“อิงฟ้า” เคลียร์ชัดปัญหา “ฟรีน-เบ็คกี้” ไม่กระทบ 4 Elements ชมทีมงานแก้ไขปัญหาหลังบ้านได้ดี ยันเป็นซีรีส์ยูริที่ทุ่มงบเยอะที่สุดตั้งแต่เคยมีมา ด้าน “ชาล็อต” อัปเดตใจสู้แพนิกดีขึ้นมากแล้ว กินยาน้อยลงเรื่อยๆ ยังรอเงิน 4 ล้านคืนจากมิจฉาชีพ
ทำเอาแฟนๆ ของโปรเจกต์ 4 Elements แอบหวั่นว่าการที่ “ฟรีน สโรชา จันทร์กิมฮะ” และ “เบ็คกี้ รีเบคก้า แพทรีเซีย อาร์มสตรอง” มีปัญหากับต้นสังกัดเก่าเรื่องไม่จ่ายค่าตัว ตอนนี้แยกกันออกมาตั้งค่ายของตัวเองกันแล้ว จะมีผลกระทบกับโปรเจกต์นี้หรือไม่ ซึ่งทางด้านคู่ “อิงฟ้า วราหะ” และ “ชาล็อต ออสติน” ยืนยันว่าไม่มีผลกระทบ เพราะทีมงานหลังบ้านจัดการกันได้ดี ได้คิวออนแอร์เดือนมีนาคมปีหน้านี้
อิงฟ้า : “อีกประมาณ 1-2 วันก็ปิดกล้องแล้ว ก็น่าจะได้รับชมกันต่อจากเรื่องของดิน ซึ่งเรื่องดินก็จะได้รับชมกันประมาณเดือนมกราคมทางช่อง 7 HD ถามว่าคู่ฟรีน-เบ็คกี้ มีผลกระทบไหม ไม่มีค่ะ อันนี้ชื่นชมทีมงานที่แก้ไขปัญหาสถานการณ์ได้ดีมากๆ เขาก็จะรู้ว่าในกรณีที่ปัญหาเกิดขึ้นควรจะต้องถ่ายอันไหนก่อน อันไหนหลัง เอาอันไหนแทนได้หรืออะไรอย่างนี้ก็ทำกันเต็มที่ ทุกคนก็เดินหน้ากันต่อไม่มีปัญหาอะไร ตอนนี้ก็รับการแก้ไขไปแล้วเรียบร้อย ตอนนี้ก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว
ตอนนี้ยังเหลือ 2 เรื่องก็ให้ถ่ายไปก่อน ถ้าสมมติว่าหลังบ้านยังเคลียร์กันไม่ได้ก็ถ่ายเรื่องนึงก่อน เพราะของเราเป็นคิวแรกๆ ต้องรีบถ่าย รีบออนแอร์ เราออนแอร์มีนาคม เรื่องละ 2 เดือน เรื่องอื่นยัง แต่ว่าตอนนี้เขาก็โอเคกันแล้วเรียบร้อย ส่วนของเราเหลืออีกประมาณ 2 วัน คิดว่าเรื่องนี้เป็นยูริที่น่าจะใช้งบเยอะที่สุดตั้งแต่เคยมีมา เพราะว่าแต่ละสถานที่ก็ใช้งบเยอะ สวยๆ เราไม่ได้ได้ถ่ายกันที่กรุงเทพฯ อย่างเดียว คือไปต่างจังหวัด ก็คือไปไกลมาก โลเกชั่นสวยแน่นอน”
ชาล็อต : “หนูสวยมากเลยล่ะเรื่องนี้ อยากจะบอกนะไม่ว่าจะเป็นการจัดไฟ กล้องเอย มุมภาพต่างๆ ก็คือหนูดูหลังมอนิเตอร์แล้วแบบ โห สวย แล้วอยากเห็นตั้งแต่เรื่องแรกจนถึงเรื่องสุดท้าย ถ้าใครบอกว่าอุ้ย รอดูเรื่องของคู่โน้นคู่นี้ ต้องดูตั้งแต่เรื่องแรกเลย เพราะว่าสวยแล้วก็คุ้มค่าการดูแน่นอน สนุกแน่นอน เพราะว่าไปถ่ายก็สนุกแล้ว ใช้คำว่าคุณหนูไหม ไม่อยากพูดเลยค่ะ (หัวเราะ) ล่าสุดไปถ่ายครอบครัวตัวเองมา ซึ่งเครียดมากเลย เป็นวันที่ทุกคนเครียดจริงๆ เพราะว่าถ้าใครได้อ่านนิยายของชลลดาตัวละครหนู คือต้องไปอ่านไม่อยากสปอย รอดูแล้วกัน”
เผยอาการแพนิกเราดีขึ้น กินยาลดลง
ชาล็อต : “กินยามาเรียบร้อยแล้วค่ะ วันนี้สดใส จริงๆ จะบอกว่าเป็นโรคที่สามารถรักษาได้ แค่ไปหาคุณหมอ ไม่จำเป็นต้องกลัว หนูว่าคนปกติไม่ชอบให้ใครมาจู่โจมอยู่แล้วแหละ แต่ละคนจะมีอาการหรือว่าการกระตุ้นที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งของหนูก็อย่างที่บอกคือความเร็วหรือเสียงดังหนูจะรู้สึกตกใจง่าย เหมือนหลายๆ คนก็อาจจะเจอแสงไฟแล้วเป็นแพนิก บางคนเจอคนเยอะแล้วเป็น ซึ่งมันก็มาไม่ได้บ่อย ถ้ามาเราก็มียา ก็คือไปหาคุณหมอรักษาตามอาการ แล้วก็ลดโดสลงมาแล้ว ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ร่างกายมันค่อยๆ ดีขึ้น หรือว่าตัวหนูจะรับรู้ได้เองว่าหนูเริ่มมีความสุขแล้ว เริ่มปล่อยวางแล้ว อาจจะเพราะว่าคดีสิ้นสุดแล้วด้วย มันก็เลยไม่มีเรื่องเครียดแล้ว
แต่ด้วยอาชีพของเรามันต้องเจอแสงสีเสียง นี่คือสิ่งที่ทำให้หนูต้องไปหาคุณหมอ เพราะว่าหน้าที่เราคือต้องมาเจอคนเยอะมากๆ ต้องพบปะผู้คนอยู่บนเวที คือต้องเป็นคนที่จิตใจค่อนข้างแข็งระดับหนึ่งเลย แต่ว่าพอเจอคุณหมอเราก็อธิบายให้เขาฟัง เขาก็บอกว่าถ้าสมมติจะใช้ยาในการรักษาก็ได้นะ แต่หนูก็บอกว่าหนูไม่อยากใช้ไปตลอดชีวิตนะคะ เขาก็บอกว่าดีแล้ว เพราะว่าจริงๆ มันจะมีอีกอันนึงก็คือเป็นการฟื้นฟูจิตบำบัด ก็เหมือนเป็นเวลเนสให้กับตัวเราด้วยไม่ใช่ว่ากินยาอย่างเดียว เราก็ต้องปรับที่ตัวเราด้วย จริงๆ ยาตัวนี้คือช่วยให้ไม่ต้องคิดมาก ไม่ต้องวิตกกังวลแล้วก็หลับลึก ไม่สะดุ้งตื่น อาจจะเป็นเพราะว่าเรามีความเครียดเยอะช่วงที่เราโดนมิจจี้ ตอนนี้แฮปปี้ดีแล้วค่ะ
เคยมีช่วงมิสแกรนด์เมื่อปีแรกเลย ตอนนั้นยังไม่รู้เป็นอะไร แล้วหนูก็บอกว่าพี่ฟ้าหนูหายใจไม่ออก เขาก็เลยลากหนูออกไป มันน่าจะเป็นเรื่องของแบ็กกราวด์ของคนคนนึงที่ในอดีตเขาเคยเจอความรุนแรง ความเสียงดังมาตั้งแต่เด็ก เป็นจิตใต้สำนึก หรือจุดที่มันอยู่ข้างในที่เราไม่รู้เหมือนกัน ถ้าไม่มีใครพูดหรือว่าถ้าเราไม่ได้พูดกับใครไป การไปหาจิตแพทย์ก็เหมือนกัน การให้เราได้ไประบาย ได้ไปรักษาจิตใจที่มันขุ่นเคืองในใจให้มันดีขึ้น แต่วันนี้ถ้า 100% ก็สดใสได้ 70% ค่ะ อีก 30% ยังรอ 4 ล้านอยู่ค่ะ”


