xs
xsm
sm
md
lg

“พ่อ-แม่-ลูก” จูนสมองไขปัญหาอาการ “ติดเกม”

เผยแพร่:   โดย: CMMAN


หลายๆคนอาจจะมองว่า “เกม” คือหนึ่งในปัญหาหนักอกของผู้ปกครองที่ต้องเผชิญกับปัญหายามที่ลูกๆเติบโตขึ้น พ่อแม่หลายคนกังวัลปนวิตกจริตเป็นกระต่ายตื่นตูมต่างๆนานา บ้างหาหนทางกีดกันบุตรหลานให้ห่างไกลจากเกมให้มากที่สุด เพราะกลัวว่าลูกจะอยู่ในกลุ่มที่สังคมทุนนิยมตั้งขึ้นชื่อไว้ว่า“พวกเด็กติดเกม” ซึ่งมันดูแย่มากราวกับการติดยาเสพย์ติด ถึงขั้นวิเคราะห์กันล่วงหน้าว่ามันจะทวีจำนวนมากขึ้น และกลายเป็นปัญหาที่น่าห่วงมากขึ้นทุกวัน ทั้งๆที่ไม่ได้มองว่าสาเหตุที่แท้ตริงมาจากอะไร

ถึงผู้ปกครองที่เคารพ

แม้ว่าตนเองจะรู้สึกประหลาดใจทุกครั้งที่เกิดมีข่าวไม่ดีเกี่ยวกับการที่มีเด็กๆไปกระทำผิดแล้วอ้างว่าเป็นผลสืบเนื่องมาจาก “เกม” จนขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ใหญ่โต บางทีถึงขั้นไปออกรายการ “ถึงลูกถึงคน” กันเลย เล่นเอา รมต.ที่เกี่ยวข้องเต้นผางเป็นเจ้าเข้า เร่งหามาตรการป้องกันแบบสายฟ้าแลบ เขาเรียกกันว่า “วัวหายล้อมคอก” แทนที่จะออกกฎกับบริษัทเกมมาตั้งแต่ต้นแล้ว ชุ่ยตั้งแต่หัวแถวแล้วท้ายแถวจะเป็นระเบียบได้อย่างไร ทั้งนี้ เมื่อเรากลับมาคิดดีๆแล้วนั้น มันเป็นเพียงเด็กส่วนน้อยเท่านั้นที่จะเป็นแบบนั้นได้ เชื่อว่าผู้ใหญ่หลายคนก็เคยติดเกมมาก่อนเช่นกัน แต่ทำไมถึงค่อยๆห่างหายจากเกมได้ในชีวิตปัจจุบันได้ล่ะ?

มูลเหตุของการเป็นเช่นนี้ก็เพราะเมื่อเราโตขึ้นมันมีสิ่งที่ดึงดูดใจให้กับชีวิตมากกว่าจะมุ่งสนใจแต่ “เกม” อาทิ การเรียน การงาน เพื่อนฝูง การทำกิจกรรม ดนตรี กีฬา หรือแม้แต่เรื่องรักๆใคร่ๆในวัยหนุ่มสาว คงไม่มีใครปฏิเสธว่าระหว่าง “เกมกับแฟน” จะเลือกอันไหนมากกว่ากัน ซึ่งทุกอย่างที่กล่าวมาเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่จะเป็นตัวฉุดคุณออกจากวังวนของเกมได้ทางหนึ่ง แต่มันจะค่อยๆปรับเปลี่ยนไปตามระยะเวลาของวัยเท่านั้นเอง

ในชีวิตความเป็นจริง เด็กที่พอจะมีความรับผิดชอบตัวเองอยู่บ้าง เมื่อใกล้จะสอบเขาจะรู้ได้ด้วยตนเองว่าตนมีหน้าที่ต้องอ่านหนังสือนะ ต้องหยุดเล่นเกม ไม่มีใครอยากได้คะแนนน้อยกว่าเพื่อนๆ หรือถูกพ่อแม่ตำหนิตลอดไปได้ เขาจะพยายามแอคทีฟตัวเองตามครรลองที่ควรจะเป็น แต่ทฤษฎีนี้ย้ำว่าเป็นกับเด็กที่ค่อนข้างจะรับผิดชอบตัวเองและมีพื้นฐานครอบครัวที่อบอุ่นได้เท่านั้น พ่อแม่ต้องเข้าใจลูกๆด้วยอย่าไปสร้างเงื่อนไข หรือดุด่ามากเกินพอดี อย่างคำพูดที่ว่า “ที่สอบตกก็เพราะวันๆเอาแต่บ้าเล่นเกมอยู่ล่ะซิ” ซึ่งถ้าเด็กได้ยินแล้วก็พาลจะเตลิดไปกันใหญ่ ส่วนพ่อแม่ที่อยู่ในประเภทปล่อยลูกทิ้งๆขว้างๆนั้นลืมทฤษฎีแรกไปได้เลย เพราะเขาจะคิดว่าเมื่อไม่มีใครเป็นแรงใจ คอยให้ความรักความเอาใจใส่ เขาจึงหันไปสนใจเกมดีกว่า เนื่องจากเกมจะทำให้ชีวิตตัวเองดูอิสระ อยากทำอะไรก็ได้ตามใจฉัน แถมยังสนุกอีก ยิ่งเป็นเกมออนไลน์ในสมัยนี้ที่มีเพื่อนจากที่ต่างๆมาอยู่ในสังคมเสมือนจริงแล้วนั้น ยิ่งไปกันใหญ่ เพื่อนดีก็ดีไป แต่หากเจอเพื่อนไม่ดีก็แย่หน่อย

สิ่งหนึ่งที่พ่อแม่ทุกคนควรปรับคือ การจูนความคิดให้เข้าใจกับเด็กให้มากขึ้น อย่าลืมว่ายุคท่านกับยุคเด็กสมัยนี้มันต่างกัน เลิกขุดความหลังมาเปรียบเทียบให้ลูกฟังเลยเพราะมันไม่เหมือนกันแน่นอน เด็กๆพลอยจะเบื่อหน่ายเมื่อได้ยินประโยคยอดฮิตต่างๆที่ยกขึ้นมาขอความเห็นใจเด็ก อาทิ “สมัยก่อนพ่อยังเล่นลูกข่าง ทอยเส้น เป่ากบ เลย”

ถ้าเป็นไปได้ให้คิดซะว่าการที่ “เด็กติดเกม” นั้นถือเป็นเรื่องปกติคุณเหมือนติดละคร บ้าดารานักร้อง อะไรทำนองนั้นไป ปล่อยให้ลูกเล่นได้ในแบบพอดีๆ คอยทำตัวเป็นเพื่อนเล่นเกมกับลูกไปด้วย พยามรู้เรื่องเกมไปพร้อมๆลูก หรือไม่ก็รู้มากกว่าเขาได้ยิ่งดี เพราะเด็กส่วนใหญ่จะรู้สึกว่า “พ่อเราเนี่ยเจ๋งวะ เก่งกว่าหนูซะอีก” แต่ถ้าหากเราไม่ทันเด็กแล้วนั้น เด็กบางคนจะคิดไปว่าพ่อแม่ตัวเองนั้นเชย ตกยุค ไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราว ทีนี้ละก็เด็กก็จะไม่เชื่อฟังคุณแน่นอน เพราะเขารู้มากกว่าคุณ ไม่ว่าคุณจะชวนให้เขาไปทำกิจกรรมด้านอื่นๆ บอกเลยว่า “ยาก” ยิ่งถ้าไป ดุด่า ห้ามปราบแบบรุนแรงนั้น จะยิ่งไปกันใหญ่ ถ้าจะให้ดีแนะให้ใช้วิธีแบบละมุนละม่อมจะดีกว่า ทั้งนี้ เด็กบางคนได้มักจะมองว่าหากไม่เล่นเกมเลยก็อาจจะทำให้เขาตกยุค รู้สึกว่าไม่ทันสมัย ไม่ทันเพื่อน

ในส่วนประโยชน์ของเกมนั้นหลายๆคนน่าจะทราบดีแต่ไม่ค่อยนำมาพูดถึงเท่าที่ควรนัก ก็คือ เกมเป็นจุดเริ่มหนึ่งที่ทำให้เด็กสนใจเทคโนโลยีสมัยใหม่ เด็กบางคนอยากทำเกมเล่นเองเลยตอนที่เล่นเพราะรู้สึกไม่ค่อยพอใจกับเกมที่คนอื่นทำมามากนัก แต่ขาดความรู้ในการทำจึงเลิกล้มความคิดไป ทั้งๆที่คนไทยก็เล่นเกมมานานพอๆกับประเทศที่ผลิตเกมมาขาย อีกอย่างระบบการศึกษาในบ้านเรายังไม่มีการสอนในแบบเจาะลึก คือไม่มีผู้เชี่ยวชาญที่เก่งจริงมาแนะแนวทาง แม้จะมีบางคนเขียนตำราออกมาขายแต่เท่าที่ดูแล้วมันไม่ใช่อย่างที่ต้องการ มันมองกิ๊กก๊อกไปหน่อย ผิดกับประเทศญี่ปุ่นหรืออเมริกาที่ศึกษาเรื่องนี้อย่างจริงจัง มีเปิดสอนกันในระดับมหาวิทยาลัยกันเลยทีเดียว จึงไม่แปลกเลยที่ขนาดข่าวซอร์สโค้ดเกม “ฮาล์ฟ-ไลฟ์2” ถูกขโมยมาเผยแพร่บนอินเทอร์เน็ตยังเป็นข่าวคราวใหญ่โตได้

เกมสมัยนี้มันไม่ใช่แค่เกมปัญญาอ่อนอีกต่อไป ถึงขนาดมีข้อมูลระบุว่าอุตสาหกรรเกมในปัจจุบันทำรายได้มากกว่าอุตสาหกรรมภาพยนตร์ซะอีก หากใครเปิดเว็บไซต์เกี่ยวกับข่าวสารด้านเกมจะรู้เลยว่าเกือบทุกวันพบว่ามีข่าวเกมใหม่ๆออกมาให้เราทราบอยู่ตลอด บางวันมีมากกว่า 2 เกมซะด้วยซ้ำ แม้จะเป็นเกมเล็กเกมน้อยก็ตามแต่มันก็บ่งบอกให้เราทราบว่าปัจจุบันมีคนกระโจนเข้ามาสนใจเกมมากขึ้น ส่วนวงการเกมบ้านเราในปัจจุบันก็เริ่มมีความคิดที่จะเริ่มทำเกมเองบ้าง แต่พอทำออกมาปุ๊บ ก็ถูกนำไปเปรียบเทียบกับเกมจากต่างประเทศในทันที จนหลายคนหมดกำลังและท้อแท้

เมื่อเรามองสังคมในปัจจุบันจะเห็นว่าเด็กที่เล่นเกมอย่างบ้าคลั่งตอนเด็กๆ หลายคนผันตัวเองมาเป็นโปรแกรมเมอร์ คอมพิวเตอร์กราฟิก คนเขียนซอฟท์แวร์ ให้กับบริษัทดังๆในบ้านเรามากมาย ซึ่งถ้าไปถามพวกเขาว่าตอนเด็กๆเล่นเกมไหม? เขาจะตอบทันทีเลยว่า ผมเล่นแน่นอนและชอบมากด้วย เกมเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตตอนเด็ก ถ้าไม่มีเกมเป็นตัวกระตุ้นให้สนใจด้านไอที คงไปทำอาชีพอื่นแล้ว ส่วนในชีวิตปัจจุบันก็เล่นเกมบ้างแต่ไม่มากเหมือนเมื่อก่อน เพราะมีภาระหน้าที่ในการทำงานเพื่อปากท้อง เกมช่วยสร้างความบันเทิงใจเพียงเล็กน้อยมากกว่า

ส่วนพ่อแม่ที่เริ่มปวดหัวกับการที่ลูกพยายามออดอ้อนขออัพเกรดคอมพิวเตอร์บ่อยๆนั้นอย่าไปกังวลมากเกินไป เพราะเป็นผลพวงมาจากเกมแทบทั้งสิ้น ไม่แปลกเลยที่การ์ดจอ 3 มิติ และ RAM จะมีการเปลี่ยนบ่อยและมียอดจำหน่ายค่อนข้างสูงกว่าอุปกรณ์อื่น เพราะเกมแต่ละเกมในปัจจุบันต้องการสเปคเครื่องที่สูงกว่าการนำไปใช้ในอาชีพอื่น เด็กๆจึงพยายามหาความรู้เกี่ยวกับการประกอบเครื่อง เสาะหาอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์มาใช้ ฉะนั้น ทางที่ดีพ่อแม่อาจจะยื่นข้อเสนอกับลูกๆว่าถ้าทำคะแนนการเรียนได้ดีก็อาจจะใจอ่อนยอมอัพเกรดให้ เมื่อผลประโยชน์ทั้งสองฝ่ายลงตัว ทุกอย่างก็ราบรื่น

นอกจากนี้ เกมยังช่วยให้เด็กเข้าใจความหมายของภาษาอังกฤษในเกมไปในตัวได้ด้วย เด็กบางคนถึงขั้นเปิดดิคชันนารี่ไปเล่นไป เมื่อเล่นไปนานๆก็จะจำความหมายได้แม่นยำ เรียกว่าเกมเป็นหนทางหนึ่งที่ทำให้พวกเขาเท่าทันเทคโนโลยีของโลกได้เช่นกัน

ถึงลูกๆที่เคารพเช่นกัน

หลังจากที่เราชี้แจงทำความเข้าใจให้พ่อแม่ได้ทราบว่าทำไมเราถึง “บ้าเกม” ในตอนเด็กๆ ก็มาถึงทีที่เราจะต้องทำความเข้าใจและจัดระเบียบกับพฤติกรรมการเล่นเกมของตัวเองเสียใหม่บ้าง เริ่มที่เกมที่เราควรจะเลือกเล่นนั้นสำหรับเด็กเล็กๆเลยควรเล่นเกม Puzzle ง่ายๆไปก่อน ส่วนหากใครจะข้ามขั้นไปเล่นเกมที่ผู้ใหญ่ชอบเล่นนั้น แนะนำว่าไม่ควรทำอย่างยิ่ง เพราะยังมีเกมสำหรับเด็กอื่นๆที่น่าเล่นมากมาย เอาเป็นว่าค่อยๆพัฒนาการเล่นไปดีกว่า ซึ่งเกมสมัยนี้ก็มีคำแนะนำให้ดูข้างกล่องอยู่แล้วว่าผู้ผลิตกำหนดให้เด็กอายุเท่าไรเล่นได้ เพราะเกมสมัยนี้บางเกมทำภาพออกมารุนแรงเกินไป มีการเปลี่ยนมุมมองภาพรวดเร็ว สีสันแสบตาเกินไป ซึ่งจะมีผลเสียต่อสายตาและอารมณ์เราได้

ด้านระยะเวลาการเล่นนั้น เราไม่ควรเล่นยาวนานเกิน 3-4 ชั่วโมง (สำหรับผู้ใหญ่) ยิ่งเด็กแค่ 1-2 ชั่วโมงก็เพียงพอแล้ว “อดเปรี้ยวไว้กินหวานดีกว่า” เพราะหากเล่นนานไปพ่อแม่อาจจะเริ่มกังวลและเป็นห่วงเรามากขึ้น บางอาจถึงขั้นห้ามเรายุ่งเกี่ยวกับเกมไปเลยก็ได้ ฉะนั้นควรทำข้อตกลงกับพ่อแม่ก่อนว่าเราจะใช้เวลาเล่นเท่าใด อย่างวันเสาร์-อาทิตย์อาจจะขอเพิ่มเวลาเล่นมากหน่อย ส่วนวันธรรมดาก็เล่นพอหอมปากหอมคอก็พอแล้ว

ที่สำคัญไม่ควรเล่นแบบว่าตัวเองต้องเหนือชั้นกว่าคนอื่น เพราะจะทำให้เราหมกหมุ่นกับเกมมากเกินไป บางครั้งถึงขั้นเอากลับไปฝันได้เลยทีเดียว เชื่อว่าหลายคนคงเคยมีอาการแบบนี้ ซึ่งมันจะทำให้เรามีนิสัยทะเยอทะยานเกินไป ยอมแพ้ใครไม่เป็น “รู้แพ้-รู้ชนะ-รู้อภัย” จะดีกว่า และมันคงทำให้ตัวเองดูเท่ไปไม่นานเท่าไรนักในสายตาคนอื่น

