"รูล ออฟ โรส" แค่คำว่าหลอนคงยังไม่พอ

---คลิกชมตัวอย่างเกม "Rule Of Rose" สดๆได้ที่นี่---

เกมเขย่าขวัญใหม่ล่าสุดจากโซนี่ ที่สร้างความฮือฮามาแล้วด้วยหนังตัวอย่างสุดสยอง แต่ระบบการเล่นของเกมจะหลอกหลอนผู้เล่นได้เหมือนกับภาพหรือไม่ ก็นับเป็นปริศนาที่ต้องตามไปไขกัน

เนื้อเรื่องของเกมเริ่มจากเด็กสาววัย 19 ปีที่ชื่อว่าเจนิเฟอร์ ขณะที่เธอนั่งอยู่บนรถบัสที่วิ่งผ่านสถานที่รกร้างนอกเมือง ก็ได้มีเด็กชายลึกลับมายื่นหนังสือ "เจ้าหญิงน้อย" ให้กับเธอและขอให้เธออ่าน แต่จู่ๆเมื่อรถหยุดเด็กชายก็ลงจากรถแล้ววิ่งหายไปในความมืด เจนิเฟอร์จึงตามเด็กชายไปและเรื่องราวทั้งหมดก็เริ่มขึ้น...

ตัวเกมมีการบังคับแบบง่ายๆด้วยการใช้อนาล็อกซ้ายเดิน,ปุ่มวงกลมใช้สำรวจสิ่งต่างๆ, R1 ค้างตั้งท่าต่อสู้แล้วกดวงกลมเพื่อโจมตี, R2 เปลี่ยนมุมกล้อง, Start เพื่อเข้าเมนู และ Select ดูแผนที่ (แต่ต้องหาแผนที่ให้เจอก่อน) มีหุ่นไล่กาเป็นจุดเซฟและใช้ถังขยะในการเก็บไอเทม ส่วนที่เหลือจะขอกล่าวในรายละเอียดต่อๆไป

การเล่นหลักๆจะเน้นไปที่การเดินสำรวจ,หาของ,หาเหตุการณ์เพื่อดำเนินเรื่องต่อไปเรื่อยๆ สถานที่ของเกมค่อนข้างกว้างถึงแม้จะจำกัดที่ๆเข้าได้ไว้ระดับหนึ่งแล้วก็ตาม การเดินเรื่องจะเป็นเส้นตรงโดยต้องใช้คำบอกใบ้หรือไอเทมในการหาทางไปต่อ ด้านการต่อสู้เกมจะไม่เน้นมากนัก ส่วนใหญ่สามารถเลี่ยงได้ยกเว้นระดับบอสหรือฉากที่บังคับให้สู้ซึ่งค่อนข้างเยอะในช่วงหลัง

การดำเนินเรื่องของเกมจะแบ่งเป็นบทย่อยๆไม่ค่อยยาวนัก (ถ้าไปถูกทางตลอด) ซึ่งจะไขปริศนาและความจริงของเกมออกมาทีละน้อย ฉากและสถานที่มีการเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ถึงแม้จะอยู่ที่เดิมแต่รายละเอียดปลีกย่อย อย่างประตูไหนเปิดได้เปิดไม่ได้ หรือของอะไรอยู่ตรงไหน จะเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดทุกบท จึงไม่ต้องยึดติดหรือจำทางอะไรมาก เมื่อขึ้นบทใหม่ก็เหมือนกับฉากใหม่ทั้งหมดเลย

เมื่อเล่นไประยะหนึ่งเราจะมีผู้ช่วยเป็นเจ้าหมาน้อย "บราวน์" ที่สามารถดมกลิ่นไอเทมเพื่อตามหาสิ่งต่างๆได้และเป็นผู้ช่วยสำคัญในการหาทางไปต่อ เมื่อได้ไอเทมอะไรมาก็เข้าเมนูใส่ของไว้ในช่อง FIND แล้วออกมากดปุ่มสามเหลี่ยม เจ้าหมาจะนำทางเราไปหาเป้าหมายซึ่งอาจเป็นได้ทั้งคน,สิ่งของสำคัญหรือแม้แต่พวกไอเทมฟื้นพลังทั่วๆไป นอกจากนี้ยังมีคำสั่งอื่นคือ ปุ่มกากบาทเป็นการสั่งให้ตามเรามา ปุ่มสี่เหลี่ยมเป็นการให้รอ และเจ้าหมายังสามารถช่วยเราหยุดศัตรูได้อีกด้วย แต่ตัวมันเองก็บาดเจ็บได้เหมือนกันจึงต้องระวังให้ดี

ระบบการต่อสู้ของเกมจะคล้ายกับเกมอื่นๆแนวนี้ตรงที่ต้องกดปุ่ม R1 ค้างไว้เพื่อเข้าสู่สภาพพร้อมต่อสู้ สามารถใช้อาวุธที่แบ่งได้ 2 ประเภทใหญ่ๆคือ อาวุธแทงสั้นๆอย่างมีด,ส้อมหรือที่เจาะน้ำแข็ง กับอาวุธฟาดยาวๆอย่างขวาน,พลั่ว เนื่องจากนางเอกเป็นแค่เด็กผู้หญิงอ่อนแอ การเคลื่อนไหวจู่โจมอะไรจึงค่อนข้างเชื่องช้า แต่ศัตรูเองก็ไม่ได้เร็วไปกว่าเราหรือมีลูกเล่นพิสดารเท่าใดนัก

ไอเทมเกมนี้แบ่งประเภทได้เป็นของกินเพิ่มพลังที่มีทั้งของเราและของเจ้าหมา, อาวุธต่างๆที่ใช้คำสั่ง Equip ได้, ไอเทมสำคัญต่างๆทั้งที่ใช้ผ่านฉาก และพวกของสะสมอย่างอื่นที่ไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องตรงๆ ผู้เล่นจะเก็บของติดตัวได้แค่ 12 ชนิดเท่านั้น แต่เกมมีระบบการจัดเก็บของที่สะดวกมากคือสามารถเลือกคำสั่ง DROP เพื่อทิ้งของที่เห็นว่าไม่จำเป็นได้เกือบทุกชนิด (แม้แต่ไอเทมในเนื้อเรื่องส่วนใหญ่) แล้วของที่ถูกทิ้งจะกลับไปอยู่ในถังขยะซึ่งย้อนกลับไปเอาได้เมื่อต้องการ

ระบบย่อยอีกอย่างหนึ่งในช่วงกลางๆเกมคือการหาของกำนัล ซึ่งตามเนื้อเรื่องหลักช่วงนี้จะเป็นการให้หาของเป้าหมายอยู่แล้ว แต่ผู้เล่นสามารถหาของอื่นๆไปแลกเป็นรางวัลได้ อย่างเช่น ริบบิ้น 4 อันจะแลกไอเทมเติมพลังได้ รวมถึงยังมีไอเทมลับบางอย่างที่ต้องไปหาของกำนัลมาแลกให้ครบอีกด้วย

จุดเด่นที่สุดของเกมนี้คือเนื้อเรื่องและการออกแบบสิ่งต่างๆในเชิงจิตวิทยา มีการจับเอานิทานเด็กหลายๆเรื่องมาดัดแปลงและสร้างปมเรื่องได้เป็นอย่างดี อย่างเช่น ซินเดอเรล่า,อลิสในแดนมหัศจรรย์,พ่อมดออซ การเดินเรื่องก็ทำออกมาได้บรรยากาศ โดยเฉพาะเด็กๆที่ใช้วิธีแสดงความหลอนออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ ส่วนสถานที่,ตัวละครและของประกอบฉากต่างๆก็ซ่อนความเป็นสัญลักษณ์และมีความหมายแฝงในตัวเอง ซึ่งถ้าใครติดตามเนื้อเรื่องทั้งหมดจนจบเกมจะเห็นได้ชัดเลยว่าสิ่งไร้เหตุผลทั้งหลายที่เจอมาตลอดนั้นสื่อถึงอะไรหลายๆอย่างทีเดียว

แต่ในแง่ลบ เกมมีข้อเสียในระบบการเล่นค่อนข้างมากจนแทบจะกลบข้อดีไปเลย เริ่มจากการโหลดที่ค่อนข้างบ่อยแบบห้องต่อห้องถึงจะไม่นานมากแต่การที่เกมเน้นสำรวจหาของทำให้ผู้เล่นอาจเซ็งกับการโหลดได้ และมุมกล้องของเกมที่บางครั้งตัดไปมาแบบกลับด้านจนชวนสับสน ประกอบกับการออกแบบฉากที่ดูไม่มีจุดสังเกตทำให้หลงทางได้ง่ายๆทีเดียว

ในส่วนของการสำรวจที่ต้องทำก็มีแค่หาของ,เดินจากจุดหนึ่งไปจุดหนึ่งซึ่งก็ยากตรงที่ต้องตามเนื้อเรื่องให้เจอเท่านั้น การแก้ไขปริศนาใช้ความคิดมีไม่ค่อยมาก และความลับอื่นๆในเกมก็ไม่ชวนให้ค้นหานักเพราะมีอะไรซ่อนอยู่น้อยเมื่อเทียบกับขนาดของฉาก ประกอบกับทางที่ผ่านได้บ้างไม่ได้บ้าง ยิ่งต้องเดินอ้อมไปมาโหลดบ่อยๆแล้วก็จบที่เจอทางตันหรือไม่เจอของอะไรเลย เมื่อเล่นไปสักพักจะเริ่มรู้สึกว่าไปตามเนื้อเรื่องอย่างเดียวจะดีกว่า

ฉากต่อสู้ของเกมก็จัดว่าเป็นปัญหาพอสมควรโดยเฉพาะการเล็งที่ทำได้ยาก ถึงยืนติดๆกันแต่เฉไปแค่เล็กน้อยก็พลาดและที่เป็นบ่อยคือศัตรูจะอยู่ในสภาพที่เราโจมตีไม่เข้า ประกอบกับการเคลื่อนไหวต่อสู้ที่เชื่องช้าของตัวเอกและมุมกล้องที่ผิดที่ผิดทางบ่อยๆ ทำให้ภาพรวมๆฉากต่อสู้ดูงุ่มง่ามและจัดว่ายากพอสมควร ยิ่งถ้าคิดถึงของเติมพลังที่มีจำกัดแถมส่วนใหญ่เติมได้แค่เล็กน้อย การต่อสู้ในเกมนี้จึงนับเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงจริงๆ

การใช้หมาสำรวจซึ่งดูจะเป็นจุดเด่น แต่ได้ใช้ประโยชน์หลักๆแค่การหาของตามเนื้อเรื่องหลักเท่านั้น ส่วนการให้หาไอเทมอื่นๆหรือของเพิ่มพลังธรรมดาก็อาจจะพาไปเดินอ้อมไกลหรือที่แย่กว่านั้นคือพาไปติดทางตันก็มีจนช่วงหลังๆแทบไม่ได้ใช้ ส่วนในการต่อสู้บางครั้งเจ้าหมาก็ไม่ได้ช่วยเรามาก หรือถ้าเดินไปติดอะไรเข้าจะยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูกไปเลย

ด้านของกราฟิกจัดว่าทำออกมาได้ดี การแสดงสีหน้าต่างๆเป็นธรรมชาติและมีมูวี่สอดแทรกให้ชมอยู่ตลอด แต่การออกแบบแผนที่เส้นทางเดินดูทื่อไปหน่อย ส่วนดนตรีประกอบนับว่าเข้ากับบรรยากาศเป็นอย่างดี แต่ในอีกแง่หนึ่งก็อาจกล่อมให้หลับได้ง่ายๆเช่นกันยิ่งถ้าเล่นเวลากลางคืน

ส่วนของภาษาญี่ปุ่นนับว่ามีส่วนมากในคำใบ้และบทสนทนาต่างๆ ยิ่งถ้าหลงแล้วการหาทางไปต่อจะเป็นเรื่องลำบากมาก ถึงแม้จะมีของประกอบฉากเป็นภาษาอังกฤษแต่ส่วนใหญ่ก็ตั้งใจทำมาให้เราอ่านคำบรรยายญี่ปุ่นมากกว่า ที่พอจะช่วยให้เล่นผ่านๆไปได้คือฉากเล่าเรื่องบางอันและการช่วยเหลือของเจ้าหมาเท่านั้น

"รูล ออฟ โรส" ถือว่าทำได้ดีในแง่ของเนื้อเรื่องและความน่ากลัว แต่เพียงแค่คำว่าหลอนยังไม่มากพอจะทำให้เกมนี้ไปรอดได้ ระบบการเล่นที่ติดขัดและไม่แปลกใหม่อาจทำให้คนเล่นวิ่งหนีไปตั้งแต่ช่วงแรก ทั้งที่ยังไม่ทันได้เห็นจุดเด่นอย่างเนื้อเรื่องของเกมซะก่อน

*Rule Of Rose จัดอยู่ในเรตสำหรับผู้ที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไปตามเกณฑ์ของ CERO โดยมีฉากที่แสดงถึงเลือด,ความรุนแรงและเรื่องทางเพศ และยังจัดเป็นเกมเขย่าขวัญที่อาจไม่เหมาะกับคนชรา,สตรีมีครรภ์หรือผู้ป่วยเป็นโรคหัวใจ

เกมการเล่น	7.0
กราฟิก	8.3
เสียง	8.3
ความคิดสร้างสรรค์	7.2
ความคุ้มค่า	อยู่ที่เนื้อเรื่อง
ภาพรวม	7.7