จากประเด็นประเทศไทยอยู่ในกลุ่มเสี่ยงประเทศล้มละลาย เนื่องจากผิดนัดชำระหนี้ ทางสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ได้ชี้แจงว่า ข้อความดังกล่าวบิดเบือนรายงานของธนาคาร Standard Chartered และ สบน. ไม่เคยผิดนัดชำระหนี้ อีกทั้งบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากประเทศสหรัฐอเมริกา ได้คงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทยที่ BBB+ และคงมุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศไทยอยู่ในระดับมีเสถียรภาพ
วันนี้ (2 ก.ค.) ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูลในสื่อออนไลน์ต่าง ๆ เกี่ยวกับประเด็นเรื่อง ประเทศไทยอยู่ในกลุ่มเสี่ยงประเทศล้มละลาย เนื่องจากผิดนัดชำระหนี้ ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ
กรณีการเผยแพร่ข้อมูลว่าขณะนี้ประเทศไทยอยู่ในกลุ่มเสี่ยงประเทศล้มละลาย เนื่องจากได้ผิดนัดชำระหนี้นั้น ทางสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง ได้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวและชี้แจงว่า ข้อความดังกล่าวเป็นข้อความเท็จ และยังเป็นการบิดเบือนรายงานของธนาคาร Standard Chartered ทำให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนต่อประเด็นดังกล่าว
ในแต่ละปีสำนักงบประมาณจะจัดสรรงบชำระหนี้ให้กับกระทรวงการคลังและรัฐวิสาหกิจเพื่อนำไปชำระคืนต้นเงินกู้และดอกเบี้ยที่ครบกำหนดชำระ โดยเมื่อได้รับงบชำระหนี้แล้ว สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ได้นำไปชำระหนี้โดยยึดหลัก “ครบถ้วน ถูกต้อง ตรงเวลา” อย่างเคร่งครัด และไม่เคยผิดนัดชำระหนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นในแต่ละปี จะต้องได้รับการจัดสรรและชำระอย่างครบถ้วน ไม่สามารถลด ตัดทอน หรือโยกงบดังกล่าวไปใช้ในการอื่นได้ เพื่อไม่ให้ประเทศต้องเสียความน่าเชื่อถือจากการผิดนัดชำระหนี้
ทั้งนี้ตั้งแต่ปี 2561 คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐได้กำหนดให้สำนักงบประมาณต้องจัดสรรงบประมาณเพื่อการชำระต้นเงินกู้ของรัฐบาลและหน่วยงานของรัฐซึ่งรัฐบาลรับภาระ ในสัดส่วนร้อยละ 2.5 – ร้อยละ 3.5 ของงบประมาณรายจ่ายประจำปี และในปี 2563 ได้มีการขยายกรอบดังกล่าวเป็น ร้อยละ 2.5 – ร้อยละ 4.0 ของงบประมาณรายจ่ายประจำปี โดยในปีงบประมาณ 2565 กระทรวงการคลังและรัฐวิสาหกิจได้รับงบชำระคืนต้นเงินกู้ 100,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 3.2 ของงบประมาณรายจ่ายประจำปี ซึ่งอยู่ในกรอบวินัยการเงินการคลังของรัฐที่คณะกรรมการกำหนดที่ร้อยละ 2.5 – 4.0 แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลได้คำนึงถึงการรักษาวินัยในการชำระหนี้ เพื่อรักษาความน่าเชื่อถือของประเทศ ความมั่นคง และการมีเสถียรภาพทางการคลังเป็นสำคัญ
นอกจากนี้ บริษัท Fitch Ratings (Fitch) บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากประเทศสหรัฐอเมริกา ยังเชื่อมั่นว่ารัฐบาลไทยสามารถบริหารจัดการความเสี่ยงจากหนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้นในช่วงวิกฤติโควิด-19 นี้ได้เป็นอย่างดี โดยเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2564 Fitch ได้คงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (Sovereign Credit Rating) ที่ BBB+ และคงมุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศไทยอยู่ในระดับมีเสถียรภาพ (Stable Outlook) เนื่องจากกระทรวงการคลังได้ดำเนินกลยุทธ์การบริหารความเสี่ยงหนี้สาธารณะภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังอย่างเข้มแข็ง จึงขอให้ประชาชนมั่นใจว่า สบน. ได้บริหารจัดการหนี้สาธารณะและการชำระหนี้อย่างรอบคอบและระมัดระวัง ภายใต้กรอบวินัยทางการคลังอย่างเคร่งครัด และไม่เคยผิดนัดชำระหนี้
ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทางด้านสุขภาพ หรือหากพบผลิตภัณฑ์ที่ต้องสงสัย สามารถแจ้งร้องเรียนได้ที่สายด่วน 1556 และสามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.fda.moph.go.th
บทสรุปของเรื่องนี้คือ : ข้อความดังกล่าวบิดเบือนรายงานของธนาคาร Standard Chartered ทำให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนต่อประเด็นดังกล่าว ซึ่ง สบน. ได้บริหารจัดการหนี้สาธารณะและการชำระหนี้อย่างรอบคอบและระมัดระวัง ภายใต้กรอบวินัยทางการคลังอย่างเคร่งครัด และไม่เคยผิดนัดชำระหนี้ อีกทั้งเมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 64 บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากประเทศสหรัฐอเมริกา ได้คงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทยที่ BBB+ และคงมุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศไทยอยู่ในระดับมีเสถียรภาพ
หน่วยงานที่ตรวจสอบ : สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง