ในช่วงวันหยุดยาวของคนไทย เนื่องในวันสงกรานต์นี้ ทาง “ผู้จัดการเกม” ได้รับอีเมล์จาก "หนุ่ย พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์” พิธีกรคนเก่งและอารมณ์ดีที่พลิกผันตัวเองมาทำเกม เพื่อสานความฝันของตัวเองและคนไทยอีกหลายๆคนที่คิดจะทำเกมบ้างสักครั้งในชีวิต เราเห็นว่าบทความนี้น่าสนใจในแง่การบุกไปเปิดตลาดเกมยังต่างแดนของคนไทยตาดำๆคนหนึ่ง คงเป็นการถ่ายทอดประสบการณ์ที่ดีส่วนหนึ่งให้กับคนไทยอีกหลายคนได้รับทราบแบบสไตล์เป็นกันเอง
...................................
“สวัสดีครับ ผู้จัดการเกม”
ผม "หนุ่ย" พงศ์สุข นะครับ... ตอนนี้ผมอยู่ กรุงโซล เกาหลีครับ..มาตั้งแต่วันพฤหัสฯแล้ว... อยู่นี่นอกจากจะหนาว, ฝนตก ได้เจอสาวๆสวยบ้างไม่สวยบ้าง เหมือนจอน จี ฮุน บ้าง ไม่เหมือนบ้าง..แต่ก็ยังได้เข้าเว็บ Manager ทุกครั้งที่มีโอกาสออนไลน์ครับ(โรงแรมที่นี่ให้ใช้อินเทอร์เน็ตฟรี... Wifi ในอากาศก็มีมากแต่ใช้ไม่ค่อยได้แฮะ) เมื่อครู่ก็เข้าไปอ่านคอลัมน์หลายๆหน้าในผู้จัดการเกมเลยคิดไปเลยเถิดว่าไอ้เรื่องราวที่เราประสบพบเจอมาน่าจะเล่าผ่าน Manager ได้..
ผมมาเกาหลีครั้งนี้ ด้วยภารกิจ "ขายเกม" ครับ...เริ่มอาชีพเป็นเซลล์แมนขายเกมมาตั้งแต่หลังงาน TAM แล้ว...เพราะไอ้ซุปหม้อร้อนที่ชื่อ "Tom-Yum-Goong" นี่แหละก็เลยได้เพื่อนร่วมโลกใหม่ๆเพียบเลย...
ผลจากการเดินทางครั้งนี้ก็เป็นอานิสงส์จากเมื่อเดือนก่อนที่รับรองชาวอเมริกันและชาวเกาหลี 2 คน จากบริษัท Go Pets Ltd. ตอนที่เขาพำนักกันอยู่ที่เมืองไทย เพื่อมาติดต่อหา Partner ในบ้านเราเพื่อทำตลาดซอฟต์แวร์ Go Pets สัตว์เลี้ยงหน้าจอ คอนเซ็ปท์ใหม่ในโลก(www.gopetslive.com) ตอนครั้งนั้น ผมกับพวกก็พาเขาไปหาบริษัทต่างๆได้เยอะมาก เกินกว่าที่เขาคาดคิดไว้ (ประมาณว่ามันได้คุยกับบริษัทเว็บทั่วทั้งประเทศเราได้)
มาคราวนี้ เขาก็เลยอยากจะตอบแทนเรา โดยการนัดบริษัท Circle of Confusion บริษัทผู้ลงทุนทำเกมจากหนังในอเมริกาหลากหลายเกม หนึ่งในนั้นก็ Matrix และยังมีโครงการเอาเกม Ragnarok มาสร้างเป็นหนังใหญ่อีก(ผมก็เลยสนับสนุนไปว่าให้เอา ลีโอนาโดมาเล่นด้วยซะเลย :)
การประชุมวันแรกของเรากับ D.A และ Rick จาก Circle of Confusion ผ่านไปด้วยดี เขาชอบเกมเรา เขาดีใจกับเราที่เราได้ถือลิขสิทธิ์คาแรคเตอร์ที่น่าทึ่งอย่าง Tony Jaa (ซึ่งชื่อนี้ พอบอกกับใครก็ตามที่ได้คุย หน้าตาพวกเขาจะตื่นทองอเมซิ่งไทยแลนด์ กันทุกๆครั้ง)
แต่...เขาก็แนะนำว่า เกมเราไม่ควรจะ"ขาย"ในอเมริกาเพราะมันฟัดกับเกมโลกไม่ไหว ถึงแม้เราจะใช้โทนี่จา ฟัดก็ตามหากจะขายเป็นเกมถูกๆ ก็ไม่คุ้มกับการเอาคาแรคเตอร์โทนี่จา ซึ่งกำลังครุกรุ่นได้ที่ มาย่ำยี มีแต่จะทำให้ "เสียราคา" ในอนาคตเปล่าๆ พร้อมกันนี้ เขายกตัวอย่าง เกม "Devil May Cry" ที่ทำภาคสองออกมาแย่กว่าภาคแรกจนส่งผลให้ภาคสาม (ซึ่งดีกว่าภาคสอง) ไม่ได้รับความนิยมมาก เพราะเกมเมอร์"หมางใจ" ไปแล้ว..
เลยได้รับคำแนะนำว่าให้ "แถม" ไปซะ... เราฟังแล้วก็อึ้งไปเหมือนกัน จะให้แถมกับคอนเฟ็คเร๊อะไอ้กัน!?!? เราทำเกมมาตั้งนาน!!! คำตอบคือแถมกับ DVDองค์บากหรือ ต้มยำกุ้งไปซะ เพราะไอ้กันเวลาได้ของแถมจะชื่นชมสรรเสริญ ไม่ด่าซักแอะ ดีไม่ดี Gamespot.com อาจเขียนเชียร์อีก...
อย่างไรก็ดี ข่าวดีที่เราได้รับก็คือ Circle of Confusionรับปากจะเชิญแขกเหรื่อ ที่อยู่ในเครือการลงทุนของเขามาดูการพรีเซ็นต์ของเราในงาน "E3" มหกรรมเกมโลก ใน LA เดือนพฤษภาคมนี้!!!และจะพยายามเต็มที่ในการสานต่อโปรเจคให้
วันแรกผ่านไป วันที่สองเรามาคุยต่อกับ Erik Bethke เจ้าของบริษัท GoPets Ltd.เขาเป็นโปรแกรมเมอร์ตัวกลั่นของวงการเกม PC เมื่อ 5 ปีก่อน (ลอง serachชื่อเขาใน Google จะพบว่า เขามีโปรไฟล์ในวงการ Game Dev. คนข้างเยอะและแต่งหนังสือ Game Development & Production...ซึ่งผมได้เป็นของฝากมาเล่มหนึ่ง)
สำหรับ GoPetsซอฟต์แวร์สัตว์เลี้ยงหน้าจอ แนวใหม่ของเขาผมเห็นแล้วก็ชอบมากตั้งแต่อยู่เมืองไทยแล้ว ผมว่ามันพอฟัดกับ MSN Mesenger ได้เพราะไม่ต้องเสียเวลาเล่นมาก แถมตอนเราออฟไลน์หรือปิดเครื่องไปสัตว์เลี้ยงของเราก็ทำหน้าที่เป็นทูตานุทูต ไปหาเพื่อนใหม่ๆ จากทั่วโลกมาให้ได้ตลอด (ทดลองเล่นได้แล้วครับตอนนี้) ข่าวดีก็คือซอฟต์แวร์นี้จะเข้าเมืองไทยแน่นอนและผมจะเป็นผู้ช่วยทำตลาดให้เขาในช่วงแรกนี้...
หลังประชุมเรื่อง GoPets เสร็จ Erik ก็บอกผมว่าเขาจะออกหนังสือสอนเขียนเกมเล่ม 2 ให้ผมช่วยส่งข้อเขียนซัก 2 หน้าเขียนถึงความข่มขื่น เอ๊ย~! ปัญหา,สิ่งที่ได้ จากการทำเกม Tony Jaa Tom-Yum-Goong : The Game" หนังสือเล่มนี้จะเหมือนเล่มแรก คือ ขายทั่วโลกผมดีใจมากเลย.. เดี๋ยวจะรีบปั่นต้นฉบับให้นะ Erik :)
วันที่สาม วันเสาร์ เช้าวันนี้ผมตาสว่างแต่เช้าเนื่องจากคืนก่อนไม่ได้นอนนั่นเอง Erik, D.A, Rick และเพื่อนที่แสนดีของเรา Tyler พาผมและคณะ (อีก 1 ท่าน) ไป Night Club ยันเกือบสว่างเป็นประสบการณ์ที่ตลกดี เพราะอยู่เมืองไทย ผมก็ไม่ได้ท่องเที่ยวแบบนี้เลย...แต่ที่ดีมากๆ คือมันกระชับสัมพันธ์ระหว่างเรากับเกาหลีและอเมริกันมากๆ สังเกตได้อย่างคือการประชุมกับทั้งฝรั่งและเกาหลีแต่ละครั้งจะจริงจังกับงานมากๆ แต่เมื่อตกเย็น เลิกงาน เขามีมุมชีวิตอีกแบบที่รีแล็กซ์และสบายมากๆ ไปเที่ยวได้แบบไม่ต้องคุยเรื่องงาน ...สนุกกันแบบเพื่อนๆสมัยมัธยม ขำกลิ้ง กุ๊กกุ๋ยกันไปเรื่อยผมเลยได้เพื่อนเพิ่มมาตั้งหลายคนจากการเดินทางครั้งนี้ :)
สำหรับวันเสาร์ ผมได้เจอ Jeff Ryu กับ Chanjoon Kim สองคนนี้ทำเกมออนไลน์ โดยขาอีกข้างของ Jeff อยู่ใน Korea Game Academy ด้วย...เราสนทนากันในร้านกาแฟ Tom N Toms ที่คนออกแบบร้านโดนผีสตาร์บั๊คเข้าสิงในคืนวันออกแบบ แต่มีเทคโนโลยีที่เด็ดมากคือ "Wireless Alert" คือเมื่อสั่งจะได้จานบินมาอัน แล้วให้มานั่งรอที่โต๊ะเมื่อกาแฟได้ ไอ้จานนี้มันจะสั่น ทำให้ลูกค้าทีภักดีอย่างเราเดินต้วมๆกลับไปรับกาแฟจากท่านคนขาย...
