xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวบิดเบือน! เชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนไม่โจมตีปอด ทำให้อาการเจ็บป่วยไม่รุนแรง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



จากประเด็นเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนไม่โจมตีปอด ทำให้อาการเจ็บป่วยไม่รุนแรง กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้ชี้แจงว่า เชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนเพิ่มจำนวนในเซลล์ทางเดินหายใจในระดับหลอดลม แต่ยังมีบางส่วนที่เชื้อลงปอดได้ และเพิ่มจำนวนได้ช้า อีกทั้งผู้ป่วยส่วนใหญ่มีอาการไม่หนักมากเมื่อเทียบกับสายพันธุ์เดลตา

วันนี้ (17 ม.ค.) ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามที่มีการโพสต์ข้อมูล เกี่ยวกับประเด็นเรื่อง เชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนไม่โจมตีปอด ทำให้อาการเจ็บป่วยไม่รุนแรง ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลบิดเบือน

กรณีการโพสต์ให้ข้อมูลเกี่ยวกับเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ที่ระบุว่าเชื้อโอมิครอนไม่โจมตีที่ปอดเหมือนเดลต้า จึงทำให้มีอาการเจ็บป่วยไม่รุนแรงนั้น ทางกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้ชี้แจงว่า จากการติดตามข้อมูลรายงานการศึกษาในห้องทดลองของมหาวิทยาลัยฮ่องกง พบว่าสายพันธุ์โอมิครอนติดเชื้อและเพิ่มจำนวนในเซลล์ทางเดินหายใจในระดับหลอดลม โดยเร็วกว่าสายพันธุ์เดลตาประมาณ 70 เท่า แต่ที่เซลล์เนื้อปอดกลับเพิ่มจำนวนได้ช้ากว่า จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่อธิบายได้ว่าทำไมสายพันธุ์โอมิครอนถึงแพร่เร็ว เพราะมันชุกชุมในทางเดินหายใจส่วนบน ซึ่งแพร่กระจายไปยังผู้คนรอบข้างได้ง่าย ส่วนใหญ่อาการไม่หนักมาก แต่ยังมีบางส่วนที่เชื้อลงปอดได้ ซึ่งการฉีดวัคซีนจึงยังเป็นประโยชน์ และไม่ว่าจะเป็นสายพันธุ์ใด การใส่หน้ากาก ล้างมือ เว้นระยะห่าง ยังป้องกันการติดเชื้อได้

ดังนั้นข้อมูลที่มีการโพสต์ และแชร์ต่อในขณะนี้ จึงเป็นข้อมูลบิดเบือน ขอความร่วมมือประชาชน ไม่แชร์ ไม่ส่งต่อข่าวดังกล่าว เพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www3.dmsc.moph.go.th หรือโทร. 02 9510000

บทสรุปของเรื่องนี้คือ : เชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนเพิ่มจำนวนในเซลล์ทางเดินหายใจในระดับหลอดลม แต่ยังมีบางส่วนที่เชื้อลงปอดได้ และเพิ่มจำนวนได้ช้า อีกทั้งผู้ป่วยส่วนใหญ่มีอาการไม่หนักมากเมื่อเทียบกับสายพันธุ์เดลตา

หน่วยงานที่ตรวจสอบ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข


กำลังโหลดความคิดเห็น