xs
xsm
sm
md
lg

Recap วงการบันเทิงปี 68 สุด Amazing อะไรไม่เคยเห็นก็ได้เห็น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เป็นปีแห่งการเปิดโปงแบบหงายหน้าไพ่แล้วผู้คนในสังคมถึงกับช็อกไปตามๆ กันสำหรับวงการบันเทิงในปี 2568 ที่สุดจะร้อนแรงเพราะมีเรื่องเดือดประเด็นร้อนสะเทือนสังคมแทบจะทุกเดือน บางเรื่องกระทบใจผู้คน บางเรื่องสะท้อนสังคม ได้เห็นด้านดีและด้านมืดที่ใครไม่คาดคิด และไม่อยากจะเชื่อว่ามันจะเป็นไปได้ว่าคนที่เรารู้สึกรัก รู้สึกศรัทธา สังคมได้เดินกันมาถึงจุดนี้แล้ว

1 “หมีเนย-หมูเด้ง” ที่พักฮีลใจของทุกคน
ดังต่อเนื่องแบบข้ามปี สำหรับสองคาแรกเตอร์ หมีเนย-หมูเด้ง ที่เปรียบเสมือนอินฟลูเอนเซอร์ท่านหนึ่ง แม้จะไม่ใช่มนุษย์ แต่กลับทรงพลังต่อหัวใจผู้คนมหาศาล คนจากสารทิศทั่วโลกพุ่งตรงมาเมืองไทยเพื่อจะได้ยลโฉมตัวจริงแบบใกล้ชิดกับมาสคอตแบรนด์ขนมที่ไม่มีชีวิตอย่างหมีเนย และสัตว์ในสวนสัตว์อย่างหมูเด้ง คนดังจากทุกวงการต้องหาคิวเพื่อมีเวลาไปใกล้ชิด เจอตัวน้องหมีเนย และน้องหมูเด้งตัวเป็นๆ ให้ได้

นอกจากหมูเด้ง-หมีเนย จะมีอิทธิพลโด่งดังและขับเคลื่อนเศรษฐกิจแล้ว ปรากฎการณ์ความน่ารักฟีเวอร์ของทั้งคู่ยังฮีลใจให้กับผู้คน หลายคนบอกเล่าเหมือนกัน เขามีรอยยิ้มและมีความสุขกับโลกใบนี้ได้อีกครั้งเพราะโลกใบนี้มีหมูเด้ง-หมีเนย ทำให้ชีวิตไม่เศร้าหมองจนเกินไป

2.เป๊ก ผลิตโชค” เมาคลั่งจนโดนแทง
เรียกว่าคดีพลิกแบบอ้าปากค้างกันไปเลยกับเรื่องราวของ นักร้องดัง “เป๊ก ผลิตโชค” ที่ตอนแรกมีข่าวถูกแทงในปั้มน้ำมัน ทำคนตกใจด่าทอล่าแม่มดตัวคนทำให้จัดการขั้นเด็ดขาด ซึ่งก็ได้ตัวคู่กรณีมา แต่เขาให้การว่า เป๊กจะเข้ามาทำร้ายจึงต้องป้องกันตัว ทำชาวเน็ตและแฟนเพลงถึงกับสวนทันที “คนอย่างเป๊ก ผลิตเนี่ยนะจะไปทำร้ายใคร!” แต่เรื่องราวก็กลับตาลปัตร เพราะภาพวงจรปิดที่เห็นคือเป๊กวิ่งออกจากรถไปยืนกลางถนนแล้วกระโดดเกาะกระโปรงแท็กซี่ วิ่งไปปีนรถกระบะ คู่กรณีเข้าไปต่อยหวังให้เป๊กสงบสติ สุดท้ายสู้กันจนคู่กรณีตัดสินใจเอามีดออกมาฟัน กระทืบซ้ำ

แต่เรื่องยังไม่จบ เพราะเป๊กลุกขึ้นมาวิ่งไล่คู่กรณีและคนในปั้มต่อด้วยสีหน้ายิ้ม ไม่มีอาการเจ็บปวดจากสิ่งที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด ทำคนที่เห็นคลิปอึ้งแล้วอึ้งอีก เกิดคำถามอะไรทำให้เป๊กเป็นไปได้ถึงขนาดนี้ และอยากจะให้รีบจัดการเรื่องนี้แม้จะเป็นคนดัง เพราะหากปล่อยไปแล้วลุกมาเป็นแบบนี้อีกจะเป็นภัยกับสังคม

ภาพ เป๊ก ผลิตโชคในวันนั้น สร้างความสะเทือนใจกับผู้คนในประเทศมากมาย มันสะท้อนไปถึงสิ่งที่อยู่ภายในใจของ เป๊ก ถึงเรื่องราวข่าวคราวทุกอย่างที่ทำให้ใจเขาบอบช้ำ หัวใจที่หลงทางที่ต้องได้รับการเยียวยาอย่างเร่งด่วน

ปัจจุบันเรื่องราวของเป๊กเงียบไปแบบค้างคาหาข้อสรุปไม่ได้ แม้จะเคลียร์กับคู่กรณีได้ แค่สังคมก็ยังสงสัยตกลงอาการของเป๊กที่เกิดขึ้นเป็นเพราะเมา ซึมเศร้า หรือสารเสพติด และรวมไปถึงข้อกังขาทำไมตำรวจถึงปล่อยให้เรื่องเงียบไปเฉยๆ

3.“แสตมป์-โตโน่-ลำไย” คนดีแตก
ถูกวางภาพลักษณ์จากสายตาผู้คนทั้งประเทศว่าเป็นคนที่รักแฟนมากๆ ไม่มีใครคิดว่าจะมีวันที่ศิลปิน “แสตมป์ อภิวัชร์” และ “โตโน่ ภาคิน” ออกมายอมรับสารภาพว่านอกใจแฟน เพราะถูกแฟนของชู้แฉแบบลากไส้ทำจนมุม งานนี้แฟนๆ พากันสิ้นศรัทธา ส่วนของ “ลำไย ไหทองคำ” แม้เรื่องจะเกิดขึ้นมาก่อนแล้วเพิ่งมาแดงว่าเลิกแฟนหนุ่ม “ปุ้ย แอลกอฮอล์” แต่ไม่บอกใครเพื่อไปคบแดนเซอร์ในวง จนมารู้ตัวว่าถูกหลอกให้กลายเป็นมือที่ 3 แถมถูกขู่ว่ามีคลิปหลุดสุดสยิวที่ บอส เอวหวาน ถ่ายไว้

ปัจจุบันคนดังมีทัศนคติเปลี่ยนไปว่าแม้จะเป็นบุคคลสาธารณะ แต่พวกเขาก็คือมนุษย์ มีรัก โลภ โกรธ หลง มีดีมีไม่ดี สามารถทำผิดพลาดได้ไม่ต่างจากคนทั่วๆ ไป ทุกวันนี้พวกเขากำลังพยายามกอบกู้ความศรัทธาจากแฟนเพลงกลับมา เหมือนกับที่ “หนุ่ม กะลา” ก็ขอซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเอง เคลียร์ทุกอย่างเพื่อจะได้รักกับ “จ๊ะโอ๋ งามพริ้ง” อย่างถูกจริยธรรมในสังคม เหลือก็แค่คนในสังคมยอมรับ

4.ปิดตำนาน “ผู้วิเศษ”
เป็นสตอรี่ที่ช็อกสังคมไปเลยกับเรื่องราวของหมอดูชื่อดัง คนที่ตั้งตนเป็นกลุ่มบุคคลที่ใกล้ชิดธรรมะและสิ่งศักดิ์สิทธิ์หลอกลวงผู้คนในสังคมด้วยความศรัทธาให้หลั่งไหลเงินมาบริจาคทำบุญสุดท้ายเอาไปกินไปใช้เสียเอง แต่ด้วยเม็ดเงินพลังศรัทธาที่สะพัดเป็นเงินมหาศาล ทำเอาผู้คนตกใจจนต้องทบทวนความงมงายของตัวเอง ว่าเงินที่บริจาคไปจะไปถึงตามที่ตั้งใจไว้หรือเปล่า คนหมดศรัทธาและตั้งคำถามกับการทำบุญ

แม้ทุกวันนี้จะจับเข้าคุกได้เพียง “หมอบี ทูตสื่อวิญญาณ” และ “หลวงพ่ออลงกต” แต่ก็ยังมีผู้วิเศษอีกหลายคนที่อยู่ในลิสต์เตรียมยื่นหลักฐาน แสดงความบริสุทธิ์ของตัวเอง หลายคนรอดำเนินคดี และหลายคนถูกจับตาพฤติกรรมอยู่ เป็นเรื่องราววนๆ อยู่ใต้น้ำเน่าของสังคม ที่รอเวลาเปิดเผยและจัดการให้สิ้นซาก

5 “โอปอล สุชาตา” บทพิสูจน์คุณค่าของผู้หญิงและเวทีนางงาม
สร้างรอยยิ้มและเป็นความภูมิใจให้กับคนไทยสำหรับ โอปอล สุชาตา ที่คว้ามงกุฎ Miss world 2025 ได้เป็นคนแรกของเมืองไทย ในยุคที่เวทีนางงามตกต่ำและเสื่อมถอย เวทีดัง Miss Universe เกิดข้อกังขา เปลี่ยนมือเจ้าของจนสิ้นมนต์ขลังในความเป็นพลังของผู้หญิง ทั้งๆ ที่อยู่มา 70 กว่าปี

ด้วยเลือดนักสู้ของโอปอล แม้จะเคยถูกปล้นมง Miss Universe คว้าได้เพียงรองอันดับ 3 จากนั้นยังถูกปลดจากตำแหน่ง รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ด้วยความขัดแย้งของผู้ถือลิขสิทธิ์ ทำให้โอปอลเปิดตัว มิสเวิลด์ไทยแลนด์ 2025

โอปอลก้าวข้ามคำดูถูกดูแคลน ฝึกฝนซ้ำแล้วซ้ำเล่าทั้งความงามและสติปัญญาจนคนทั้งโลกมองเป็นว่าเธอนั้นคู่ควรกับสวมมงฟ้า Miss world 2025 เวทีนางงามที่เก่าแก่ที่สุดในโลก โอปอลได้เพิ่งพลังมนต์ขลังให้กับเวทีนางงาม ด้วยการเป็นตัวแทนของผู้หญิงเข้าร่วมประชุมสุดยอดผู้นำระดับโลกที่สหประชาชาติ ขึ้นกล่าวปาฐกถาเปิดงาน Global Leadership Summit 2025 ผู้แทนความหวังและพลังแห่งความงามที่ขับเคลื่อนโลก แสดงศักยภาพผู้หญิงในฐานะนางงามที่มีคุณค่าต่อสังคมโลกอย่างแท้จริง

6.“เทศกาลเจนนี่” มหกรรมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย
อะไรๆ ก็เป็นไปได้ ดูอย่างแม่ค้าอินฟูลฯ คนดัง “เจนนี่ รัชนก” ทะเลาะกับแม่ แต่ก็กลัวตัวเองเครียดเกินไปเลยอยากหาอะไรทำจึงไปตั้งโทรศัพท์ไลฟ์ขายของ ทำยอดถล่มทลายขายหมดเกลี้ยง จึงไปขอดีลลูกค้าจะช่วยขายของให้แล้วแบ่งเปอร์เซ็นต์กัน ดีลกันหน้าไลฟ์ตรงนั้น ความเรียลทำชาวเน็ตให้การติดตาม และกดซื้อสินค้าเพราะราคาพิเศษ

มีเจ้าของแบรนด์ ดารา-คนดังมือใหม่ที่เพิ่งจะเป็นแม่ค้า มาขอดีลกับเจนนี่ทั่วฟ้าเมืองไทย จนเกิดเป็นเทศกาลเจนนี่ แม้กระทั่งดังอย่าง “อั้ม พัชราภา” ก็ยังต้องมานั่งขายของที่บ้านเจนนี่ ทุบสถิติการขายมากกว่า 100 ล้านใน 1 วัน สร้างปรากฎการณ์ยอดขายมากกว่า 1,000 ล้านใน 1 เดือน

เจ้าของกิจการหลายคนให้เหตุผลว่าในช่วงเศรษฐกิจซบเซาการเทศกาลเจนนี่ช่วยขับเคลื่อนและกระตุ้นยอดขาย แม้กำไรจะน้อยลงก็ตามเพราะโปรโมชั่นลดกระหน่ำ แต่ก็ทำให้วงการคึกคัก รวมถึงพ่อค้า-แม่ค้าหน้าใหม่ที่เป็นคนดังพากันน้ำตาไหล ขอบคุณเจนนี่ที่สอนวิชาการขายให้จนได้ยอดเป็นกอบเป็นกำ แม้ทุกวันนี้เทศกาลเจนนี่จะสิ้นสุดลงแล้ว แต่เรื่องราวของเจนนี่ถือเป็น case study ให้กับสังคมและวงการธุรกิจ

7. “ดิว อริสรา-นานา” มหกรรมโกงเงิน
ถือเป็นประเด็นร้อนแรงและสะเทือนใจคนไทยเป็นวงกว้างที่สุดกับประเด็นคนดังหลอกโกงเงินคน เบื้องหน้ามีชีวิตหรูหรา ลักชูรี่ แต่จริงๆ แล้วเอาเงินเพื่อนมาหมุนทั้งนั้น ไม่ได้รวยจริง ดิว อริสรา ยืมของแบรนด์เนมเพื่อนเอาไปขายต่อเอาเงินมาถมชีวิตลักชูรี่จนเป็นหนี้ 62 ล้านบาท ส่วน นานา ไรบีนา หลอกเงินเพื่อนรักแก๊งนางฟ้ามาลงทุนแต่แท้จริงแล้วเอาปรนเปรอชีวิตครอบครัวตัวเอง เป็นเงินทั้งสิ้น 195 ล้าน

เรื่องนี้กระแทกใจคนไทยอย่างแรง เพราะจากมิตรกลับกลายเป็นมิจ (มิจฉาชีพ) ทำคนตั้งคำถามอะไรทำให้ทั้งดิว - นานา มาถึงจุดนี้ได้ หลอกได้แม้กระทั่งเพื่อนรัก คนที่คอยให้ความช่วยเหลือตัวเอง สะท้อนสังคมจากนี้จะเชื่อใจใครได้บ้าง แม้แต่คนในครอบครัวที่คลานตามกันมาอย่างตระกูล “ณรงค์เดช” เองยังมีเรื่องขึ้นโรงขึ้นศาลเพราะเรื่องเงินเลย

ปีนี้คนรวย ไฮโซ โกงกันเยอะมาก ซึ่งมัน คือ เรื่องจริงนะ ยุคนี้คนที่น่ากลัวที่สุด ไม่ใช่คนที่ดูจน แต่ คือคนที่ดูรวย เข้าวัดทำบุญ ธรรมะธรรมโม ใส่นาฬิกาหรู โชว์รถสปอร์ต อวดบ้านหลังใหญ่ ถ่ายรูปนั่งเครื่องบินชั้น Business เที่ยวต่างประเทศ นี่แหละ









































กำลังโหลดความคิดเห็น