ตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูลเชิญชวนผ่านโซเชียลมีเดีย เกี่ยวกับประเด็นเรื่อง ห้างดังย่านพระราม 2 พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 กว่า 100 ราย ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย CentralPlaza Rama 2 พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลบิดเบือน
กรณีการส่งต่อข้อความโดยระบุว่าห้างดังย่านพระราม 2 พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 กว่า 100 ในโซนชั้นขายโทรศัพท์มือถือ ทาง CentralPlaza Rama 2 ได้ตรวจสอบและชี้แจงว่าจากผลการตรวจคัดกรองเชิงรุกล่าสุดวันนี้ (2 ก.ค. 2564) นั้น พบผู้ติดเชื้อรวมทั้งหมด 17 คน จากพนักงานในโซน E-Center จำนวนทั้งสิ้น 367 คน คิดเป็นสัดส่วน 4.6% ไม่ใช่ 100 ราย ตามที่กล่าวอ้าง
โดยหลังจากได้รับทราบข้อมูลว่าอาจจะมีผู้ติดเชื้อในบริเวณโซน E-Center ทางศูนย์ฯ จึงได้รีบดำเนินการ Proactive screening สุมตรวจเชิงรุกทันที เพื่อควบคุมจำนวนผู้ติดเชื้อไม่ให้ขยายวงกว้าง โดยศูนย์การค้า ได้ปฏิบัติการป้องกันไว้ก่อนด้วยมาตรการเชิงรุก "เซ็นทรัล สะอาด มั่นใจ" ประกอบไปด้วย
1. บริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพในการตรวจเชิงรุกแยกกลุ่มเสี่ยงการกักตัว 14 วันดูอาการตามขั้นตอนของกระทรวงสาธารณสุขเรียบร้อยแล้ว
2. เร่งระดบกำลังพนักงานแม่บ้าน กว่า 100 ชีวิต ปฏิบัติการ Extra Deep Cleaning ทั่วทั้งศูนย์การค้า เมื่อวันพุธที่ 30 มิถุนายน และ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา ด้วยการฉีดพ่นฆ่าเชื้อ และเช็ดทำความสะอาดฆ่าเชื้อทุกจุดสัมผัส โดยมีการทำ Big Cleaning เชิงรุก ทั่วศูนย์ฯ เป็นประจำทุกวันหลังปิดให้บริการมาอย่างสม่ำเสมอ
3. ปิดให้บริการ โซน E-Center 1 วัน เมื่อวันที่ 1 ก.ค. ที่ผ่านมา เพื่อทำความสะอาดหมดจด ด้วยปฏิบัติการเชิงรุกในการทำความสะอาด Extra Deep Cleaning เพื่อให้ลูกค้าปลอดภัยสูงสุด ซึ่งขณะนี้ โซน E-Center ได้กลับมาเปิดให้บริการตามปกติแล้ว
4. ยังคงมีมาตรการในการ Intensive Tracking และ Screening อย่างเข้มข้น
ดังนั้นข้อมูลที่มีการโพสต์ และแชร์ต่อในขณะนี้ จึงเป็นข้อมูลบิดเบือน ขอความร่วมมือประชาชน ไม่แชร์ ไม่ส่งต่อข่าวดังกล่าว เพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสถานการณ์ของโรคโควิด-19 ในประเทศไทย และวิธีการป้องกันตนเอง สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.ddc.moph.go.th หรือโทร. 1422
บทสรุปของเรื่องนี้คือ : จากผลการตรวจคัดกรองเชิงรุกล่าสุดวันนี้ (2 ก.ค. 2564) นั้น พบผู้ติดเชื้อรวมทั้งหมด 17 คน จากพนักงานในโซน E-Center จำนวนทั้งสิ้น 367 คน คิดเป็นสัดส่วน 4.6% ไม่ใช่กว่า 100 ราย ตามที่กล่าวอ้าง