xs
xsm
sm
md
lg

“เจนนี่” ปิดตำนานเทศกาลเจนนี่ ลั่นฝืนจัดเหมือนฆ่าตัวตาย คุยกับแม่แล้วแต่น้อยลง และต่อไปจะไม่ขอพูดอีก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น” ปิดตำนานเทศกาลเจนนี่ ยกเลิกโปรเจกต์บูธ 5 ภาค ดีกว่าฝืนจัดแล้วไม่ประสบความสำเร็จ จะเหมือนกับฆ่าตัวตาย ไม่หวั่นรายได้หาย บอกไม่ตายก็หาใหม่ได้ ขอพักให้เวลาลูกเต็มที่ ลั่นจะไม่กลับไปจนอีกแล้ว ส่วนเรื่องแม่คุยกันน้อยลงและต่อไปจะไม่ขอพูดอีก แยกย้าย “บูม” ไปเติบโต บอกไม่สะดวกต้องให้ความหวังหรือแบกอีกฝ่ายตลอดไป ดีใจได้ร่วมทำเพลงกับ “เวย์ ไทยเทเนียม” ถึงแม้เพลงจะได้ออกหรือไม่ก็ตาม

ออกมาประกาศยกเลิกโปรเจกต์ตลาดเทศกาลเจนนี่ไปเรียบร้อย สำหรับสาว “เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น” รัชนก สุวรรณเกตุ เหตุกระแสตก เทศกาลเจนนี่ในไลฟ์สดคนดูลดลง จากที่เคยมีหลักแสนคนต่อวัน ทุกวันนี้เหลือแค่หลักพันหลักหมื่นเท่านั้น ซึ่งเจ้าตัวก็ยอมรับว่ากลัวลูกค้าที่จองซื้อบูธไว้จะไม่คุ้ม อีกทั้งช่วงที่ผ่านมาก็ไม่มีเวลาให้ลูกๆ ทั้งสองคนเลย ต้องการพักบ้าง

เอาจริงๆ เรากลัวลูกค้าไม่คุ้ม แล้วก็ที่สำคัญคือเรารู้สึกว่าเราโหมงานมาหนักประมาณ 2-3 เดือน มันควรที่จะพักได้แล้ว รวมถึงลูกสาว 2 คนที่เรารู้สึกว่าเราห่างเหินกับลูกคนเล็กมากเลย เราไม่ได้เลี้ยงเหมือนลูกคนโต แล้วเกิดว่าถ้าเราทำบูธ 5 ภาค 5 เดือนจริงๆ แล้วคงไม่มีเวลาให้ครอบครัวเลย อีกอย่างยอดคนดูที่เคยดูหลักแสนตอนนี้มันถึงหลักหมื่นหลักพัน คิดว่าการที่เราขายงานลูกค้าไป เรารู้สึกว่ากลัวว่าเขาจะไม่คุ้ม แล้วรู้สึกว่าขอตัวไปตั้งหลักและคิดใหม่ให้มันพอดีกับสิ่งที่เรารู้สึกว่าลูกค้าจะได้รับสิ่งที่ดีที่สุดก็จะดีกว่า คือเรารู้สึกว่าจัดไปก็อาจจะมีสิทธิ์โดนดรามาหรือโดนว่าได้ งั้นเราถอยมาตั้งหลักเพื่อให้ตัวเองได้พักผ่อนหย่อนใจทั้งเรื่องสภาพจิตใจและก็สภาพร่างกายที่ผ่านมาของเราด้วย

ที่ผ่านมามันก็หลากหลายเรื่องค่ะ แล้วก็มีทั้งเรื่องภายในครอบครัว เรื่องของดรามาเทศกาลเจนนี่หลายๆ อย่าง แล้วก็เรื่องของความสำเร็จที่เกิดขึ้น รวมๆ แล้วมันก็ดี แต่ถามว่ามันเหนื่อยไหมมันก็สภาพจิตใจที่บางทีคอมเมนต์ต่างๆ ดรามาต่างๆ มันก็ทำให้เราก็มีนอยด์ๆ บ้าง แต่ว่าสุดท้ายก็ดีใจที่มีเทศกาลเจนนี่เกิดขึ้น”

ยอมรับคนดูน้อยลง จึงต้องเบรก เพราะกลัวลูกค้าไม่คุ้มกับเงินที่เสียไป
“ตอนที่ยกเลิกไปตอนแรกมันอยู่ในช่วงที่เราลังเลว่าเราจะไปต่อหรือพอแค่นี้ คือเราก็พยายามถามพี่ๆ ที่ซื้อบูธมาทุกเจ้า ก็มีหลายท่านมากเลยที่จะไปต่อ ประมาณ 50 เจ้าที่เราบอกไป แต่เรารู้สึกว่าเราแอบกลัวด้วยแหละ ณ วันนั้นที่เราขายงานคนดูเราหลักแสน เราก็รู้สึกว่าถ้าวันนั้นเราจัดบูธนี้แล้วเราเดินไลฟ์สด คนดูก็ยังเยอะแบบนี้ลูกค้าคือคุ้ม 100% แต่ ณ วันนี้กระแสมันก็มีมาแล้วก็หายไป เราเลยรู้สึกว่างั้นเราอาจจะต้องเบรกก่อน หรือ ณ วันที่เราไปขายงานให้ลูกค้าเราก็ไปบอกเขาให้ชัดเจนมากขึ้นว่าอันนี้โซเชียลมีเดียของเรามันประมาณนี้ๆ นะ คือพูดง่ายๆ ว่าลูกค้าที่เขาซื้อบูธเราในช่วงนั้น มันก็เป็นช่วงที่มันก็น่าซื้อ มันก็เป็นช่วงพีก แต่ว่าเรากลัวไม่คุ้มมากกว่า แล้วเรารู้สึกว่าอยากพักด้วย

ถามว่าพอหยุดแล้วรายได้หายไปเยอะไหม หนูว่าเรื่องเงินไม่ตายเราก็หาใหม่ได้ แล้วอีกอย่างเทศกาลเจนนี่ที่ผ่านมามันคุ้มค่ามากๆ แล้ว มันไม่จำเป็นต้องไปอยากได้เงินตรงนี้ของคนที่เขาคาดหวังกับเรา หรือว่าของลูกค้าที่เป็นพันธมิตรกับเรา ซึ่งลูกค้าที่ซื้อบูธของหนูทั้งหมดเป็นลูกค้าที่จ่ายเงินเราหลักแสนหลักล้านทุกท่านเลยที่ไม่ได้รวมค่าบูธ ซึ่งเราก็รู้สึกว่าเราได้มากพอแล้ว ถ้าเราจะจัดงานอะไรให้เขา หรืออยากร่วมธุรกิจกับเขาต้องเป็นงานที่มันชัวร์ว่าประสบความสำเร็จ เพราะว่านี่คือลูกค้าที่เขาพร้อมจะเคียงข้างเราตลอดไปทั้งชีวิต เพราะเราทำงานเกี่ยวกับโซเชียลมีเดีย

และถ้างานนี้มันไม่ประสบความสำเร็จเหมือนกับเราฆ่าตัวตาย เราก็เลยรู้สึกว่าในเมื่อมันมีความเสี่ยงขนาดนี้ รวมถึงบูธภาคใต้ที่มันค่อนข้างยากที่เราจะไปจัดที่หาดใหญ่ เพราะมันเกิดเรื่องน้ำท่วม แล้วหนูยอมรับว่ามีผู้ประกอบการที่เป็นภาคใต้ยกเลิกค่อนข้างสูง เราก็เลยรู้สึกว่าในช่วงนี้เรายังไม่ควรโฟกัสงานรื่นเริง หรือว่าการจัดงานที่ภาคใต้ เราก็เลยรู้สึกว่างั้นเราพักก่อน”

จะเอาความสำเร็จที่ผ่านมาไปต่อยอด ไม่ให้ตัวเองกลับไปจนอีก
“มันก็มีแป้วแหละ ใครจะมานั่งบอกว่า เฮ้ยฉันดีใจจังเลย คนดูน้อย มันก็มีแป้ว แต่ว่าสิ่งหนึ่งที่เราจำไว้เสมอว่าเราเคยประสบความสำเร็จมากแค่ไหน แล้วหลังจากนี้หนูต้องเอาความสำเร็จที่เกิดขึ้น ทำยังไงก็ได้ให้หนูสามารถใช้ชีวิตได้ทั้งชีวิต โดยที่ไม่กลับไปลำบาก หรือกลับไปจนเหมือนเดิม