กลับมาเรื่องที่สนทนาต่อ หลังจากเปิด Teaser และเกมฉากแรก (ฉบับปรับปรุงใหม่ที่ผู้จัดการเกมยังไม่ได้เห็น) Jeff กับ Chanjoon ก็ยิ้ม แล้วบอกว่า"ฉันทึ่งกับไทยเทคโนโลยีจริงๆ" เพราะเขาไม่คิดมาก่อนว่าคนไทยจะทำเกมได้(คิดว่าซื้อเป็นอย่างเดียว) เขาดีใจที่เราจะเป็นอีกหนึ่งประเทศในเอเชียที่ช่วยกันผลักดันอุตสาหกรรมเกม..
แต่... ทั้ง Jeff และ Chanjoon ให้ความเห็นว่า เราต้องทำเป็นออนไลน์เพราะตลาดเกม PC Offline ในเกาหลี ได้ "ตายสนิท" ไปแล้ว..ก่อนที่ผมจะได้รับคำนี้ Tyler เพื่อนเกาหลีของผมคนที่จัดแจงทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับการเจรจาธุรกิจครั้งนี้ จับแขนผมและใช้แรงบีบแสดงอาการจริงใจสุดแรงเกิดว่า "หนุ่ย... เกมของยูดีมาก...ไอรู้ว่ายูต้องการอะไร ไอรู้ว่ายูอยากให้โลกรู้ว่าคนไทยทำเกมได้ ...แต่ยูต้องผสานกำลังกับเกาหลี แล้วทำออนไลน์ หากยูยังอยากขายเกมนี้ในเกาหลี!!"
ใช่ครับ... ผมเคยปฏิเสธ Tyler ไปแล้วครั้งหนึ่ง ตอนที่เขาเคยแนะนำผมตอนอยู่เมืองไทยว่าให้ไปหา คนเกาหลี, ญี่ปุ่นหรือชาติไหนก็ได้ ที่มันเคยปิดเกมใหญ่ๆ มาแล้ว (หมายถึงทำงานในโปรดักชั่นจนจบ) มาช่วยเราปิดโปรดักชั่น TYG ไม่งั้นเราจะหลงทาง และเสียเวลามาก แต่ผมก็บอกเจตนารมณ์ไปว่า หนังมันเป็นหนังคนไทยทำ 100% เกมก็เลยใช้คนไทย 100% เหมือนกัน เราไม่ได้คาดหวังว่าจะเป็นเกมที่ดีที่สุด หรือสู้ Hardcore Gameได้ แต่เราอยากโชว์ฝีมือคนไทยน่ะ"
ความคิดผมอาจผิดก็ได้นะ.. แต่ไม่รู้สิ โปรเจคนี้คิดในบางอารมณ์มันก็เหมือนทำทีมนักกีฬาส่งโอลิมปิกเหมือนกัน...ตอนนี้เหลือเวลาอีก 3 เดือน เกมจะต้องปิดโปรเจคเพื่อเตรียมวางจำหน่ายดูจะไม่ค่อยมีความหวังซักเท่าไหร่ กับการปรับเอ็นจิ้นเกมตามที่ Jeff เสนอ (เขาเสนอว่ารัฐบาลเกาหลีมี เกมเอ็นจิ้นให้ใช้ฟรี พร้อมเงินสนับสนุน แต่ต้องมาตั้งรกรากทำในเกาหลี และใช้คนเกาหลี)
เมื่อไม่มีความหวังด้านนี้ ก็เหมือนจะไม่มีความหวังในการขาย TYG ในตลาดเกาหลีไปด้วย นอกจากการทำเป็น"ของแถม" เท่านั้นหรือ???
เรื่องราวการเดินทางของ TYG หรือ Tony Jaa Tom-Yum-Goong : The Game ในตลาดโลกยังไม่จบเพียงเท่านี้ ยังมีด่านให้พิสูจน์อีกหลายด่านในเดือนหน้า "E3"....วันนี้ลาไปก่อน ...สวัสดีครับ!
By..."หนุ่ย พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์”
www.gamenolimit.com