จากประเด็นซิโนฟาร์มยื่นหนังสือยืนยัน มีโควตาสำหรับประเทศไทย 20 ล้านโดส แต่ติดต่อรัฐบาลไทยไม่ได้ ทางกรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรี ได้ตรวจสอบและชี้แจงว่า บริษัทฯ ดังกล่าวไม่เคยติดต่อเพื่อขอเข้าพบตัวแทนรัฐบาลแต่อย่างใด และบริษัทฯ ดังกล่าวไม่สามารถนำเข้ายาเข้ามาในประเทศไทยได้ เนื่องจากไม่ได้รับอนุญาตอย่างเป็นทางการจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง
วันนี้ (28 พ.ค.) ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามที่มีการกล่าวถึงข้อมูลในประเด็นเรื่อง ซิโนฟาร์มยื่นหนังสือยืนยัน มีโควตาสำหรับประเทศไทย 20 ล้านโดส แต่ติดต่อรัฐบาลไทยไม่ได้ ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย กรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรี พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ
ในกรณีการเผยแพร่ข้อมูลโดยระบุว่า บ.เอกชน มีโควตาวัคซีนซิโนฟาร์ม สำหรับประเทศไทย 20 ล้านโดส พร้อมส่งให้ประเทศไทยได้ใน 2 สัปดาห์ แต่ตลอดระยะเวลา 1 เดือนที่ผ่านมา ไม่สามารถเข้าถึงนายกรัฐมนตรี หรือ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ได้ ทางกรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรี ได้ตรวจสอบและชี้แจงว่า จากการตรวจสอบข้อมูลในระบบของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แล้ว ปรากฏว่าบริษัทฯ ดังกล่าวไม่สามารถนำเข้ายาเข้ามาในประเทศไทยได้ เนื่องจากไม่ได้รับอนุญาตอย่างเป็นทางการจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง และด้วยเหตุที่บริษัทฯ ดังกล่าวไม่ได้รับอนุญาตให้นำเข้ายามาในประเทศไทย ดังนั้น บริษัทฯ ดังกล่าวจึงมีคุณสมบัติไม่ครบถ้วนและไม่สามารถยื่นขออนุณาตในการขึ้นทะเบียนกับ อย. อีกเช่นกัน นอกจากนี้บริษัทฯ ดังกล่าวไม่เคยมีประวัติการนำเข้ายา หรือขอรับการขึ้นทะเบียนกับ อย. มาก่อนแต่อย่างใด
ทั้งนี้ วัคซีน Sinopharm ได้มีบริษัท ไบโอจีนีเทค จำกัด ได้ขอขึ้นทะเบียนกับ อย. ไว้ก่อนแล้ว และขณะนี้อยู่ระหว่างการประเมินคำขอขึ้นทะเบียนอยู่ และอยู่ระหว่างการดำเนินการในขั้นตอนการพิจารณา ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นจากกรมธุรกิจการค้า พบว่าการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทฯ ดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มิใช่ธุรกิจยาและเวชภัณฑ์แต่อย่างใด และอยู่ระหว่างการตรวจสอบงบการเงินและแหล่งที่มาของรายได้ของบริษัทฯ ดังกล่าวต่อไปเพื่อความชัดเจน นอกจากนี้ยังพบว่า บริษัทฯ ดังกล่าวไม่เคยติดต่อเพื่อขอเข้าพบตัวแทนรัฐบาลแต่อย่างใด อีกทั้งการเจรจาติดต่อเรื่องการนำเข้าวัคซีนสามารถติดต่อผ่านทางองค์การเภสัชกรรม หรือสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาได้โดยตรงในเบื้องต้น โดยไม่มีความจำเป็นต้องพบนายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรีตามที่อ้างแต่อย่างใด
ดังนั้นจึงขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลมาตรการดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากกรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรี สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.prd.go.th/th หรือโทร. 02-618-2323
บทสรุปของเรื่องนี้คือ : จากการตรวจสอบแล้วพบว่า บริษัทฯดังกล่าวไม่เคยติดต่อเพื่อขอเข้าพบตัวแทนรัฐบาลแต่อย่างใด และบริษัทฯ ดังกล่าวไม่สามารถนำเข้ายาเข้ามาในประเทศไทยได้ เนื่องจากไม่ได้รับอนุญาตอย่างเป็นทางการจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง
หน่วยงานที่ตรวจสอบ : กรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรี