ห่างหายกันไปนานสำหรับคอลัมน์อันกระจอกงอกง่อยของผม เนื่องจากความจำเป็นบางอย่างในหน้าที่การงาน คราวนี้ขอแค่นำความรู้สึกสั้นๆที่บังเอิญได้ไปเจอกระทู้หนึ่งในพันธุ์ทิพย์ที่โดนใจนำมาเล่าสู่กันฟัง หลังจากก่อนหน้านี้เคยร่ายคาถากับเรื่องยาว “พ่อ-แม่-ลูก” จูนสมองไขปัญหาอาการ “ติดเกม” มาแล้ว
เอาล่ะต้องขอขอบคุณน้อง Desert Eagle ที่หยิบยกประเด็นให้คนมาถกเถียงกันในพันธุ์ทิพย์ จนได้รับรู้ความจริงว่ายังมีผู้ใหญ่อีกหลายคนอายุมากกว่า 30 และมีหน้าที่การงานดีๆยังนั่งคลิกเมาส์ กดจอยสติ๊กกันอยู่เลย
ผมขอยกข้อความของหลายๆคนมาให้อ่านกันเพื่อเป็นตัวอย่าง (บางคำก็ต้องตัดออกไปบ้างนะครับ โปรดอย่าว่ากันถ้าไม่เหมือนเป๊ะๆ) ดังนี้ อย่างคุณเต่าคลาน บอกว่า “พี่ชายเราอายุ 52 ปี 1 คน และ 40 กว่า ๆ 1 คน..ทำงานกันหมดแล้ว..ยังเล่นเกมอยู่เลย ไม่กินเหล้า..ไม่สูบบุหรี่..ไม่เที่ยว..วันหยุดก็พาครอบครัวไปเที่ยว ตจว.บ้าง..เขาแบ่งเวลาถูก..โตแล้วยังจะเล่นเกม..ไม่เห็นจะเกี่ยวเลย..มันเป็นความสุข..ไม่เล่นเกม..แล้วจะให้ไปเล่นยาเหรอ..ทำไมไม่ย้อนเพื่อนมันไปเลย..ถ้าเล่นแล้วแบ่งเวลาเป็น..มันไม่เสียหายอะไรนี่นา...
คุณงาบอกว่า เขาอายุ 25 ทำงานอาชีพวิศวกร ยังเล่นเกมอยู่เลย
“32 ลูกสามแล้ว อยากเล่นก็เล่น” Live In Minas Tirith กล่าว
ด้านAsian (giger) แสดงความเห็นว่า ผมเรียนจบแล้วครับ ทำงานแล้วด้วย แต่ก็ยังเล่นเกม ไม่เห็นเดือดร้อนใคร งานที่ทำก็ดูแลระบบ network ผมไม่เห็นว่าเกมจะทำให้ผมเสียผู้เสียคนตรงไหน รู้จักดูแลและแยกแยะหน่อยก็แค่นั้นเอง
“ผม 25 อาชีพวิศกรคอมพ์ แล้วก็ยังนั่งเล่นอยู่ทุกวี่วัน โดยเฉพาะวินนิ่ง โอ้วมันจริงๆ
โดยปรกติเล่นหมดครับทั้ง ps2 และ pc” จากคุณ Zeron
Wahaha Man เล่าว่า ผมอายุ 32 ปีแล้ว ผมจบวิศวคอมก็เพราะเกมนี่( หมายความว่าเกมเป็นตัวกระตุ้นทำให้ผมอยากเป็นคนสร้างเกมเลยอยากเรียนทางด้านนี้ ถึงแม้ปัจจุบันไม่ได้เป็นคนที่สร้างเกมก็ตาม ) ตอนนี้ก็เป็นเจ้าของกิจการ ผมก็ยังเล่นครับ ทั้งเกมคอมฯ และเกมConsole ครับ การเล่นเกมเป็นการคลายเครียดของผมนะครับ ไม่เห็นจะปัญญาอ่อนตรงไหนเลยครับ
ส่วนคุณตุ๊ก็ได้ให้ความเห็นว่า แล้วแต่ความชอบของแต่ละคน ตอนนี้ผมก็อายุ 40 แล้ว แต่ก็ยังเล่นเกมอยู่ ในความคิดของผมการเล่นเกมก็เป็นการผ่อนคลายอย่างหนึ่งเหมือนกันและการเล่นเกมผมว่าก็เป็นการเพิ่มทักษะ หลาย ๆ อย่างเหมือนกันนะครับ อย่างที่เมืองนอกเขาทำวิจัยกันไว้ และอีกอย่างใน อเมริกา ก็ใช้เกมกับการฝึกทหาร วิจักกันมาแล้วว่าได้ผลในระดับหนึ่งเหมือนกัน อย่าคิดมากนะครับแล้วแต่ความชอบของแต่ละคนละกัน
สุดท้ายเป็นความเห็นจากพี่หมี ขาประจำเว็บบอร์ดเกมในพันธุ์ทิพย์แสดงความเห็นว่า ผมว่าเกมก็เป็นศิลปะอย่างหนึ่งครับ คนเราถ้าจะมีความสุนทรียภาพทางด้านอารมณ์ได้นั้นก็ต้องเสพศิลปะ ไม่ว่าจะเป็นหนัง เพลง หนังสือ ภาพวาด การ์ตูน อะไรก็แล้วแต่ รวมถึงเกมด้วย ผมว่าในยุคปัจจุบัน เกมมีการทุ่มเทในรายละเอียดหลายๆด้านที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการสร้างหนังเลยทีเดียวครับ เพราะฉะนั้นมันจึงเป็นอะไรที่ศึกษาหรือวิเคราะห์เหมือนกัน แถมยังได้ความบันเทิงด้วย ในฐานะที่ผมจบออกแบบมาทำให้เวลาเล่นเกมผมจะดูรายละเอียดต่างๆเช่น ฉาก หรือ Texture แสงเงา โทนสี แล้วศึกษาตามไปด้วยครับ และยังได้ความสนุกอีก ผมว่าผมคงไม่เลิกเล่นง่ายๆหรอกครับ ตอนนี้ 24 แล้ว
สำหรับตัวผมเองอายุก็แม้จะไม่มากเหมือนหลายๆคน แต่ผมก็เล่นเกมมาตั้งแต่เด็ก จำได้ว่าตอนนั้นยังทะเลาะถูกพี่ๆแย่งเล่นเกมจนทั้งทีวี เครื่องเล่นเกมพังไป 2-3 เครื่อง เพราะว่าจอยแพดมันใช้การไม่ได้ แผ่นยางรองปุ่มข้างในมันยับเยิน ขาดกระจุยไม่มีชิ้นดี เวลากดจะไม่ค่อยไป จนต้องลงมือถอดเกมเปลือยจนรู้หมด เลยว่ามันต้องซื้อแผ่นยางรองปุ่มมาเปลี่ยนใหม่ ต่อจากนั้นเลยทำให้ตัวเองสนใจทางด้านอิเล็กทรอนิกส์ เรียกได้ว่าบ้าไปพักใหญ่ และเริ่มเขียนแผ่นลายวงจรอิเล็กทรอนิกส์ง่ายๆได้เอง ซื้อแผ่นทองแดงหรือที่เรียกว่าแผ่นปริ๊นซ์ มากัดให้ทองแดงส่วนเกินหลุดออกด้วยกรด เคลือบแผ่นด้วยยางสนที่ทำเอง บัดกรีอุปกรณ์ต่างๆลงบนแผ่นวงจร เรียกว่ารู้เรื่องอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เป็นอย่างดี
จากนั้นก็เริ่มหันมาสนใจคอมพิวเตอร์แทน (ยาวครับ ถ้าจะเล่าจนจบ) สรุปว่าเกมนี่แหละที่เป็นจุดเริ่มของความเท่าทันเทคโนโลยีสำหรับผมเลย และหลังจากที่แวบไปประเทศเกาหลีมา และได้เห็นพฤติกรรมของคนในบ้านเมืองเขา ก็เห็นได้ว่าการเล่นเกมนั้นมันเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตไปแล้ว บ้านเมืองเขาก็ใหญ่โต เป็นระเบียบเรียบร้อย เต็มไปด้วยเทคโนโลยีที่เรายังไม่มี ทุกคนมีเกมโปรดประจำตัวที่จะแสดงอาการชื่นชอบมาทางการแต่งตัวได้อย่างไม่เขินสะเทิ้นอาย บนห้างก็มีมุมเครื่องเกมคอนโซลเอ็กซ์บ็อกซ์จากไมโครซอฟท์ เกมคิวบ์จากนินเทนโด ให้ทดลองเล่นกันฟรีๆ ผิดกับเมืองไทยที่ยังไม่มีใครกล้าเข้ามาลงทุนแบบจริงๆจังๆ เพราะยังมีการละเมิดลิขสิทธิ์อยู่อีกมาก เนื่องจากแผ่นเกมมีราคาแพงกว่าที่คนไทยจะพอเจียดเงินไปซื้อได้
ฉะนั้นเลยอยากทุกคนที่ได้เข้ามาอ่านได้ร่วมกันแสดงความเห็นกันทางด้านล่าง เพื่อบอกให้อีกหลายๆคนรับรู้ว่า การเล่นเกมมันไม่ได้ปัญญาอ่อน ไม่รู้จักโต ครอบครัวแตกแยกมีปัญหา หรือทำให้การเรียนเสีย อย่างที่หลายๆคนพยายามโทษเกมกันอยู่ทุกวี่ทุกวัน ขอให้ยึดคติว่า “เล่นเกมได้ แต่อย่าให้เกมมาเล่นเรา” เท่านั้นก็พอ อายุไม่เกี่ยว มันกันได้ทุกวัยอยู่แล้วครับ ส่วนใครอยากจะออกมาคัดค้านก็ไม่ว่ากัน
By..CMMAN