คณะรัฐมนตรีเห็นชอบมาตรการและกำหนดหน่วยงานรับผิดชอบหลักในการแก้ไขปัญหาอาวุธปืนและยาเสพติด โดยมีมาตรการระยะเร่งด่วนสำคัญ 4 มาตรการ เพื่อให้การแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบและรวดเร็ว นําไปใช้ได้จริงในการสร้างความปลอดภัย ต่อชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สิน รวมทั้งสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน ตลอดจนบูรณาการการทํางานร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
วันนี้ (24 ต.ค.) ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามที่มีข้อมูลในสื่อต่าง ๆ เกี่ยวกับประเด็นเรื่องครม. อนุมัติครอบครองอาวุธปืนต้องมีใบรับรองแพทย์ ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยกรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรี พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลจริง
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบมาตรการและกำหนดหน่วยงานรับผิดชอบหลักในการแก้ไขปัญหาอาวุธปืนและยาเสพติด โดยมีมาตรการระยะเร่งด่วนสำคัญ 4 มาตรการ เพื่อให้การแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบและรวดเร็ว นําไปใช้ได้จริงในการสร้างความปลอดภัย ต่อชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สิน รวมทั้งสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน ตลอดจนบูรณาการการทํางานร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
1.มาตรการเกี่ยวกับอาวุธปืน ได้แก่
(1) การอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน เช่น เพิ่มเติมเอกสารใบรับรองแพทย์ หนังสือรับรองจากต้นสังกัด/นายจ้าง
(2) การจัดการอาวุธปืนที่ไม่ได้รับอนุญาตหรือที่มีกฎหมายห้ามออกใบอนุญาต โดยผ่อนผันให้ผู้ครอบครองนําอาวุธปืนที่ไม่ได้รับอนุญาต/หรือที่มีกฎหมาย ห้ามออกใบอนุญาตมาส่งมอบให้แก่ภาครัฐหรือนํามาขึ้นทะเบียน
(3) การป้องกันและปราบปรามในเชิงรุก เช่นตรวจจับการค้าอาวุธที่ไม่ได้รับอนุญาต
(4) มาตรการทางดิจิทัล เช่น การป้องกันการค้าอาวุธปืนบนแพลตฟอร์มดิจิทัล
2.มาตรการด้านการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด เช่น การควบคุมสารเคมีที่นำใช้ผลิตยาเสพติด การทำลายเครือข่ายนักค้ายาเสพติดและยึดทรัพย์ ติดตามจับกุมผู้มีหมายจับคดียาเสพติด การค้นหาผู้ติดยาเสพติดทั่วประเทศ การติดตามข้อร้องเรียนประชาชน การทบทวนผู้เสพเป็นผู้ป่วย และการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว (EM)
3.มาตรการด้านการบำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด ประกอบด้วย
ระยะเร่งด่วน ค้นหาและคัดกรองผู้ป่วยจิตเวช
ระยะกลาง เร่งรัดจัดตั้งสถานฟื้นฟูสมรรถภาพ
ระยะต่อเนื่อง โดยใช้ชุมชนเป็นฐานบำบัดยาเสพติด
4 มาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาสุขภาพจิต เช่น การพัฒนาเครือข่ายในและนอกระบบสุขภาพ และการพัฒนาเครือข่ายในชุมชน
ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากกรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรี สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.prd.go.th หรือโทร. 02 618 2323
หน่วยงานที่ตรวจสอบ กรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรี