ศูนย์ปฏิบัติการ การเดินทางเข้าออกประเทศ และการดูแลคนไทยในต่างประเทศ (ศปก.กต.) ได้มีการทบทวนรายชื่อประเทศและพื้นที่ต้นทางที่อนุญาตให้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร โดยพิจารณาจากหลักเกณฑ์ของกระทรวงสาธารณสุข ประกอบกับ ปัจจัยด้านเศรษฐกิจ สังคม และสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในประเทศ และพื้นที่นั้น ๆ โดยได้เพิ่มรายชื่อประเทศ จาก 46 เป็น 63 ประเทศ
วันนี้ (2 พ.ย.) ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามที่มีการนำเสนอข่าวในประเด็นเรื่อง เพิ่มรายชื่อประเทศที่เข้าไทยได้โดยไม่ต้องกักตัว จาก 46 เป็น 63 ประเทศ ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย กรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรี พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลจริง
ตามคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่ 17/2564 เรื่อง แนวปฏิบัติตามข้อกําหนดออกตามความในมาตรา 5 แห่งพระราชกําหนดการบริหาร ราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2554 ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2564 กําหนดให้ศูนย์ปฏิบัติการ การเดินทางเข้าออกประเทศและการดูแลคนไทยในต่างประเทศ (ศปก.กต.) อนุมัติประเทศและพื้นที่ที่อนุญาต ให้ผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรสำหรับบุคคลประเภท (13) ผู้ซึ่งได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้ามา ในราชอาณาจักร เพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจควบคู่กับความมั่นคงด้านสาธารณสุขตามแผนการเปิดประเทศ ของรัฐบาล” ตามหลักเกณฑ์ของกระทรวงสาธารณสุข และการเสนอของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย โดย ศปก.กต ได้ประกาศรายชื่อประเทศและพื้นที่ต้นทางที่อนุญาต ให้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรสำหรับบุคคลประเภท (13) เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2564 แล้ว นั้น
บัดนี้ ได้มีการทบทวนรายชื่อประเทศและพื้นที่ต้นทางที่อนุญาตให้เดินทางเข้ามา ในราชอาณาจักรสำหรับบุคคลประเภท (13) โดยพิจารณาจากหลักเกณฑ์ของกระทรวงสาธารณสุข ประกอบกับ ปัจจัยด้านเศรษฐกิจ สังคม และสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในประเทศ และพื้นที่นั้น ๆ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะหัวหน้า ศปก.กต. จึงประกาศรายชื่อประเทศและพื้นที่ ต้นทางสำหรับบุคคลประเภท (13) ที่ผู้เดินทางจากประเทศและพื้นที่ดังกล่าวได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้ามา ในราชอาณาจักร ดังนี้
รายชื่อประเทศ/พื้นที่ ตามประกาศ ศปก. กต. ลงวันที่ 30 ตุลาคม 2564
1. ออสเตรเลีย 2. ออสเตรีย 3. บาห์เรน 4. เบลเยียม 5. ภูฏาน 6. บรูไนดารุสซาลาม 7. บัลแกเรีย 8. กัมพูชา 9. แคนาดา 10. ชิลี 11. จีน 12. โครเอเชีย 13. ไซปรัส 14. สาธารณรัฐเช็ก 15. เดนมาร์ก 16. เอสโตเนีย 17. ฟินแลนด์ 18 ฝรั่งเศส 19. เยอรมนี 20. กรีซ 21. ฮังการี 22. ไอซ์แลนด์ 23. อินเดีย 24. อินโดนีเซีย 25. ไอร์แลนด์ 26. อิสราเอล 27. อิตาลี 28. ญี่ปุ่น 29. คูเวต 30. ลาว 31. ลัตเวีย 32. ลิทัวเนีย 33. ลักเซมเบิร์ก 34. มาเลเซีย 35. มัลดีฟส์ 36. มอลตา 37. มองโกเลีย 38. เมียนมา 39. เนปาล 40. เนเธอร์แลนด์ 41. นิวซีแลนด์ 42. นอร์เวย์ 43. โอมาน 44. ฟิลิปปินส์ 45. โปแลนด์ 46. โปรตุเกส 47. กาตาร์ 48. โรมาเนีย 49. ซาอุดีอาระเบีย 50. สิงคโปร์ 51. สาธารณรัฐสโลวัก 52. สโลวีเนีย 53. ศรีลังกา 54. สาธารณรัฐเกาหลี 55. สเปน 56. สวีเดน 57. สวิตเซอร์แลนด์ 58 สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 59. สหราชอาณาจักร 60. สหรัฐอเมริกา 62. เวียดนาม 62. ฮ่องกง 63. ไต้หวัน
และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากกรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรี สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.prd.go.th/th หรือโทร. 02-618-2323
หน่วยงานที่ตรวจสอบ : กรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรี