คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการจัดซื้อวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) สำหรับปี 2565 จาก บริษัท ไฟเซอร์ จำกัด (Pfizer) เพิ่มเติม จำนวน 30 ล้านโดส และเห็นชอบการลงนามในสัญญา Third Amendment to Manufacturing and Supply Agreement ระหว่างกรมควบคุมโรคและ บริษัท ไฟเซอร์ จำกัด โดยให้อธิบดีกรมควบคุมโรคเป็นผู้มีอำนาจลงนามในสัญญาดังกล่าว
วันนี้ (26 พ.ย.) ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามที่มีการนำเสนอข่าวในสื่อต่างๆ ประเด็นเรื่อง ครม. อนุมัติซื้อวัคซีนไฟเซอร์ เพิ่ม 30 ล้านโดส ส่งมอบไตรมาส 1-3 ปี 2565 ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย กรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรี พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลจริง
วันที่ 23 พ.ย. 2564 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการจัดซื้อวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) สำหรับปี 2565 จาก บริษัท ไฟเซอร์ จำกัด (Pfizer) เพิ่มเติม จำนวน 30 ล้านโดส และเห็นชอบการลงนามในสัญญา Third Amendment to Manufacturing and Supply Agreement ระหว่างกรมควบคุมโรคและ บริษัท ไฟเซอร์ จำกัด โดยให้อธิบดีกรมควบคุมโรคเป็นผู้มีอำนาจลงนามในสัญญาดังกล่าว ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ผ่านมากรมควบคุมโรคได้ดำเนินการเจรจาจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง โดย บจ.ไฟเซอร์ จะจัดหาวัคซีน Pfizer เพิ่มเติมจำนวน 30 ล้านโดส โดยมีกำหนดส่งมอบในไตรมาสที่ 1 – 3 ของปี 2565 ซึ่งครอบคลุมกรณีที่ บจ.ไฟเซอร์ได้รับอนุญาตให้เปลี่ยนแปลงวัคซีนในประเทศไทย (Adapted Product) จากวัคซีนที่ใช้อยู่ในปัจจุบันให้เป็นวัคซีนที่มีการพัฒนาใหม่เมื่อมีการพัฒนาสำเร็จ เป็นวัคซีน Gen ใหม่ที่เป็นวัคซีนสำหรับเด็ก ทั้งนี้ การดำเนินการจัดซื้อวัคซีนเป็นตามสัญญา Manufacturing and Supply Agreement ที่เป็นสัญญาหลัก ทำให้มีจำนวนวัคซีนที่ประเทศไทยจัดซื้อจาก บจ.ไฟเซอร์ รวมทั้งสิ้น 60 ล้านโดส ซึ่งการดำเนินการจัดซื้อวัคซีน Pfizer เพิ่มเติมเป็นไปตามแผนการจัดหาวัคซีนของประเทศไทย ที่ผ่านความเห็นชอบจาก ศบค. ด้วยแล้ว
และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากกรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรี สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.prd.go.th/th หรือโทร. 02-618-2323
หน่วยงานที่ตรวจสอบ : กรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรี