จากกรณีมีการเผยแพร่ว่ามุสลิมไทยได้เป็นเจ้าของบัญชีธนาคารอิสลามทุกคน สามารถกู้เงินโดยไม่ต้องใช้หนี้คืนได้ ทางธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงว่า การแอบอ้างใช้ภาพสื่อประชาสัมพันธ์ของมุสลิมไทยโพสต์ โดยใส่เนื้อหาที่เป็นเท็จประกอบ และผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามหรือมุสลิมไม่ได้เป็นเจ้าของบัญชีเงินฝากทุกคน อีกทั้งลูกค้าที่ขอสินเชื่อกับธนาคารอิสลามจะต้องชำระเงินต้น และกำไรตามสัญญา
วันนี้ (6 ก.ค.) ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูลบนสื่อออนไลน์เกี่ยวกับประเด็นเรื่องมุสลิมไทยได้เป็นเจ้าของบัญชีธนาคารอิสลามทุกคน สามารถกู้เงินโดยไม่ต้องใช้หนี้คืนได้ ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ
จากกรณีที่มีการโพสต์ภาพบนสื่อออนไลน์และให้ข้อมูลว่าธนาคารอิสลามให้มุสลิมทุกคนเป็นเจ้าของบัญชี โดยให้ธนคารนี้ทำธุรกรรมการเงินผ่านมัสยิดได้ และสามารถกู้เงินออกมาใช้จ่ายโดยไม่ต้องเสียดอกเบี้ย หรือไม่ต้องใช้หนี้คืนยังได้นั้น ทางธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ได้ตรวจสอบข้อมูลดังกล่าวและชี้แจงข้อเท็จจริงว่า ภาพที่ปรากฏเป็นการแอบอ้างใช้ภาพสื่อประชาสัมพันธ์ของมุสลิมไทยโพสต์ โดยใส่เนื้อหาที่เป็นเท็จประกอบ และ ณ เดือนพฤศจิกายน 2564 ธนาคารอิสลามมีสัดส่วนจำนวนลูกค้าเงินฝากที่นับถือศาสนาอิสลามคิดเป็น 58% ของจำนวนลูกค้าเงินฝากทั้งหมด โดยผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามหรือมุสลิมไม่ได้เป็นเจ้าของบัญชีเงินฝากทุกคน ปัจจุบันธนาคารอิสลาม ให้บริการธุรกรรมทางการเงินผ่าน 97 สาขาทั่วประเทศเท่านั้น สำหรับโครงการ
ผลิตภัณฑ์ชุมชนซื่อสัตย์ ธนาคารอิสลามเป็นผู้พิจารณาอนุมัติสินเชื่อแก่ผู้ดูแลโครงการที่มัสยิดแต่งตั้ง ซึ่งจะเป็นลูกหนี้ตามสัญญา โดยลูกหนี้หรือผู้ดูแลโครงการดังกล่าว จะนำสินเชื่อที่ได้รับจากธนาคารอิสลามไปปล่อยสินเชื่อต่อให้แก่สัปปุรุษในพื้นที่ตามความจำเป็นในการดำรงชีพ และลูกหนี้ต้องชำระหนี้คืนธนาคารอิสลามเป็นรายงวดตามสัญญาที่ได้ตกลงไว้
โดยธนาคารอิสลามก็ให้สินเชื้อแก่ลูกค้าทุกศาสนา โดยการทำธุรกรรมสินเชื่อได้รับผลตอบแทนเป็นกำไรภายใต้สัญญาตามหลักศาสนาอิสลาม (ซะรีอะฮ์) ซึ่งลูกค้าสินเชื่อต้องชำระหนี้ทั้งเงินต้น และกำไรคืนตามสัญญาที่ได้ตกลงกัน ซึ่งการให้สินเชื่อของธนาคารอิสลาม ลูกค้าไม่เสียดอกเบี้ยเนื่องจากผิดหลักศาสนาอิสสาม แต่ต้องชำระเงินต้น และกำไรตามสัญญา หากลูกค้าผิดสัญญา ศาสนาอิสสามจะดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป
ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย สามารถติดตามได้ที่ www.ibank.co.th/th หรือโทร.1302
บทสรุปของเรื่องนี้คือ : การแอบอ้างใช้ภาพสื่อประชาสัมพันธ์ของมุสลิมไทยโพสต์ โดยใส่เนื้อหาที่เป็นเท็จประกอบ และผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามหรือมุสลิมไม่ได้เป็นเจ้าของบัญชีเงินฝากทุกคน อีกทั้งลูกค้าที่ขอสินเชื่อกับธนาคารอิสลามจะต้องชำระเงินต้น และกำไรตามสัญญา
หน่วยงานที่ตรวจสอบ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย