---คลิกชมภาพยนตร์ตัวอย่างเกมสดๆได้ที่นี่---
ตอนใหม่ล่าสุดของเกมชุด Castlevania หรือที่คนไทยเราเรียกกันติดปากว่า"แส้" ซึ่งการกลับมาในครั้งนี้อาจต่างจากภาพลักษณ์เดิมๆที่เคยรู้จักกัน ด้วยการยกเครื่องเป็นเกม 3 มิติเต็มขั้นอีกครั้งหนึ่ง โดยยังพยายามคงกลิ่นอายเดิมๆเอาไว้
เนื้อเรื่องในภาคนี้ Dracula ได้ตายไปแล้ว แต่คำสาบของเขายังคงอยู่ในดินแดนที่ชั่วร้ายนี้ เรื่องทั้งหมดเริ่มขึ้นเมื่อตัวเอกของเกม Hector นักหลอมปีศาจที่อดีตเคยรับใช้ Dracula ได้สูญเสียคนรักไปด้วยฝีมือของ Isaac นักหลอมปีศาจอีกคนหนึ่งผู้ยังคงภักดีต่อ Dracula ซึ่งคิดจะใช้ประโยชน์จากพลังของ Hector โดยวางแผนให้ Hector ไล่ล่าเขาไปในดินแดนที่เต็มไปด้วยภูตผีปีศาจและค่อยๆฟื้นคืนความสามารถของนักหลอมปีศาจที่ Hector ได้ทิ้งไปแล้ว
ระบบการเล่นในภาคนี้เป็นการทำแบบ 3 มิติทั้งหมดอีกครั้ง โดยภาพรวมออกมาคล้ายเกมแอคชั่นทั่วไป ตัวเอกถืออาวุธได้หลายชนิด มีท่าโจมตีเป็นคอมโบต่างกัน มีท่าพิเศษ ป้องกัน หลบหลีก สามารถล็อกเป้าศัตรูตัวใดตัวหนึ่งได้และมุมกล้องที่ต้องปรับเอง แต่ที่ต่างจากเกมทั่วไปที่มีเกลื่อนตลาดคือองค์ประกอบของเกม RPG ตั้งแต่การโจมตีศัตรูที่จะเห็นตัวเลขความเสียหายขึ้น การเก็บไอเทมและค่าประสบการณ์จากศัตรูเพื่อเพิ่มความสามารถของตัวเอก รวมไปถึงอาวุธชุดเกราะที่มีให้เลือกใช้กันมากมาย
ความสามารถของ Hector จะเพิ่มขึ้นเมื่อเล่นไปเรื่อยๆเช่น การกลิ้งตัวหลบ การทำคอมโบหรือร่วมโจมตีกับภูตรับใช้ แต่ที่โดดเด่นอย่างหนึ่งคือการขโมยของจากศัตรู ซึ่งสามารถทำได้กับศัตรูเกือบทุกชนิดแม้แต่ระดับบอส ด้วยการล็อกเป้าศัตรูแล้วรอจังหวะที่เครื่องหมายเปลี่ยนเป็นสีม่วงจะสามารถเข้าไปขโมยของได้ แต่จังหวะจะต่างกันไปในศัตรูแต่ละตัวหรือบางครั้งอาจต้องสร้างจังหวะเองเช่น ทำให้ศัตรูกระเด็นขึ้นฟ้า หรืออัดให้ตกจากหลังม้า ช่วยให้ผู้เล่นต้องมีอะไรให้ทำตลอดทั้งเกมเมื่อเจอศัตรูใหม่ๆ และสามารถหาไอเทมที่ต้องการได้ง่ายกว่าการรอพึ่งดวงล้วนๆแบบเกมอื่น
จุดเด่นอย่างหนึ่งของภาคนี้คือ Innocent Devils ซึ่งเป็นภูตรับใช้ที่คอยติดตามช่วยเหลือผู้เล่นทั้งการต่อสู้ เพิ่มค่าพลังต่าง สามารถสั่งการได้ง่ายๆด้วยปุ่มทิศทาง รวมถึงถ้าใครไม่ชอบคำสั่งยุ่งยากอาจตั้งเป็นออโต้ซึ่งภูตจะตัดสินใจเองตามสถานการณ์ได้ ภูตเหล่านี้บางตัวจำเป็นต่อการผ่านฉากต่างๆเช่น ช่วยเปิดประตู เปิดกล่องสมบัติ พลังของภูตเหล่านี้จะมาจากไอเทมรูปหัวใจซึ่งได้จากศัตรูแทบทุกชนิดในเกม จึงสามารถใช้ได้เรื่อยๆ และยังสามารถเก็บค่าประสบการณ์และผลึกเวทย์มนตร์เมื่อร่วมต่อสู้กับเราเพื่อพัฒนาตัวเองไปได้หลากหลายแบบตามที่เราต้องการ และจะมีความสำคัญเพิ่มขึ้นมากในช่วงท้ายๆเกม
ส่วนสำคัญอีกอย่างของเกมนี้คือการหลอมอาวุธชุดเกราะขึ้นมาใช้เอง ซึ่งสามารถทำได้ทุกเมื่อไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในเกม วัตถุดิบที่ใช้มีทั้งแร่ธาตุที่ได้จากศัตรูซึ่งส่วนใหญ่หาได้ไม่ยาก ยกเว้นบางชิ้นที่เป็นระดับสูง หรือนำเอาอาวุธชุดเกราะเดิมที่มีอยู่มาหลอม ทำให้มีตัวเลือกในการใช้อาวุธหลายชนิดได้ง่ายๆโดยไม่ต้องเสียเวลานาน ส่วนรายชื่อของที่สร้างได้จะออกมาทันทีที่มีของในมือ ไม่จำเป็นต้องผสมลองผิดลองถูกหรือไปหาสูตรให้วุ่นวาย
ศัตรูในเกมมีรูปแบบหลากหลายในตอนแรก แต่เมื่อเล่นไปนานๆจะพบว่ารูปแบบเริ่มวนกลับมาใช้ซ้ำบ้าง ทำให้บางคนอาจเบื่อกับการเดินวนๆไปมากับศัตรูเดิมๆอย่าง อัศวินถือโล่ต้องอ้อมไปตีข้างหลัง หรือผีดิบจำนวนมากที่ยืนอืดๆให้เราฟันกวาด ประกอบกับฉากที่ส่วนใหญ่เป็นพื้นโล่งๆไม่มีลูกเล่นหรือกับดัก ถึงจะเปลี่ยนสถานที่ไปเรื่อยๆอย่างภูเขา บ่อน้ำ ต่างจากภาคก่อนๆที่อยู่ในปราสาทเดียว แต่เวลาเล่นแล้วกลับรู้สึกว่าเปลี่ยนแค่กราฟิกเท่านั้น ไม่ให้ความรู้สึกว่าแปลกใหม่เลย ส่วนของมุมกล้องแบบล็อกเป้าทำออกมาค่อนข้างแย่ โฟกัสแต่ศัตรูจนผู้เล่นมองฉากลำบาก ขณะที่มุมกล้องปกติผู้เล่นต้องปรับเองก็ค่อนข้างจำกัด อย่างไรก็ตาม แผนที่ของเกมค่อนข้างใช้ง่ายช่วยให้ไม่หลงทาง และยังคงมีการย้อนกลับมาสำรวจแผนที่เดิมเมื่อมีความสามารถเพิ่มขึ้นตามแบบภาคก่อนๆ
กราฟิกของเกมจัดว่าค่อนข้างดี โดยจะเห็นรายละเอียดได้ชัดในฉากเล่าเรื่อง แต่ในการเล่นจริงยังดูธรรมดา ฉากและศัตรูส่วนใหญ่ออกแบบมาไม่ค่อยน่าประทับใจ ยกเว้นระดับบอสที่นับว่าดี ส่วนของเสียงดนตรีประกอบยังคงทำออกมาหลอนและได้บรรยากาศตามสไตล์เกมชุดนี้เหมือนเคย
โดยรวมแล้ว เกมสามารถเล่นได้นานด้วยองค์ประกอบอย่างการค้นหาไอเทม เก็บค่าประสบการณ์และพัฒนาภูตรับใช้ แต่ถ้ามองว่าเกมนี้เป็นแอคชั่น 3 มิติอาจจะยังไม่ดีเท่าหลายๆเกมในตลาดเนื่องจากขาดความท้าทายและต้องใช้เวลาเดินวนกับฉากและศัตรูเดิมบ่อยๆ ขณะที่แฟนๆเกม Castlevania อาจจะมองว่าค่อนข้างดี แต่ภาคนี้ยังคงขาดเสน่ห์เฉพาะของเกมชุดนี้หลายๆอย่าง
| เกมการเล่น | 8 |
| กราฟิก | 8.5 |
| เสียง | 8.5 |
| ความคิดสร้างสรรค์ | 7 |
| ความคุ้มค่า | ถือว่าคุ้มถ้าเป็นแฟน Castlevania |
| ภาพรวม | 8 |
BY.."JACK FROST"