บางคนยิ่งเล่นนานหน้าตาจะเริ่มเศร้าหมอง ไม่สดใส หน้าเด้งเหมือนเพื่อนๆ จำนวนการอาบน้ำมีทีท่าเริ่มลดจำนวนลง ถึงขั้นไม่อาบไปเลยก็มี เรียกว่าไม่มีเวลาดูแลตัวเองให้ดูดี กลากเกลื้อนอาจจะเริ่มสนใจในผิวหนังเราขอมาอาศัย สิวก็ขึ้นเขรอะเต็มหน้า ดวงตาหมองคล้ำราวกับหมีแพนด้า ข้าวปลาอาหารที่เคยกินครบ 3 มื้อก็พลอยจะอิดออดไม่กินไปซะดื้อๆ “อิ่มเกมมากกว่าอิ่มท้อง” ร่างกายผิวพรรณจะซูบซีดไม่เปล่งปลั่ง ส่วนบางรายก็กินไปเล่นไป แต่อาหารที่กินจะเป็นพวกฟาสต์ฟู้ด น้ำอัดลม ซะส่วนมาก หุ่นจึงอวบอั๋นเกินไป เพราะไม่มีเวลาไปออกกำลังกาย เรียกว่า “ไม่ผอมไปก็อ้วนไปเลย” ฉะนั้น สิ่งที่พูดมาทั้งหมดเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับบรรดาเกมเมอร์รุ่นพี่มาแล้ว เชื่อว่าคงไม่มีสาวๆคนใดสนใจคน “หุ่นอมโรค” หรือ “อ้วนฉุ” แน่นอน ถ้าอยากดูดีในสายตาสาวๆล่ะก็ไม่ควรบ้าเล่นเกมเกินไป

ส่วนการเล่นเกมให้สนุกนั้น พยายามอย่าสรรหาวิธีการโกงเกมมาเล่นถ้าไม่จำเป็น เพราะหากเราเอาชนะด้วยฝีมือตนเองนั้นจะทำให้เราดูภาคภูมิใจมากกว่าการที่เราไปโกงมาแล้วมาโม้กับเพื่อนว่า “เราเล่นจบแล้วว่ะ” ซึ่งมันดูเท่ผิดกันคนละขั้ว เพราะคนที่ทำเกมออกมาให้เล่นคงคิดมาแล้วว่าผู้เล่นคงจะใช้ความสามารถตัวเองฟันฝ่าไปได้ ถ้าเกิดเราผ่านไม่ได้จริงๆจึงค่อยเอามาใช้เป็นแผนสุดท้าย ทั้งนี้หากเราชอบโกงเกมไปเรื่อยๆ อาจจะปลูกฝังนิสัยไม่ซื่อสัตย์ไปจนโตก็ได้ แม้จะดูว่ามันเป็นแค่เกมก็ตาม

ระหว่างการเล่นเกม เพื่อที่จะทำให้เราสนุกและได้ความรู้มากยิ่งขึ้นพยายามจดจำภาษาอังกฤษว่าหมายความว่าอย่างไรในเกมไปด้วย ยิ่งเกมในปัจจุบันบางเกมจะมีฉากมูฟวี่คั่นระหว่างฉาก เราจะได้ยินเสียงพูดของตัวละคร พร้อมคำบรรยายภาษาด้านล่างประกอบ เมื่อเล่นไปด้วยมันก็จะทำให้เรารู้ว่าคำนี้ออกเสียงอย่างไรถูกต้อง ส่วนเกมในสมัยนี้บางเกมหยิบเอาประวัติศาสตร์จริงที่เกิดขึ้นมาทำเป็นเกมด้วย ก็ยิ่งจะส่งผลให้เราทราบประวัติความเป็นมาโดยไม่รู้ตัว และบางเกมที่เป็นแนวไซ-ไฟวิทยาศาสตร์ล้ำยุคด้วยแล้ว น่าจะจุดประกายความคิดเป็นไอเดียให้เราในอนาคตได้ด้วย ยิ่งถ้าเราใช้ความสังเกตและพยายามศึกษาว่าเค้าเขียนโปรแกรมอย่างไรถึงทำเกมออกมาได้สวยและถูกใจคนทั่วโลกได้ก็จะยิ่งเป็นประโยชน์มากขึ้น ไม่แน่ต่อไปในอนาคตเกมเราอาจจะมีคนเล่นทั่วโลกก็ได้

อย่างไรก็ตาม ที่ผมร่ายยาวมาทั้งหมดนั้น หลายคนอาจจะมีข้อโต้แย้งหรือความคิดเห็นมาแลกเปลี่ยนแนะนำก็ไม่ว่ากัน เพราะจะยิ่งช่วยให้มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น หากตกหล่นไปบ้างคงไม่ว่ากัน เพราะรู้สึกอัดอั้นตันใจมานานแต่ไม่มีเวลาเอานิ้วเคาะคีย์บอร์ดเขียนเรื่องจรรโลงสังคมเอาซะเลย หวังว่าคงมีประโยชน์กับคนอื่นบ้าง
กำลังโหลดความคิดเห็น