คือหนูรู้สึกว่าที่ผ่านมาถ้าเราใช้ชีวิตได้ดีมากพอ เราจะไม่มีทางกลับไปจนเลย คือเราต้องตระหนักตรงนั้นไว้มากกว่าที่เราจะมานั่งเสียใจว่าคนไม่ชอบฉันแล้วเหรอ หรือคนไม่ดูฉันแล้วเหรอ อีกอย่างหนึ่งคือถ้าตราบใดที่เรายังมีความสามารถ เราไม่มีวันตายหรอก คือเราก็ยังสามารถทำนู่นทำนี่ไปได้เรื่อยๆ ที่ผ่านมาหนูก็พยายามพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นแล้วว่าหนูไม่ใช่แค่นักร้อง ไม่ใช่แค่เจ้าของค่าย หนูเป็นแม่ค้าได้ด้วย หนูร้องเพลงได้ด้วย หนูแต่งเพลงได้ด้วย หนูก็รู้สึกว่าอย่าไปซีเรียสเยอะ แต่ยอมรับว่าช่วงแรกๆ ที่โดนคอมเมนต์หนักเราก็จะแบบจริงเหรอๆ อะไรอย่างนี้ แต่ตอนนี้โอเคแล้วค่ะ”

บอกต่อให้ทะเลาะกับแม่อีกก็จะไม่บอกใครแล้ว
ส่วนที่บอกให้ไปสร้างกระแสทะเลาะกับแม่อีก คือต่อไปต่อให้ทะเลาะอีกหนูคงไม่พูดแล้ว เพราะว่าเป้าหมายของหนูวันนั้นคือไม่ใช่ทะเลาะกันเพื่อมาขายของ เป้าหมายของหนูคือทะเลาะกันเพื่อให้มันจบ เพื่อให้ชีวิตที่มันแบกอะไรหนักๆ เคลียร์สักที ถ้าใครได้ติดตามจริงๆ จะรู้ว่าหนูหนักมาทั้งชีวิตจริงๆ กับเรื่องการเงินของที่บ้าน ซึ่งหนูก็สะสมมาจนหนูรู้สึกว่าทางออกมันมีทางเดียว แล้วก็โซเชียลมีเดียที่จะช่วยขัดเกลาจิตใจได้กับคนที่กำลังเดินทางผิด ก็คือคุณแม่นั่นแหละที่เดินทางผิดเกี่ยวกับเรื่องของการเงิน ซึ่งวันนี้พอมันเกิดขึ้นแล้วเรารู้สึกว่าเราได้เคลียร์แล้ว เราได้บอกทุกคนไปแล้วว่าปัญหาที่เกิดขึ้นมันคืออะไร หลังจากนี้มันจะเปลี่ยนแปลงไหม จะกลับไปอยู่จุดเดิมหรือเปล่า คือมันไม่สามารถแก้ไขอะไรได้แล้ว

ตอนนี้ได้คุยกับแม่แล้วค่ะ แต่ยังคุยน้อย บางทีอาจจะยังไม่ได้ตอบเรื่องนี้ในเวลาไลฟ์สด เพราะเรารู้สึกว่ามันก็จะมีหลายท่านที่เขารู้สึกเบื่อ แล้วก็รู้สึกว่าอีกแล้วเหรอ เอาเรื่องครอบครัวมาพูดเหรออะไรอย่างนี้ แต่คุยกันน้อย เพราะว่าแผลมันเพิ่งเกิดขึ้น มันอาจจะต้องใช้เวลาสักพัก หรือว่าอาจจะต้องมีข้อตกลงในการดำเนินชีวิตกันต่อ”

ยืนยันไม่มีปัญหากับ “บูม เทยกระทะ” แค่แยกย้ายกันไปเติบโต
“กับบูมจริงๆ มันเป็นเรื่องที่ง่ายมากๆ เลย มันเป็นเรื่องปกติ คือจริงๆ แล้วบูมกับเจนไม่ได้อยู่กันมาตั้งแต่แรก แต่ในช่วงการทำงานที่ผ่านมาบูมก็เข้ามาช่วย มันก็มีกระแสไวรัลต่างๆ ที่ส่งผลดีกับการไลฟ์สดของเจน เพราะวันหนึ่งที่งานมันน้อยลง คนดูน้อยลง บูมก็มีสิทธิ์ที่จะเติบโตในชีวิต เพราะว่าหนูเองก็ไม่สะดวกที่จะต้องให้ความหวังหรือว่าแบกบูมไว้ตลอดไป แต่ถ้าวันหนึ่งวันใดที่บูมออกไปเติบโตแล้วลำบาก หรือบูมเดือดร้อนอีกแล้ว วันนั้นเราค่อยเจอกันอีกครั้งก็ได้ แต่ในฐานะของความเป็นเพื่อนไอ้เรื่องทักแชต โทร.คุยมันยังมีความปกติ”

ยันไม่เคยทักหาเพจที่โจมตีเพื่อเคลียร์ปัญหา
“ไม่เคยทักหาใครเลยค่ะ อาจจะต้องระมัดระวัง เพราะว่าตอนนี้มันมีมิจฉาชีพและเพจปลอมเยอะมาก แต่ส่วนตัวหนูไม่มีเวลาทักหาใครเลย มีแต่คุยกับลูกค้า แต่หนูเห็นทุกอย่างค่ะ แรกๆ ก็โกรธอยู่ค่ะ แรกๆ ก็หัวร้อน มีอารมณ์โมโหว่ามีคนโจมตีเรา แต่วันนี้เราใจเย็นมากขึ้น แล้วก็มีคำแนะนำจากผู้ใหญ่ให้เราแก้ปัญหาให้ถูกทางแล้วก็มีสติมากกว่านี้ เพราะว่าสุดท้ายแล้วไม่มีใครทำร้ายเราได้ถ้าเรายังยึดมั่นในความดี หรือว่าเราพร้อมที่จะพัฒนาตัวเองแล้วก็ปรับปรุงแก้ไขเอา จริงๆ เพจที่โจมตีก็มีทั้งข้อดีข้อเสียนะ อันที่มันเป็นข้อเสียที่เรามองไม่เห็นเราก็จะได้รู้ตัว ว่าเรื่องนี้เราโอนเงินลูกค้าช้าจริงหรือเปล่า อันนี้เกิดขึ้นจริงไหม หรือเรื่องไหนที่มันไม่ถูกต้องเราก็ว่ากันไปตามกฎหมาย ซึ่งหนูก็มีสิทธิ์ที่จะปกป้องตัวเอง แต่ยังไงก็ต้องขอบคุณทุกๆ คน

ตอนนี้ก็ให้ทนายความดำเนินตามกฎหมายค่ะ ก็คงต้องปกป้องตัวเอง เพราะว่า ณ วันนี้ในวันที่เทศกาลมันจบลงแล้ว ในวันที่คนดูเราไม่ได้แมสขนาดนั้น มันก็ไม่แฟร์ที่เรายังจะต้องโดนโจมตีอยู่ในทุกๆ วัน ซึ่งมันก็มีผลต่อสภาพจิตใจของเรา และอีกอย่างลูกสาวของเรากำลังเติบโตขึ้นทุกวัน ถ้าเขาต้องมาเรียนรู้หรือมาเจอเรื่องแบบนี้เรามองว่ามันก็ไม่ควร เพราะฉะนั้นอันไหนที่หนูสามารถที่จะให้กฎหมายปกป้องได้หนูก็จะทำ แต่ว่าอันไหนที่สามารถพูดคุยกันได้ ตกลงกันได้ หรือว่าไปในทิศทางที่ดีขึ้นเราก็ยินดี”

ดีใจได้ร่วมทำเพลงกับ “เวย์ ไทยเทเนียม” ปริญญา อินทชัย ถึงแม้เพลงจะได้ออกหรือไม่ก็ตาม
พี่นานา (นานา ไรบีนา) ก็ทักมาแจ้งยกเลิกแล้ว ก็เหมือนขอโทษเรา เราก็บอกว่าไม่เป็นไรค่ะหนูเข้าใจ ส่วนเพลงที่บอกว่าจะทำด้วยกัน อันนี้ยังไม่ได้พูดคุยกันเลยค่ะ เพราะว่าอัดเพลงปุ๊บมันก็เกิดเรื่อง หลังจากนั้นเราก็ไม่กล้าที่จะทักไปถามพี่ๆ เขา แต่ยังไงแล้วหนูว่าจริงๆ พี่ๆ เขาน่าจะรู้แหละว่าจะสเต็ปต่อไปควรจะเป็นแบบไหน ก็ไม่ได้มีการวางมัดจำอะไรกันค่ะ เพราะว่าตอนคุยกันมันก็เหมือนเราได้รับโอกาสจากผู้ใหญ่ที่ได้ฟีเจอร์ริ่งกับวงระดับประเทศ แล้วก็ได้ไปเล่นคอนเสิร์ตใหญ่ระดับประเทศ เราก็เลยยังไม่ได้คุยเรื่องของเงินกัน

หนูก็ดีใจที่ได้ร่วมงานกับพี่เวย์ เพราะว่าตอนนั้นที่เราไปอัดเสียงมันก็เป็นความรู้สึกแบบใหม่ แล้วก็เห็นการทำงานที่มันระดับโปรดักชั่นใหญ่ระดับประเทศ ก็ดีใจที่ได้เรียนรู้ตรงนี้ และไม่ว่าทางพี่เขาจะปล่อยเพลงหรือไม่ปล่อยเพลง แต่อย่างน้อยเราก็ได้เข้าไปร่วมอัดเสียงกับเขา แล้วมันก็เป็นภาพจำให้เราแล้วว่ามันเกิดขึ้นแล้ว”







กำลังโหลดความคิดเห็น