 เป็น Worldแห่งทะเล
World 4 เป็น Worldแห่งยักษ์
World 5 เป็น Worldแห่งท้องฟ้า
World 6 เป็น Worldแห่งน้ำแข็ง
World 7 เป็น Worldแห่งท่อ
World 8 เป็น Worldแห่งความมืด
ในแต่ล่ะด่านจะมีความแตกต่าง กันอย่างสิ้นเชิง ทั้งฉาก และศัตรูบางชนิด เช่น World 4 Worldแห่งยักษ์ ศัตรูในเกมจะมีขนาดใหญ่ผิดปรกติ เป็นต้น นับเป็นความแปลกใหม่ และนับเป็นเกมที่มีความหลากหลายมากในยุคนั้น จนแม้กระทั่งเกมบางเกมในยุคนี้ ยังหาความหลากหลายในเกมสู้ Mario 3 ไม่ได้เลย หลายเกมยังใช้ด่านซ้ำๆ หรือทั้งเกมมีแต่เดินฟันศัตรู จึงอาจเรียกได้ว่าพูดถึงความสร้างสรรค์ และความหลากหลายในเกม ต้องนึกถึง Nintendo จริงๆ
เนื้อเรื่องหลักของเกมยังคงเป็นเหมือนเดิมคือ Mario ที่ต้องตามไปช่วยเจ้าหญิงพีช ที่โดนคุปป้าลักพาตัวไป (ตอนนี้ก็ยังไม่เปลี่ยน) แต่คราวนี้เจ้าคุปป้าได้พาลูกๆมาช่วยกันสู้กับ Mario ด้วย โดยลูกๆทัง 7 ตัวของคุปป้าจะเป็นBoss ของแต่ละด่านที่ปรกติจะเป็น คุปป้าตัวปลอม ทำให้การต่อสู้ Boss ไม่ซ้ำซาก และแตกต่างจากภาคก่อนมาก
ระบบการเล่นในเกม ยังคงเป็นแอคชั่น 2 มิติเช่นเดียวกับ 2 ภาคแรก ยังคงมีรูปแบบแอคชั่นเหมือนเดิม มาริโอยังคงต้องโดดเก็บเห็ด และเหยียบศัตรูเหมือนเดิม ทั้ง เห็ด ดาว และ ดอกไม้ไฟ ยังคงมีมาครบถ้วน แต่ที่เพิ่มมาและเป็นจุดเด่นคือนี่เป็น Mario ภาคแรกที่บินได้โดยเก็บไอเท็มใบไม้ นอกจากนี้ยังมี ไอเท็มพิเศษที่ มีช่วย Mario อีกมากมายเช่น ชุดกบช่วยให้ว่ายน้ำได้สะดวกขึ้น ชุดแร็คคูนสามารถแปลงร่างเป็นรูปปั้นได้ ชุด Hammer Bros ช่วยให้ Mario คว้างค้อนได้ นอกจากนี้ยังมีไอเท็มช่วยเช่น ปีก P ที่ทำให้ Mario บินได้ตลอดฉาก หรือเมฆที่ทำให้ผ่านด่านได้เลยไม่ต้องเล่น และขลุ่ยที่ช่วยเรา วารป์ข้าม World ได้ และภาคนี้ยังเป็นครั้งแรกที่ Mario มีกระเป๋าเก็บไอเท็มด้วย รวมทั้งหมดนี่เป็นมาริโอที่มีไอเท็มพิเศษ เยอะที่สุดเท่าที่เคยทำมาใน ซีรีย์นี้เลย
แถมด่านต่างๆมีความหลากหลายกว่ามาก จากเดิม Boss ในแต่ละด่านจะอยู่ในปราสาท มาคราวนี้นั่งเรือเหาะมาเลย แถมแต่ละด่าน บรรดาลูกๆคุปป้าก็ทำแสบ สาปบรรดาพระราชาของแต่ละ World ให้กลายเป็นสัตว์ต่างๆอีกต่างหาก ทำให้ Mario ต้องคอยตามแก้คำสาปกันอีก อีกทั้งในเกมเจ้าคุปป้ายังสร้างด่านที่โหดๆอย่าง ป้อมปราการ ปิรามิด รถถัง เรือรบ กับดักต่างๆในเกมจำนวนมาก ทำให้เกมมีความยาก แต่สนุกและเล่นได้นานคุ้มค่ามาก
กราฟิก ถ้ามองจากเกมยุคนี้ แน่ล่ะที่จะมองว่าไม่สวยและธรรมดา แต่เมื่อมองจากสายตาคนในยุคนั้นแล้วนี่เป็นเกมที่ภาพสวย และมีการพัฒนามากที่สุดเกมหนึ่ง ทั้งภาพที่มีแสงเงาและดูสมจริงมากขึ้น การเคลื่อนไหวของศัตรูก็ดูสมจริงมากขึ้น ถ้าเทียบกับเกมของ เครื่องแฟมิคอม ในสมัยนั้นเกมนี้ต้องติดอันดับภาพสวยที่สุดแห่งยุคได้แน่นอน
ระบบเสียงและเพลงในเกม ขึ้นชื่อว่า Mario Bros เพลงประกอบ ไพเราะติดหู และเป็นจัดเป็นเพลง คลาสสิก ได้แน่นอน เพราะจนทุกวันนี้ เพลงของ Mario ยังคงติดหู และสามารถ ฮัมเพลง Mario ได้ตลอดเวลา แม้จะเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน
สุดท้ายข่าวดี สำหรับผู้ที่ชอบ Mario Bros ในรูปแบบ 2 มิติแบบดั้งเดิม ทาง Nintendo ได้สร้าง New Super Mario Bros ที่เป็น Mario 2 มิติแต่เป็นเกมภาคใหม่ทั้งหมด ลงบนเครื่อง Nintendo DS จะวางจำหน่ายในเดือนพฤษภาคมนี้แล้ว
ความประทับใจที่มีต่อ Super Mario Bros 3 นั้นยากที่จะเขียนออกมาหมด แต่ถ้ามีคนถามผมว่าเกมในดวงใจ อันดับ 1 ตลอดกาลของผมคือเกมอะไร ผมตอบได้เต็มปากว่า Super Mario Bros 3 เป็นเกมที่ดีที่สุดเท่าที่เคยเล่นมา เพราะคุณค่าของ ของสิ่งหนึ่ง จะวัดได้จากไหน นักวิจารณ์ ? ยอดขาย? หรือรางวัล? ความจริงสิ่งที่น่าจะวัดคุณค่า คือ “เวลา” ที่เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าแม้เกมจะผ่านกาลเวลาไป เกือบ 18 ปีแล้วก็ตาม ความสนุก ตื่นเต้นที่ได้เล่น Super Mario Bros 3 ยังอยู่ในความทรงจำไม่เสื่อมคลาย
By Darth.vader
