จากประเด็นต่อใบขับขี่ ไม่ต้องอบรมที่ขนส่งฯ เข้าเว็บไซต์อบรมออนไลน์ ใส่เลขบัตรประชาชนใครก็ได้ ทางกรมการขนส่งทางบก ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงว่า ผู้ต้องการต่อใบขับขี่สามารถอบรมออนไลน์ จากเว็บ www.dlt-elearning.com โดยใช้ข้อมูลจริงของตนเองในการลงทะเบียน และเข้าอบรมด้วยตนเอง ‘ไม่สามารถใช้ผลการอบรมของผู้อื่นได้’ อีกทั้งการอบรมออนไลน์เพื่อต่อใบขับขี่ ทำได้ด้วยตนเอง ตลอด 24 ชั่วโมง และไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด
วันนี้ (27 ส.ค.) ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามที่มีการโพสต์และแชร์ข้อความถึงเรื่อง ต่อใบขับขี่ ไม่ต้องอบรมที่ขนส่งฯ เข้าเว็บไซต์อบรมออนไลน์ ใส่เลขบัตรประชาชนใครก็ได้ ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย กรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม พบว่าข้อมูลที่ปรากฏดังกล่าว เป็นข้อมูลบิดเบือน
จากที่มีการส่งข้อความเรื่องการต่อใบขับขี่ ซึ่งระบุว่าการเข้าเว็บไซต์อบรมออนไลน์ ใส่เลขบัตรประชาชนใครก็ได้นั้น ทางกรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงว่า ผู้ต้องการต่อใบขับขี่ สามารถอบรมออนไลน์ จากเว็บไซต์ www.dlt-elearning.com ของกรมการขนส่งทางบก เพื่อนำมายกเว้นการอบรมที่สำนักงานขนส่งได้ โดยใช้ข้อมูลจริงของตนเองในการลงทะเบียน และเข้าอบรมด้วยตนเอง “ไม่สามารถใช้ผลการอบรมของผู้อื่นได้” เนื่องจากเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบข้อมูลและเอกสารประกอบก่อนการดำเนินการทุกครั้ง หากผู้ต้องการต่อใบขับขี่ไม่มีประวัติผ่านการอบรม ต้องเข้าอบรมใหม่ และอาจทำให้เสียสิทธิการจองคิวในวันดังกล่าว
กรมการขนส่งทางบก ขอแจ้งเตือนให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อ กรณีมีผู้จัดหาผลการอบรมออนไลน์ให้และเรียกเก็บเงินค่าดำเนินการ ขอย้ำ!!! อบรมออนไลน์เพื่อต่อใบขับขี่ ทำได้ด้วยตนเอง ตลอด 24 ชั่วโมง และไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ที่เว็บไซต์ www.dlt-elearning.com
โดยขั้นตอนอบรมออนไลน์ มีดังนี้
1. เข้าเว็บไซต์ www.dlt-elearning.com
2. อบรมครั้งแรกให้คลิก “ลงทะเบียน” กรอกข้อมูล เลขประจำตัวประชาชน, เบอร์โทรศัพท์, วันที่ เดือน และปี พ.ศ. เกิด เพื่อใช้เป็นรหัสผ่านใช้งานเว็บไซต์ หลังจากนั้นคลิก “ยืนยันข้อมูล” สำหรับเข้าอบรมครั้งถัดไปคลิก “เข้าสู่ระบบ” ได้ทันที
3. เริ่มการอบรมโดยการทำ “แบบทดสอบก่อนอบรม” ตามใบขับขี่ที่ต้องการจะต่ออายุ ปัจจุบันมีการอบรม 4 ประเภท สำหรับคนไทย และการอบรมสำหรับชาวต่างชาติ For Foreigner 1 ประเภท
4. ชมวิดีโอการอบรมจนจบ และทำ “แบบทดสอบหลังอบรม”
5. ตรวจสอบหรือบันทึกหน้าจอผลผ่านการอบรม ได้ที่ “ผลการอบรม” เพื่อใช้เป็นหลักฐานประกอบการต่ออายุใบขับขี่ ภายใน 6 เดือนนับจากผ่านการอบรม
ดังนั้นข้อมูลที่มีการโพสต์ และแชร์ต่อในขณะนี้ จึงเป็นข้อมูลบิดเบือน ขอความร่วมมือประชาชน ไม่แชร์ ไม่ส่งต่อข่าวดังกล่าว เพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากกรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม สามารถติดตามข้อมูลได้ที่เว็บไซต์ www.dlt.go.th หรือเฟซบุ๊ก : กรมการขนส่งทางบก PR.DLT.News หรือโทร. 1584
บทสรุปของเรื่องนี้คือ : ผู้ต้องการต่อใบขับขี่สามารถอบรมออนไลน์ จากเว็บ www.dlt-elearning.com โดยใช้ข้อมูลจริงของตนเองในการลงทะเบียน และเข้าอบรมด้วยตนเอง ‘ไม่สามารถใช้ผลการอบรมของผู้อื่นได้’
หน่วยงานที่ตรวจสอบ : กรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม